เริ่มต้นไม่ถูกว่าควรเลือกที่อยู่อาศัยแบบไหนให้ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ซึ่งหากเลือกบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ในปัจจุบันและมองการณ์ไกลไปถึงอนาคตจะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาการรื้อ ต่อเติม ทำบ้านใหม่ มาดูกันว่าวิธีการเลือกที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ต้องเริ่มจากอะไรบ้าง <h3>บ้านเดี่ยว
</h3>บ้านเดี่ยวเหมาะกับคนที่ต้องการบ้านที่มีพื้นที่ มีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย ส่วนใหญ่คนที่เลือกบ้านเดี่ยวมักจะเป็นคนที่วางแผนมีครอบครัว หรือมีครอบครัวอาศัยอยู่ด้วยกันหลายคน ขนาดของบ้านขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกภายในบ้าน และหลาย ๆ ครอบครัวมองหาฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ครอบครัวใหญ่ มีผู้พักอาศัยหลายคน ทั้งเด็กและผู้สูงอายุ ที่อาศัยอยู่บ้านตอนกลางวัน ต้องการฟังก์ชันสมาร์ทโฮมเพื่อความสะดวกสบาย หรือนวัตกรรมเพื่อประหยัดพลังงาน และลดความร้อนภายในบ้านตอนกลางวัน รวมถึงเสียงรบกวนระหว่างลูกน้อยนอนหลับ 
Recommend: 
หลังคา เมทัลรูฟ เอสซีจี ลอน Snaplock ด้วยเทคโนโลยีการเคลือบสี NoiseTECH รายแรกในเอเชีย ที่ช่วยลดเสียงฝนตกกระทบบนหลังคาได้ดีกว่าสูงสุด 18% เมื่อเทียบกับเมทัลชีทบุฉนวนทั่วไป เหมาะกับบ้านที่มีลูกน้อย หรือปรับบ้านให้เป็น Smart Home Energy ด้วยการติดตั้ง SCG Solar Roof Solutions นวัตกรรมประหยัดพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 60%* หรือช่วยลดความร้อนให้บ้านอยู่สบายขึ้นด้วยนวัตกรรมบ้านเย็นฝ้าสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี รุ่นระบายอากาศ-โพรเทคชั่น ด้วยเทคโนโลยีสูตรซูเปอร์โมเลกุล และโพรไฟล์แผ่นที่มีรูระบายอากาศ พร้อมตาข่ายไฟเบอร์กลาสสำเร็จรูปจากโรงงานรายแรกในไทย ที่ช่วยระบายอากาศร้อนจากโถงหลังบ้าน ทำให้บ้านเย็น และยังปลอดภัยป้องกันแมลง สัตว์เล็กเข้าบ้านอีกด้วย<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230406/content/bf8hsn84-20230406042237.jpg" style="width: 100%;"> รวมไปถึงการตกแต่งฟาซาดหรือผนังตกแต่งภายนอกด้วยทีมงานมืออาชีพจาก DECAAR by SCG โซลูชันฟาซาด บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การเลือกวัสดุที่หลากหลาย การถอดแบบ ประมาณการ ดีเทลการติดตั้ง พร้อมติดตั้งและรับประกัน 
<h3>ทาวน์โฮม หรือ โฮมออฟฟิศ
</h3>คนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในการสร้างธุรกิจส่วนตัว นิยมสร้างที่พักอาศัยและที่ทำงานรวมอยู่ในที่เดียวกัน เพื่อความสะดวกสบายในการทำงาน และประหยัดเวลาเดินทาง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเลือกทำเลอยู่ชานเมือง เดินทางสะดวก ผู้คนไม่แออัดจนเกินไป ทาวน์โฮมหรือโฮมออฟฟิศเป็นลักษณะบ้านที่ใช้ผนังร่วมกัน ซึ่งอาจเกิดปัญหาเรื่องเสียงรบกวน ดังนั้นการทำระบบผนังกันเสียงก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้บ้านมีความส่วนตัวมากขึ้น รวมถึงการแบ่งสัดส่วนและตกแต่งพื้นที่ทำงานและพื้นที่อยู่อาศัยแตกต่างกันจะช่วยปรับอารมณ์ไม่ให้รู้สึกเบื่อ หรืออาจใช้วิธีตกแต่งสวน Outdoor ด้านหน้าเพื่อให้รู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ นอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานได้ดีอีกรูปแบบหนึ่งแล้ว ยังถือเป็นการสร้างคาแรกเตอร์ให้โดดเด่นน่าจดจำและยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้องค์กรได้
