Baania
Baania
จังหวัด
ประเภทประกาศ
ประเภทอสังหาริมทรัพย์
ราคา

8 วิธีการจัดสวนหย่อมกลางแจ้งให้สวยนาน อยู่ยาว และวิวดี

x
คลิกที่นี่ เพื่อฟังบทความ

การหาพื้นที่พักผ่อนให้กับคนในบ้านทำได้ง่ายๆ แค่ “จัดสวนหย่อมกลางแจ้ง” ให้ทุกคนได้หลบหนีความวุ่นวายของชีวิตประจำวันสู่เวลาแห่งการผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติที่คุณสรรค์สร้างขึ้นมาได้เอง ลองมาดู 8 วิธีการจัดสวนหย่อมกลางแจ้งอย่างง่ายที่จะทำให้คุณเข้าใจถึงวิธีการจัดสวนหย่อม พร้อมเคล็ดลับในการจัดสวนและดูแลเหล่าต้นไม้ได้ให้ถูกหลัก มีความสวยงาม เป็นประโยชน์สูงสุด

1. ออกแบบสวนหย่อมกลางแจ้ง

การเลือกสวนหย่อมให้เหมาะกับบ้านที่อยู่อาศัยถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ในการจัดสวนหย่อมกลางแจ้ง จะช่วยสร้างความสอดคล้องกับตัวบ้าน และยังเป็นประโยชน์กับผู้อาศัย โดยแบ่งการวิธีออกแบบสวนหย่อมกลางแจ้งได้ 2 แบบด้วยกัน ดังนี้

  • มีพื้นที่จำกัด พบได้มากในเขตเมือง มักเป็นบ้านจัดสรร คอนโด แฟลต อพาร์ทเม้นท์ หรือบ้านเช่า นิยมการตกแต่งสวนแบบธรรมชาติ โดยจะล้อตามบริเวณจัดสวนหย่อมเป็นอันดับแรก ต้นไม้เน้นสีเขียวลื่นตา และการตกแต่งสวนแบบนามธรรม ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก โดยแต่งสวนออกมาจากความคิดของผู้แต่ง บอกเล่าเรื่องราวอย่างมีศิลปะ ซึ่งการตกแต่งสวนทั้งสองอย่างนี้เหมาะแก่การทำสวนแนวตั้ง สวนกระถาง และสวนแขวน เพราะใช้พื้นที่น้อย ดูแลรักษาง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก สามารถตั้งได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน 
  • มีพื้นที่ปานกลางจนถึงใหญ่ มักพบเห็นมากตามสถานที่สำคัญ เช่น วัด สวนสาธารณะ สำนักงาน บริษัท และบ้านนอกเขตเมือง นิยมการตกแต่งสวนแบบประดิษฐ์ โดยอิงจากหลักการทางเรขาคณิต หรือความสมดุลเป็นเรื่องหลัก ต้นไม้จะมีความคล้ายคลึงกัน เรียงไล่ระดับอย่างเป็นระเบียบเน้นสีฉูดฉาด และการตกแต่งแบบสวนจินตนาการ มักใช้ในเหตุการณ์สำคัญบางอย่าง เช่น งานแต่งงาน งานเลี้ยงสังสรรค์ หรือเทศกาลใหญ่ ๆ โดยการดัดแปลงลักษณะต้นไม้ อาจมีการวางรูปปั้นหรือประติมากรรมประกอบเป็นเส้นนำสายตา การตกแต่งทั้งสองอย่างนี้จึงเหมาะแก่การทำสวนกระบะและสวนหิน เพราะใช้พื้นที่พอสมควรในการจัดวางต้นไม้ สร้างจินตนาการ และดึงบรรยากาศได้สูง 

ออกแบบสวน

2. ปรับหน้าดินให้กับสวนหย่อม

การเตรียมหน้าดินให้เหมาะกับการทำสวนหย่อมกลางแจ้งก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยก่อนการกระทำใด ๆ จำเป็นต้องได้แบบแปลนสวนที่ตกลงกันดีแล้วจริง ๆ ก่อน เพื่อไม่ให้สูญเสียเงิน และค่าแรงงานโดยเสียเปล่า ซึ่งขั้นตอนสามารถแยกเป็นส่วน ๆ ได้ดังนี้

การสำรวจพื้นที่ก่อนทำสวนหย่อม เป็นการคาดการณ์สวนที่จะทำว่า เป็นพื้นดินเก่า พื้นดินใหม่ มีท่อระบายน้ำ หรือสายไฟพาดผ่าน และใช้พื้นที่ทั้งหมดประมาณเท่าไหร่ เพื่อให้สามารถเตรียมดินถมได้อย่างเหมาะสม พอดีกับพื้นที่ทำ ควรคำนึงถึงสภาพอากาศ และช่วงเวลาทำงานให้ดี เพราะหากฝนตก หรือมีงานก่อสร้างจะทำให้ดินที่ปรับไว้แล้วเป็นรอย หรือมีน้ำขังทำให้ลำบากปรับดินใหม่