Recommend: 
ระบบผนังกันเสียง SCG Smart Wall – PRIVAZY นวัตกรรมระบบผนังกันเสียงที่สามารถกันเสียงได้สูงสุด 66 STC (Sound Transmission Class) เพื่อแก้ปัญหาการมีเสียงดังระหว่างห้อง ช่วยสร้างสมาธิในการทำงานและยังสามารถกั้นแบ่งพื้นที่ทำงานได้เป็นสัดส่วนทั้งห้องทำงาน ห้องประชุม เป็นต้น และระบบผนัง Board & Flame ที่ติดตั้งง่าย ลดเวลาและต้นทุน เพราะไม่ต้องก่ออิฐฉาบปูน อีกทั้งยังมีความแข็งแรง สามารถเจาะผนังเพื่อยึดหรือแขวนของตกแต่งห้องได้อย่างสบายใจ
ตกแต่งฟาซาดด้านหน้าให้สวยงามมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และยังช่วยในการกันความร้อนและสร้างความเป็นส่วนตัว
ผนังตกแต่ง เอสซีจี รุ่น Fretwok ผนังตกแต่งที่มีการฉลุลวดลายได้หลากหลายหรือฉลุลายเฉพาะตัวให้แสดงตัวตนของเจ้าของบ้าน ตกแต่งฟาซาดให้มีความสวยงานเป็นเอกลักษณ์แตกต่างไม่เหมือนใคร และยังช่วยในการกันความร้อนและสร้างความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230406/content/rvqfga6o-20230406042342.jpg" style="width: 100%;"> 
<h3>คอนโดมิเนียม
</h3>สำหรับคนโสดหรือคนที่มีคู่รัก นิยมเลือกซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อความคล่องตัว สะดวกสบาย ดูแลง่าย และมีความปลอดภัยสูง ซึ่งปัจจุบันนี้การตกแต่งคอนโดมิเนียมมีให้เลือกหลายฟังก์ชัน ตอบโจทย์กับสไตล์ได้ทุกรูปแบบ เพียงแค่เลือกวัสดุแต่งบ้านให้เหมาะสมกับสไตล์เรา เช่น ห้องสตูดิโอเล็ก ๆ สามารถกั้นผนังแยกห้องนอนและห้องนั่งเล่นได้ หรือติดตั้งผนังกันเสียงเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว และถ้าใครต้องการจะมีสวนเล็ก ๆ ในคอนโดฯ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ยังรวมไปถึงการติดตั้งนวัตกรรมที่ช่วยกรองฝุ่น PM 2.5 เชื้อโรค และรักษาระดับออกซิเจนในบ้านให้มีอากาศสดชื่น สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ก็จะทำให้การอยู่อาศัยสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
Recommend: 
อยู่คอนโดมิเนียมต้องการความเป็นส่วนตัว แนะนำเลือกวัสดุอะคูสติก เอสซีจี สำหรับผนังกันเสียง และ SCG Active AIR Quality นวัตกรรมเครื่องเติมอากาศดีให้บ้านและคอนโด ที่เป็นมากกว่าเครื่องฟอกอากาศ ตอบโจทย์เรื่องอากาศบริสุทธิ์และลดอากาศเสียในบ้าน
นอกจากเลือกสไตล์บ้านที่ตรงกับไลฟ์สไตล์แล้วอย่าลืมมองอีกหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ทำเลที่พักอาศัย ประมาณการราคาบ้านและค่าตกแต่งบ้าน โครงการที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐาน และการเลือกวัสดุก่อสร้างในการตกแต่ง ซึ่งแน่นอนว่าการเลือกวัสดุก่อสร้างในการตกแต่งบ้านให้เลือกบริษัทที่มีมาตรฐาน มีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษาได้ทุกขั้นตอน และมีโซลูชันที่หลากหลาย ตอบโจทย์ได้ครบทุกฟังก์ชันการใช้งานภายในบ้าน เพื่อให้เจ้าของบ้านได้เห็นภาพรวมและองค์ประกอบครบถ้วนในครั้งเดียว 
ใครที่สนใจสินค้าและบริการจากเอสซีจีปรึกษาหรือมองหาสินค้าที่จะมาเติมเต็มที่พักอาศัยสอบถามข้อมูลได้ที่ <a href="https://www.scgbuildingmaterials.com/th/all-activity/campaign/SCGMakesHomeEasy" target="_blank">https://www.scgbuildingmaterials.com/th/all-activity/campaign/SCGMakesHomeEasy</a>

เลือกบ้านสไตล์ไหน ให้แมทช์กับฟีเจอร์ที่ใช่ ตรงกับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยมากสุด

นายหน้าหลายท่านคงรู้สึกว่าเหนื่อยและท้อกับการทำคอนเทนต์โพสต์ขาย-เช่าทรัพย์ แต่ปิดการขายไม่สำเร็จสักที ทั้งที่ต้องเสียเวลาและงบประมาณในการทำคอนเทนต์ไปมากมาย Baania มีทางออกมาบอกครับโดยเมื่อ 3 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา Baania ได้จัด Open class by Baania คลาสออนไลน์ฟรี สำหรับนายหน้าอสังหาฯ ในหัวข้อ “โพสต์ให้ปัง ทำยังไง” ซึ่งนายหน้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี ใครที่พลาดคลาสออนไลน์ในวันนั้น วันนี้ Baania ได้สรุปเนื้อหาสำคัญจากคลาสมาให้เรียบร้อยแล้วครับ<h3>ขั้นตอนในการซื้อ-ขายบ้านของลูกค้า</h3>ก่อนที่จะทำคอนเทนต์โพสต์ให้ลูกค้าเห็นหรือสนใจ เราจะต้องเข้าใจขั้นตอนในการซื้อ-ขายบ้านของลูกค้าเสียก่อน ซึ่งโดยปกติแล้วมีดังนี้1. มีความต้องการซื้อ&nbsp;2. เห็นโฆษณา3. หาข้อมูล4. ดูทรัพย์หรือชมโครงการ5. จองหรือทำสัญญา6. ขอสินเชื่อ7. โอนกรรมสิทธิ์โดยโพสต์ของเราจะมีอิทธิพลมากสุดในขั้นตอนของความต้องการซื้อ การเห็นโฆษณา และการหาข้อมูล ซึ่งหากเราสามารถทำให้ลูกค้าเห็นโพสต์และตัดสินใจเลือกทรัพย์ของเราได้ใน 3 ขั้นตอนแรก ก็จะทำให้มีโอกาสปิดการขายได้สูง<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230404/content/3w67ao66-20230404122119.jpeg" style="width: 100%;"> <h3>3 ช่องทางหาลูกค้าที่สำคัญ</h3>1. Facebook Page, Facebook Group เป็นช่องทางสำหรับหาลูกค้าที่ปัจจุบันได้รับความนิยมสูง เพราะทำได้ง่าย วิธีการไม่ยุ่งยาก ใส่ข้อมูลทรัพย์และภาพทรัพย์ได้เยอะ สามารถแชร์ต่อหรือแนะนำลูกค้าง่าย ที่สำคัญมีค่าใช้จ่ายน้อย2. TikTok ช่องทางมาแรงในปัจจุบันที่กำลังได้รับความนิยมสูงมาก เหมาะสำหรับหาลูกค้าหรือแนะนำลูกค้าในลักษณะวิดีโอสั้น และข้อความที่ดึงดูดความสนใจ3. Line ช่องทางสำคัญที่สร้างโอกาสปิดการขายได้สูงสุด เพราะเป็นช่องทางที่ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะทักมาสอบถามข้อมูล ต่อรอง หรือนัดวันเวลาในการเยี่ยมชมทรัพย์ รวมถึงตกลงปิดการขายอีกด้วย<h3>การทำแคปชันโพสต์ให้น่าสนใจ</h3>องค์ประกอบสำคัญในการทำแคปชันโพสต์ จะประกอบไปด้วย 5 ส่วนหลัก ดังนี้- Headline หรือหัวข้อเรื่อง เป็นส่วนดึงดูดความน่าสนใจให้กับผู้อ่านมากที่สุด จึงควรเป็นข้อความที่สั้น สะดุดตา ตรงใจ และเข้าใจคนอ่านมากที่สุด- Subheadline หรือหัวข้อย่อย เป็นส่วนขยายจากหัวข้อเรื่อง ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้- Body หรือเนื้อหาหลักของโพสต์ เป็นส่วนที่จะต้องอธิบายหรือบอกให้ผู้อ่านทราบถึงเป้าหมายของเรา- ช่องทางติดต่อ เป็นส่วนสำคัญที่ห้ามลืมเด็ดขาด เพื่อให้ผู้อ่านสามารถติดต่อหรือสอบถามเพิ่มเติมได้- # หรือแฮชแท็ก เป็นส่วนที่ทำให้คนเจอโพสต์ของเราได้ง่ายขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะนิยมติด # เป็นคำตามกระแสและคำสำคัญที่คนจะค้นหา เช่น #บ้านมือสอง #ขายบ้าน #บ้านเดี่ยวนนทบุรี&nbsp;<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230404/content/z650113s-20230404122132.jpeg" style="width: 100%;"> <h3>รูปแบบคอนเทนต์ยอดนิยม</h3>รูปแบบของคอนเทนต์มีหลายรูปแบบ ทั้งวิดีโอ รูปภาพ แชร์โพสต์ ลิงก์ไปยังช่องทางอื่น หรือแคปชันอย่างเดียว ซึ่งจะต้องเลือกให้เหมาะกับจุดประสงค์และช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยเทรนด์เนื้อหาของคอนเทนต์ขายอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังได้รับความนิยม ได้แก่1. โปรโมชัน