การลงดินถม ให้จัดการวัชพืช และนำของตกแต่งออกจากพื้นที่ก่อน จากนั้นนำปูนขาวมาวางพื้นที่ตามแบบแปลน ตรงไหนเป็นพื้นที่ต่างระดับให้โรยทำเป็นช่องเอาไว้ หากบางจุดมีการวางท่อน้ำ หรือสายไฟให้โรยทำพื้นที่ไว้เช่นกัน เพื่อให้ระวังจุดดังกล่าวเป็นพิเศษ เริ่มลงดินถมในที่ที่ง่ายก่อนจากนั้นให้ลงบนที่ต่างระดับต่อไป เมื่อลงดินเรียบร้อยแล้ว ควรรดน้ำและเหยียบให้ดินมีความมั่นคงต่อ หากมีพื้นที่บางจุดต่างระดับเกินไปให้ใส่ดินถมเพิ่ม แล้วทำการรดน้ำและเหยียบลงไปอีกครั้งให้พื้นดินเท่ากัน จากนั้นให้ทิ้งไว้ 1 คืน ถ้าวันต่อมายังพบว่ามีดินยุบให้ทำการเติมจนกว่าจะได้หน้าดินที่เท่ากันมากที่สุด

ปรับหน้าดิน

3. หินและกรวด

หินและกรวดเป็นของคู่กันในการตกแต่งสวนหย่อมกลางแจ้ง โดยมีหน้าที่หลักคือการเก็บรายละเอียด และเพิ่มจุดเด่นของพื้นที่ การเลือกหินและกรวดจะแบ่งได้ทั้งหมด 3 อย่างด้วยกัน คือ

  • หินทางเดิน จะมีลักษณะเป็นแผ่นยาว ทนทานแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี นิยมใช้หินทราย เนื่องจากตัดแต่งได้และมีสีให้เลือกหลากหลาย รองลงมาเป็นหินกาบจะรับน้ำหนักได้ดีที่สุด และหินเลียนแบบธรรมชาติซึ่งเกิดจากการนำหินหลายชนิดมาทำเป็นลวดลายลงไป มักคิดราคาเป็นแผ่นอยู่ที่ 60-130 บาท
  • หินตกแต่งหรือหินกรวด จะมีขนาดไม่ใหญ่มากโดยแบ่งตามลำดับตัวเลข 1-5 ซึ่งเบอร์ 1 คือขนาดใหญ่ และเบอร์ 5 คือขนาดเล็ก นิยมใช้หินกรวดแกลบ เพราะมีสีหลากหลายใช้เก็บซอกทางเดินหรือปิดจุดไม่สวยต่าง ๆ รองลงมาคือหินกรวดสีน้ำผึ้งจะเน้นวางตามทางเดิน และทางน้ำตก โดยราคาจะคิดเป็นถุง 1 ถุงจะมีหนักประมาณ 9 กิโลกรัม ราคาประมาณ 40-50 บาท
  • หินโชว์ มักใช้ในสวนขนาดปานกลางขึ้นไป เนื่องจากหินมีขนาดใหญ่ โดยลักษณะของหินนั้นเกิดจากการกัดเซาะตามธรรมชาติ หรือสั่งทางร้านตัดแต่งมาให้ได้ ราคาจึงอยู่ระหว่าง 3,000-3,500 บาท

ในการลงหินและกรวดทุกครั้ง ควรวางตะข่ายบนหน้าดินก่อน แล้วจึงลงหิน เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาดในภายภาคหน้า ตัวอย่าง สวนของผู้แต่งเป็นบ้านทาวน์โฮมสีขาว ต้องการแต่งสวนหย่อมที่มีพื้นที่หน้าบ้านขนาดเล็ก จึงซื้อหินทรายสีดำ และกรวดแกลบสีขาวมาปิดซอก จะใช้งบอยู่ที่ 600-1,500 บาท หากรวมตะข่ายเข้าไปด้วย

หินและกรวด

4. พืชคลุมดิน

การรักษาหน้าดินให้มีความทนทานยาวนาน มีน้ำที่เหมาะสมกับต้นไม้ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยสิ่งที่สามารถเข้ามาช่วยในเรื่องเหล่านี้ได้ดีคือ พืชคลุมดิน โดยวิธีการเลือกพืชให้ถูกตรงตามสภาพสวนหย่อมของเจ้าบ้านแบ่งออกได้ 2 แบบด้วยกัน ดังนี้