คอนเทนต์นำเสนอโปรโมชันอย่างส่วนลด ของแถม ราคาพิเศษ และข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ เป็นคอนเทนต์ที่มักกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น2. ภาพสวย เข้าถึงง่ายสบายตา คอนเทนต์ประเภทนี้มักเป็นการถ่ายภาพบ้านสวย ๆ ชัดเจนทุกมุม รวมถึงอาจเป็นคอนเทนต์ไอเดียแต่งบ้านหรือความรู้ที่คนเข้าถึงได้ง่าย มองเห็นภาพได้ทันที3. ประโยคเด็ด ข้อความสั้น ๆ ในภาพหรือแคปชั่นแบบตั้งสเตตัสสั้น รวมถึงวิดีโอสั้น เนื่องจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในปัจจุบันแนะนำว่าให้ทำคอนเทนต์ในรูปแบบเหล่านี้ เพื่อให้คนเห็นหรือมียอด Reach ดีมากที่สุด4. คำถามหรือกิจกรรม คอนเทนต์ชวนร่วมทำกิจกรรม เพื่อรับของรางวัล ทั้งของขวัญพิเศษ ส่วนลด รับราคาพิเศษ ของแถมจากทรัพย์ที่จะซื้อ รวมถึงคอนเทนต์ตั้งคำถาม เพื่อกระตุ้นให้คนสนใจหรือมีส่วนร่วมกับโพสต์มากขึ้น<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230404/content/28wbg6fq-20230404122143.jpeg" style="width: 100%;"> <h3>ตัวช่วยในการทำคอนเทนต์ยุคใหม่ </h3>ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่า การทำคอนเทนต์ยังเป็นเรื่องยุ่งยากและใช้เวลา Baania ขอแนะนำตัวช่วยเขียนแคปชันและภาพสวย ๆ อย่าง <a href="https://prop2share.com/landing" target="_blank">prop2share.com</a> เว็บไซต์ที่รวมสต็อกทั้งมือหนึ่งและมือสองขนาดใหญ่ เพียงเลือกทรัพย์ที่ต้องการแล้วกดแชร์ลงในช่องทางโซเชียลมีเดียของคุณก็เป็นอันได้โพสต์เรียบร้อย&nbsp;<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230404/content/gaw9tt3k-20230404122204.jpeg" style="width: 100%;"> โดยจุดเด่นของเว็บไซต์ prop2share.com นี้ คือ 1. มีแคปชันให้ นายหน้าท่านใดที่ไม่อยากคิดแคปชัน หรือไม่มีไอเดียแคปชันในใจ Prop2Share มีแคปชันและข้อมูลเบื้องต้นให้พร้อม ซึ่งหากต้องการแก้ไขให้เป็นสไตล์ของตนเองก็ทำได้ด้วยครับ2. มีรูปภาพให้ นายหน้าท่านใดที่ไม่มั่นใจว่ารูปทรัพย์ที่ถ่ายมาสวยและดีพอหรือยัง คุณสามารถเลือกภาพทรัพย์ที่ต้องการแล้วนำไปตั้งโพสต์ได้ทันที3. แชร์ง่าย ได้หลายช่องทาง นายหน้าสามารถทำโพสต์ทีเดียว แล้วกดแชร์ไปยังช่องทางต่าง ๆ ที่ต้องการ4. มีข้อมูลทรัพย์ให้ครบ นายหน้าที่ไม่อยากเสียเวลาในการหาข้อมูลย์ทรัพย์ให้ครบครัน เพียงเลือกทรัพย์ที่ต้องการใน Prop2Share ก็จะมีข้อมูลของทรัพย์นั้นมาให้อย่างครบถ้วน ทั้งลักษณะทรัพย์ ราคา จุดเด่น ทำเลที่ตั้ง สถานที่สำคัญคงได้แนวทางและเทคนิคในการทำคอนเทนต์ให้ปัง เพื่อนำเสนอทรัพย์ในแต่ละช่องทางออนไลน์กันไปแล้ว ใครที่อยากเข้าร่วมคลาสออนไลน์ฟรีครั้งต่อไปสามารถติดตามได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/Baania.Official" target="_blank">https://www.facebook.com/Baania.Official</a> หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถแอดไลน์ @baaniaofficial : go.baania.com/ee45adfc/&nbsp;

สรุป Open Class by Baania โพสต์ให้ปัง ทำยังไง

ร้อนขนาดนี้ เรามาตกแต่งบ้านได้สัมผัสถึงธรรมชาติอย่างไม่จำเจ พร้อมเพิ่มความสดใส ให้รู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวาด้วยกระเบื้องคอตโต้ จากเอสซีจี เซรามิกส์ กันดีกว่า จะเริ่มตกแต่งยังไง มาทำตามกันครับ<h2>สอดแทรกสีสันเล็ก ๆ ในโทนสีธรรมชาติ เติมเสน่ห์ให้ความสดชื่น
</h2>หากพูดถึงการตกแต่งบ้านในแนว Natural Style หรือในแนวโทนสีธรรมชาติในความนึกคิด คือ สีเขียว หรือสีสบายตาอย่างสีขาว สีแนวเอิร์ธโทน ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายสบายสายตา แต่ในบางช่วงจังหวะของชีวิต เราอาจต้องการสีสันเล็ก ๆ น้อย ๆ มาเติมเต็มให้ความรู้สึก สนุกขึ้น มากบ้างน้อยบ้าง ตามพื้นที่ใช้งาน อาทิ การเพิ่มสีสันให้กับการตกแต่งห้องนอน ที่ต้องการความเงียบสงบไม่รบกวนการพักผ่อน การนำเอาลวดลายของใบไม้ป่าเขตร้อน วางทับซ้อนเป็นจังหวะอย่างลงตัวของ กระเบื้องลายจังเกิ้ล ฟลอเรสต้าซีรี่ย์ ของคอตโต้ ที่นอกจากจะทำให้ห้องนอนดูมีมิติ ที่ไม่เงียบเหงาจนเกินไป แล้ว ยังได้กลิ่นอายแบบ Botanical Inspiration และเพิ่มเติมด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้วัสดุทำจากไม้ ไม่ว่าจะเป็นเตียง หรือเก้าอี้ มาประกอบ พร้อมเพิ่มกระถางต้นไม้ฟอกอากาศที่ไม่ต้องดูแลมากนัก เพื่อความสดชื่น ก็อาจช่วยเพิ่มประสิทธิการพักผ่อนให้รู้สึกผ่อนคลายสบาย ๆ ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว 
<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230324/content/v5475xzw-20230324103659.jpg" style="width: 100%;" alt="กระเบื้องคอตโต้" width="" height="" title="กระเบื้องคอตโต้" class="" role=""> ในขณะเดียวกัน การปรับมู้ดการตกแต่งโทนสีธรรมชาติ ในห้องทำงาน หรือห้องนั่งเล่น อาจสามารถสอดแทรกสีสัน ให้ดูสนุก มีสีสันได้เพิ่มมากกว่าห้องนอน เพื่อเพิ่มพลังบวกให้การทำงานไม่นิ่งเงียบจนเกินไป โดยอาจดึงองค์ประกอบจากธรรมชาติ อย่างกระถางต้นไม้สีเขียวหรือดอกไม้ที่ไม่จำเป็นต้องรดน้ำประจำมาวางเอาไว้บริเวณมุมบ้าน หรือในจุดที่มีแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้ พร้อมเลือกวัสดุตกแต่งผนัง ที่ให้ความเชื่อมโยงอย่าง กระเบื้องแพลททาโนซีรี่ย์ ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบจากพืชตระกูลต้นกล้วยและใบจาก ที่มีรูปแบบของใบไม้ที่สวยงาม ผนวกกับการให้สีสันของเฉดสีใบไม้ ทำให้ผนังดูเขียวขจีแบบ Tropical Design ให้ความรู้สึกร่มรื่น เหมือนดึงธรรมชาติเข้าสู่บ้าน พร้อมสร้างพลังให้การทำงานสดชื่นขึ้นอีกด้วย
<h2>เพิ่มความสดใส ด้วยสีสันของดอกไม้ ผสมผสานพื้นโทนสีไม้ 
</h2>การใช้พื้นที่เป็นไม้จริงหรือเป็นวัสดุทดแทนไม้จริง เป็นแนวทางการตกแต่งที่นักแต่งบ้านนิยมใช้ในการตกแต่งพื้นที่ให้สัมผัสกับธรรมชาติ การเลือกกระเบื้องปูผนัง ที่นำลายเส้นความสวยงามของดอกไม้ที่มีสีสันสดใสเหมือนรูปวาดศิลปะบนผนัง อย่าง กระเบื้องเฟลอร์สซีรี่ย์ มาเชื่อมโยงพื้นที่ให้ดูมีชีวิตชีวาได้อย่างลงตัว และช่วยทำให้ระเบียงบ้านได้ลุคสวยสไตล์วินเทจ หลีกหนีความจำเจการตกแต่งผนังที่กรุด้วยอิฐหรือหินเพิ่มขึ้นด้วย พร้อมเพิ่มเติมด้วยเก้าอี้ที่ทำด้วยไม้ จัดวางไม้กระถางขนาดเล็กให้ดูเหมือนสวนหย่อมน้อย ๆ ก็ทำให้ระเบียงห้องดูมีเสน่ห์น่านั่งมากยิ่งขึ้น 
<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230324/content/768v3xrx-20230324103718.jpg" style="width: 100%;" alt="กระเบื้องคอตโต้" width="" height="" title="กระเบื้องคอตโต้" class="" role=""> นอกจากเทรนด์การนำไม้มาเชื่อมโยงความรู้สึกให้สัมผัสถึงอารมณ์ธรรมชาติแล้ว ไม้ ยังถูกนำไปใช้เป็นองค์ประกอบในการตกแต่งผนังสลับกับการปูพื้นผนังด้วยกระเบื้อง โดยเฉพาะการตกแต่งผนังห้องน้ำ ที่มักใช้ โทนสีสว่าง อย่างสีขาวเป็นหลัก เพื่อให้ดูสบายตา และอาจเพิ่มสีสันด้วยกระเบื้องลายฟิออเรทโต้ซีรี่ย์ ที่ได้แรงบันดาลใจจากลวดลายของใบไม้ธรรมชาติโทนสีส้มทองสลับน้ำตาล ให้ได้อารมณ์ของใบไม้เปลี่ยนสี