  • สวนที่มีแดดส่องตลอดเวลา หรืออาจมีบ้างช่วงที่รับแสงมาก ควรใช้พืชคลุมดินที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนหรือร้อนชื้น ได้แก่ กระดุมทองเลื้อย ที่มีใบเขียวมันและขนออกดอกสีเหลืองเข้ม ใบต่างเหรียญ จะทนทานต่อแรงกระแทกบอบช้ำยาก ไม่ต้องตัดแต่งมาก ปลูกในที่ร่มได้แต่จะใบเล็ก หรือเลือกเป็นถั่วลิสงเถาหรือถั่วบราซิลก็ได้
  • สวนที่มีแดดส่องบาง มีร่มจากบ้านหรือต้นไม้ใหญ่ช่วยบัง พืชคลุมดินที่ควรนำมาปลูกมักจะเป็นการเพิ่มความสวยงาม อยู่ตามพื้นที่ที่ถูกแรงกระแทกน้อย ได้แก่ ส้มกบหรือผักแว่น จะมีใบคล้ายโคลเวอร์ออกดอกสีเหลืองไม่ต้องดูแลตัดแต่งมาก มีสรรพคุณทางยาช่วยรักษาแผลเปื่อย แก้ท้องเสียได้ หรือเฟิร์นกนกนารี (Spike Moss) ใบเล็กใช้ปลูกบริเวณโคนต้นไม้และซอกแผ่นทางเดิน

พืชคลุมดิน

5. ไม้พุ่ม

ไม้พุ่ม หรือไม้กอ เป็นต้นไม้ที่นิยมมาตั้งเพื่อสร้างร่มเงา สร้างอาณาเขตให้กับสวน หรือปิดกั้นมุมที่ไม่สวยงามน่ามอง ในการเลือกต้นไม้พุ่ม ควรคำนึงถึงพื้นที่ของสวนก่อนว่ามีขนาดเท่าไหร่ สิ่งแวดล้อมภายนอกเน้นในลักษณะไหน จะทำให้สวนเข้ากันกับบ้านและเหมาะสมต่อการใช้สอยมากที่สุด การจัดไม้พุ่มสามารถแบ่งออก 3 แบบคือ

  • แบบพุ่มเดี่ยว มักใช้ไม้พุ่มขนาดใหญ่ตั้งกลาง หรือมุมต่าง ๆของสวน พบเห็นได้ทั้งพื้นที่สวนขนาดใหญ่และขนาดกลาง มักปลูกเพื่อให้ได้ร่มเงา และบังแดดให้พืชข้างล่าง นิยมใช้ต้นหูกระจง หรือปาล์มหางกระรอก 
  • แบบพุ่มกั้น เห็นได้บ่อยตามบริษัท สำนักงาน และบ้านที่มีบริเวณสวนพอสมควร แต่ต้องตัดแต่งบ่อยครั้ง การปลูกแบบพุ่มกั้นสามารถแยกพื้นที่ให้เป็นหลักแหล่งได้ดี มักใช้ไม้พุ่มเตี้ยจนถึงไม้พุ่มระดับกลาง โดยปลูกห่างระหว่างกันเล็กน้อยให้สามารถเชื่อมกันในตอนโตได้ เช่น ต้นเข็ม ไทรเกาหลี หรือต้นโมก
  • แบบพุ่มบัง จะนิยมนำมาผสมผสานกับรูปแบบพุ่มกั้น และแบบพุ่มเดี่ยวเพื่อเพิ่งมิติของสวน สำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัดจะมี 1 ถึง 2 ชั้น แต่สวนที่ใหญ่กว่านั้น จะมีได้ 2-3 ชั้น และมักใช้ไม้พุ่มเตี้ยที่มีดอกหรือสีสันตัดกับชั้นอื่นมาปิดท้าย เช่น พุดน้ำบุศย์ โกสน หรือหมากผู้หมากเมีย

ในเรื่องจำนวนนั้น มักปลูกล้อมรอบพื้นที่สวนสำหรับแบบพุ่มกั้น และแบบพุ่มบัง โดยมีจำนวน 5 ต้นขึ้นไป สำหรับแบบพุ่มเดี่ยวจะเน้นกระจาย หรือเรียงตามแนวทางเดิน จำนวนมีตั้งแต่ 1 ต้นขึ้นไป การเลือกดอกไม้ควรตัดกับสวนพุ่มที่จัดไว้ และสอดคล้องกับตัวบ้าน