เพิ่มความลักซ์ชัวรี่ให้กับผนัง ที่ถูกตกแต่งด้วยการใช้แผ่นไม้มาตกแต่งเป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าและชั้นวางของ เพิ่มลูกเล่นด้วยชามอ่างดินเผาที่เคลือบพื้นผิวแวววาวด้วยสีเมทัลลิค และเพิ่มความเป็นธรรมชาติแบบเรียบง่ายด้วยก้อนหินที่มีขนาด สี และพื้นผิวที่ต่างกันเป็นของตกแต่ง แค่นี้ ก็ทำให้ห้องน้ำดูหรูหราในสไตล์ Asian Heritage เป็นการสื่อถึงการสร้างความสงบสุขให้กับสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ความสงบสุขนั้นก็จะถูกดึงดูดเข้ามาสู่ตัวเราด้วยเช่นกัน ตามที่หลักปรัชญาในแบบของตะวันออกได้กล่าวเอาไว้
<h2>เปิดสัมผัสธรรมชาติให้ชิล ด้วยแสงและกลิ่น
</h2>หากใครมีห้องในโซนทิศตะวันออกหรือใกล้ ๆ การทำบ้านให้ได้รูปแบบของ Nature Style บางครั้งก็ไม่ต้องทำอะไรมากมาย เพียงแค่มีหน้าต่างบานใหญ่ในห้องที่อยู่ทางทิศตะวันออก เพื่อเปิดโอกาสให้แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าส่องผ่านพื้นที่บางส่วน พร้อมเพิ่มเสน่ห์พื้นที่ห้องด้วย กระเบื้องลายซาวูติซีรี่ย์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความอุดมสมบูรณ์ของป่าซาวิติ(Savuti) ในอาฟริกาที่มีสัตว์ป่าและต้นไม้แบบป่าดงดิบบนผนังสลับกับ การเลือกเฟอร์นิเจอร์โทนสีธรรมชาติ สร้างบรรยากาศให้กลมกลืน และชิลเพิ่มขึ้นกับการมองวิวทิวทัศน์ด้านนอก เพียงเท่านี้ก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย พร้อมเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีพลังด้วยแรงบันดาลใจจากบรรยากาศดีๆรอบตัว หรืออาจสอดแทรกอารมณ์ธรรมชาติด้วยกลิ่นหอม หรือเทียนหอม อ่อนๆ แต่น้อยๆ แบบธรรมชาติ อย่างตะไคร้ หรือลาเวนเดอร์ ที่จะช่วยให้อารมณ์ผ่อนคลาย และหายใจปลอดโปร่งด้วย หลังออกไปเผชิญกับอากาศร้อน และมลพิษมาตลอดวัน เพิ่มเสน่ห์ให้การตกแต่งบ้านในแบบ Summer Color & Natural Style น่าอยู่เพิ่มมากขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230324/content/h4llrdk3-20230324103745.jpg" style="width: 100%;" alt="กระเบื้องคอตโต้" width="" height="" title="กระเบื้องคอตโต้" class="" role=""> 
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเลือกสินค้าที่ได้รับการรับรองภายใต้ฉลาก SCG GREEN CHOICE เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้านได้ที่ <a href="https://www.cotto.com/" target="_blank">https://www.cotto.com/</a>

ร้อนนี้ มาแต่งบ้านแบบ Summer Color & Natural Style กันดีกว่า

งานปรับปรุง ซ่อมแซมบ้าน เป็นงานที่ต้องใช้เวลา ต้องใช้คน แต่หากไม่อยากเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อกระเบื้อง Baania ขอแนะนำเคล็ดลับของการซ่อมหรือเปลี่ยนกระเบื้องใหม่ ฉบับทันใจแบบคอตโต้ ผู้นำในกลุ่มสินค้าติดตั้งและซ่อมแซมด้วยการปูกระเบื้องใหม่ทับกระเบื้องเดิมมาฝากกัน1. ตรวจดูความพร้อมของพื้นที่ ก่อนลงมือ 
อันดับแรกก็คือ การเช็คพื้นที่ ว่าสภาพพื้นที่เดิมมีความเรียบเนียน มีระดับพื้นเท่ากันหรือเปล่า หรือมีรอยแตกหักของกระเบื้องเดิมอยู่หรือไม่ สามารถรองรับน้ำหนักของกระเบื้องที่จะปูทับเพิ่มเติมได้เปล่า รวมถึงการเช็คระยะขอบประตูให้ดี ก่อนปูกระเบื้องทับพื้นที่เดิม<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230317/content/xsrby7k3-20230317085725.jpg" style="width: 100%;" alt="ปูทับกระเบื้องใหม่" width="" height="" title="ปูทับกระเบื้องใหม่" class="" role=""> 2. เตรียมกาวซีเมนต์
ด้วยนวัตกรรรมใหม่ล่าสุดของ กาวซีเมนต์ คอตโต้เฟล็กซ์ (ถุงทอง) สูตรอัลตร้าพลาสเตอร์ (Ultra Plaster ) จาก COTTO หนึ่งในผลิตภัณฑ์ภายใต้บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ที่ใช้ปูนพลาสเตอร์ผ่านการเผาด้วยอุณหภูมิสูง 500 - 1,180 องศา ทำให้ไม่มีน้ำเหลือในโครงสร้าง จึงมีการดูดซึมน้ำต่ำมาก ลดการอุ้มน้ำในชั้นปูน อีกทั้งยังมีการขยายตัวต่ำของเนื้อกาว ทำให้ช่วยลดการเกิดกระเบื้องแตกหักและกระเบื้องหลุดร่อนได้อย่างดี ถึงแม้เนื้อกาวจะมีความเหนียวแน่นเป็นพิเศษ ยึดเกาะได้ดีกว่าเนื้อกาวทั่วไป แต่ในขณะเดียวกันด้านการใช้งาน เนื้อกาวจะมีความเนียนละเอียด ทำให้ฉาบได้ลื่นมือ สามารถเบาแรงได้อีกด้วย ทำให้ใช้ปูทับกระเบื้องเดิมและพื้นที่สั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถใช้กับกระเบื้องได้ทุกประเภท ทุกขนาด หรือปูทับโครงไม้อัดและสมาร์ทบอร์ดได้ ไม่หลุดร่อนเพราะมีพลังยึดเกาะสูงสุด ช่วยให้เราสามารถปูกระเบื้องใหม่ทับกระเบื้องเดิมได้ ช่วยให้คุณประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนและขนทิ้งกระเบื้องเดิมได้เป็นอย่างมาก ช่วยในการลดปัญหาเรื่องเสียงดังที่อาจรบกวนเพื่อนบ้าน รวมถึงความฟุ้งกระจายของฝุ่นอีกด้วย<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230317/content/iy7f9k4o-20230317085709.jpg" style="width: 100%;" alt="ปูทับกระเบื้องใหม่" width="" height="" title="ปูทับกระเบื้องใหม่" class="" role=""> 
3. ปูทับกระเบื้องใหม่ด้วย 4 ขั้นตอนง่าย ๆ1.	ทำความสะอาดพื้นผิวกระเบื้องเดิม 
2.	ผสมกาวซิเมนต์กับน้ำตามอัตราส่วนที่กำหนดในผลิตภัณฑ์ 
3.	ปาดกาวซิเมนต์บนพื้นผิวกระเบื้องเดิม และบนหลังแผ่นกระเบื้องใหม่ให้เต็มแผ่น 
4.	วางกระเบื้องลงที่ละแผ่น ใช้ด้ามเกรียงหรือค้อนยางเคาะลงบนกระเบื้องเบา ๆ ให้กระเบื้องติดกับปูนทิ้งไว้ 24 ช.ม.แล้วค่อยลงยาแนวกระเบื้อง เพียงเท่านี้ก็ทำให้พื้นที่เดิมสวยใหม่ได้อย่างรวดเร็ว<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230317/content/7nu58bur-20230317085625.jpg" style="width: 100%;" alt="ปูทับกระเบื้องใหม่" width="" height="" title="ปูทับกระเบื้องใหม่" class="" role=""> สำหรับผู้ที่สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ <a href="www.shorturl.at/aiADN" target="_blank">www.shorturl.at/aiADN</a> ค้นหาผลิตภัณฑ์ติดตั้งและซ่อมแซมเพิ่มเติมได้ที่ Website: <a href="https://www.cotto.com" target="_blank">https://www.cotto.com</a> หรือแวะชมสินค้าคุณภาพที่ช่างมืออาชีพเลือกใช้เพิ่มเติมได้ที่ COTTO Life ทั้ง 3 สาขา กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น

เคล็ด(ไม่)ลับ ซ่อม เปลี่ยนกระเบื้องใหม่ฉบับทันใจกับคอตโต้

บ้าน

จะซื้อคอนโดทั้งที เลือกจากอะไรดี ถึงจะได้คอนโดในอุดมคติ วันนี้ Baania มี 6 ปัจจัยสำคัญในการเลือกคอนโดในอุดมคติเบื้องต้น โดยใช้เทคนิคส่อง Data ให้เห็น เลือกจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ในออนไลน์ มาบอกกัน<h3>&nbsp;1. ทำเลดี … เป็นRare Item</h3>&nbsp;“ทำเล” คือสิ่งสำคัญ แต่คำว่า “ทำเลที่ดี” ของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน บางคนมองว่าทำเลดี คือทำเลที่ซื้อของหาของกินง่ายเป็นหลัก บางคนคิดว่าเดินทางง่ายคือทำเลที่ดี ไม่ว่าจะขับรถขึ้นทางด่วนสะดวก ติดรถไฟฟ้า ใกล้รถเมล์ หรือบางทีก็มองว่าความสงบคือทำเลที่ดี ต่างคนต่างมุมมอง แต่หากทำเลใดมีพร้อมทั้งเดินทางสะดวก หาของกินง่าย ใกล้แหล่งชอปปิงก็ถือว่าเป็นทำเลแบบ Rare หรือ Unique ที่การันตีได้ว่าซื้อมาแล้ว Capital Gain ขึ้นแน่นอน เช่น ทำเลหลังสวนที่ใกล้ธรรมชาติอย่างสวนลุมพินี ใกล้รถไฟฟ้าสองเส้น และอยู่ใจกลางย่านทำงาน หรืออย่างทำเลอโศกก็มีความ Rare ทั้งความสะดวกเดินทาง ทำเลธุรกิจ และแหล่งหาของกิน เป็นต้น<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220721/content/5qbgiejf-20220721050010.jpg" style="width: 100%;" alt="คะแนน Living Score" width="" height="" title="คะแนน Living Score" class="" role=""> หากใครที่ต้องการทราบว่าทำเลย่านไหนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เป็นทำเลดีในความคิดของคุณ หรือทำเลใดที่มีความ Rare สามารถดูได้จากค่าคะแนน Living Score และ Eating Score ที่ Baania ได้รวบรวมและจัดทำขึ้นมา เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ที่ https://gobestimate.com/data<h3>2. Concept โครงการตอบโจทย์ Lifestyle เรา</h3>นอกจากได้ทำเลที่ตอบโจทย์แล้ว จะเลือกโครงการไหนดีในทำเลนั้นๆ เราสามารถดูได้ง่าย เริ่มจากดู Concept ของแต่ละโครงการที่มักใส่จุดเด่นอยู่ในคำโฆษณา หรือคำโปรโมท เช่น ทำเลดี ตอบไลฟ์สไตล์ ระดับคอนโด พื้นที่กว้าง พื้นที่ส่วนกลางครบ พื้นที่สีเขียวจัดเต็ม วิวดี บรรยากาศหรู หรือเลี้ยงสัตว์ได้ เป็นต้น ซึ่ง Concept เหล่านี้จะช่วยให้เราเลือกโครงการที่ใช่ได้ง่ายขึ้น โดยควรเลือกโครงการที่ตอบไลฟ์สไตล์ของเรา เช่น เราชอบเลี้ยงสัตว์ มีคอนโดที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ หรือเราเป็นคนชอบพื้นที่กว้างๆ ก็หาคอนโดที่มีพื้นที่ส่วนกลางโล่งๆ หรือเขียวๆ เยอะๆ หรือเราชอบนั่งจิบกาแฟสูบบุหรี่ชมวิวแม่น้ำ ก็เลือกคอนโดติดแม่น้ำนั่นเองครับ<h3>3. Spec + Layout ดีและมีฟังก์ชันหลากหลาย</h3>รูปแบบห้องและขนาดพื้นที่ คืออีกสิ่งหนึ่งที่ห้ามลืมเลย หากคุณอยากได้คอนโดในอุดมคติ ซึ่งนอกจากจะมีรูปแบบ Studio, 1 Bedroom, 2 Bedroom, Penthouse แบบที่คุ้นชินแล้ว แต่ในปัจจุบันยังมีการแบ่งสัดส่วนหรือรูปแบบห้องที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า เพิ่มฟังก์ชัน ได้รับความน่าสนใจ และอัพราคาขึ้นได้ เช่น<ul><li>รูปแบบห้อง 1&nbsp;Bedroom Plus&nbsp;ก็มักจะมีพื้นที่มากกว่า 1 Bedroom แต่ไม่เยอะเท่า 2 Bedroom โดยคำว่า Plus นี่แหละ มักจะทำให้ห้องมีพื้นที่เล็กๆ ให้เราเพิ่มฟังก์ชัน หรือออกแบบพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น เช่น โครงการ Niche MONO Sukhumvit-Bearing ที่แบบ 1 Bedroom Plus จะมีพื้นที่ Study Room เป็นห้องอเนกประสงค์ ให้แปลงเป็นห้องนอนลูก ห้องทำงาน หรือมุม Walk-in Closet ก็ได้ ซึ่ง Type แบบนี้ได้รับความนิยมมากทีเดียว</li><li>ระเบียงกว้างขึ้น ระเบียงคอนโดที่หลายคนติดภาพ คือเป็นระเบียงคอนโดแค่ก้าวเท้า 2-3 ก้าวก็หมดพื้นที่แล้ว หรือแค่วางราวตาผ้าเล็กๆ ก็เต็มพื้นที่ แต่ด้วย New Normal ที่คนเริ่มมองหาและต้องการพื้นที่กว้างมากขึ้นเมื่อคอนโด การมีคอนโดระเบียงกว้างๆ ใช้ตั้งโต๊ะ เก้าอี้ จิบกาแฟนอนเล่นได้ เปลี่ยนบรรยากาศสุดชิลแม้อยู่ห้องได้หลายโครงการจึงออกแบบรูปแบบหรือแปลนคอนโดแนวนี้กันมากขึ้น เพื่อเรียกความน่าสนใจให้กับคนซื้อ</li><li>MOFF Design&nbsp;อีกหนึ่งรูปแบบห้องที่เริ่มได้รับความน่าสนใจ โดยห้องรูปแบบนี้ มักถูกใจคนสายดีไซน์และชอบความโปร่งโล่ง โดยจะเป็นห้องแนวดิ่งในลักษณะ 2 Steps มี Extra Space เสริมพิเศษขึ้นมา มีได้เพดานสูงโปร