ไม้พุ่ม

6. แหล่งน้ำ

น้ำเป็นสิ่งสำคัญที่อยู่คู่กับบ้านมานานตั้งแต่ยุคโบราณ ไม่ว่าจะใช้น้ำเพื่อดื่มกิน นำมาประกอบการทำอาหาร หาปลา กระทั่งเป็นทางคมนาคมเพื่อการค้า ปัจจุบันก็ยังเป็นที่ต้องการในการสร้างบรรยากาศ และให้ความร่มเย็นอยู่ โดยการจัดแหล่งน้ำมีรูปแบบ ดังนี้

  • แบบม่านน้ำ จะทำตามฝาผนังเป็นส่วนใหญ่ โดยลักษณะของน้ำจะไหลลงมาจากข้างบนลงข้างล่างคล้ายกับฝน ไม่มีเสียงดังรบกวน อาจทำเป็นทางกั้นระหว่างพื้นที่ หรือทำตัวอักษรข้างล่างให้น้ำไหลตามได้
  • แบบน้ำผุด เป็นการออกแบบยอดนิยมทั้งสวนใหญ่ และสวนเล็ก  โดยการติดตั้งตามพื้นที่นั่งเล่น ลานกลางสวนหย่อมเพื่อเป็นจุดนำสายตาของผู้พบเห็น มักมีฐานรองน้ำที่ไหลออกมาให้ได้ชมบรรยากาศด้วย
  • แบบน้ำตก เป็นการตกแต่งที่กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด มักพบน้ำตกขนาดเล็กตามบ้านสวน และขนาดใหญ่ตามสำนักงาน โดยการจัดน้ำรูปแบบนี้จำเป็นต้องใช้งบประมาณพอสมควร

แหล่งน้ำ

7. ของตกแต่งสวนหย่อมกลางแจ้ง

หลังจากแต่งสวนหย่อมเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกหนึ่งอย่างเพื่อทำให้สวนของผู้แต่งแตกต่างไม่เหมือนใครด้วยของตกแต่ง ซึ่งช่วยเป็นเอกลักษณ์ให้กับคนที่เดินผ่านแล้ว ตัวผู้ทำเองยังเกิดความทรงจำกับสวนนั้นได้อีกด้วย 

คนส่วนใหญ่นิยมนำของตกแต่งที่ทำมาจากปูน และขนาดใหญ่พอประมาณมาตั้ง เนื่องจากมีความคงทนต่อแสงแดดและสายฝน เช่น ตุ๊กตาในเทพนิยายความเชื่อ ตุ๊กตาน่ารัก หรือแจกันลวดลายต่าง ๆ

หากมีงบประมาณจำกัด ก็สามารถนำสิ่งของที่มีอยู่แล้วภายในบ้านนำออกมาประดิษฐ์ ลงสีสัน และออกแบบใหม่ โดยมักใช้ของเก่าที่ทนทานไม่มีการใช้งานแล้ว เช่น ลูกกอล์ฟ ทาสีให้เป็นลายแมลงเต่าทองหลากสีวางตามโค่นต้นไม้ หรือข้างทางเดิน ยางรถยนต์ นำมาพันรอบข้างด้วยเชือกกระสอบตั้งเป็นกระถางต้นไม้

ของตกแต่ง

8. การดูแลสวนหย่อม

หากต้องการคงความสวยงามของสวนหย่อมให้อยู่กับเจ้าของบ้านยาวนาน ก็ควรได้รับการดูแลที่ดีจากคนทำสวนด้วย โดยมีวิธีง่าย ๆ แถมช่วยฝึกความรับผิดชอบ ได้แก่ อุปกรณ์ที่จำเป็นและอาจจำเป็นในอนาคตเพื่อดูแลสวน เช่น จอบ ที่ต้องใช้ปรับหน้าดิน กรรไกรตัดหญ้า หรือตะข่ายรองหิน กำจัดวัชพืชบ่อยครั้ง จะทำให้ต้นไม้เติบโตดี ป้องกันแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาอยู่อาศัย รดน้ำทุกเช้าจะทำให้ต้นไม้ได้รับอาหารมาก และรดน้ำตอนเย็นอีกครั้ง พรวนดินเสมอ สุดท้ายใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม ต้นไม้จะได้รับสารอาหารเพียงพอจนโตงอกงามในเร็ววัน

การดูแล

การจัดสวนหย่อมกลางแจ้ง จะเป็นเรื่องง่ายไปเลยหากผู้จัดเข้าใจรูปแบบของบ้าน ตำแหน่งของสวน และต้นไม้ที่จะนำมาลง เพียงเท่านี้ก็จะได้มุมพักผ่อนที่เป็นธรรมชาติ และสวนหย่อมกลางแจ้งที่อยู่ร่วมกันกับเราไปอีกนาน

ประกาศยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร

โครงการยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร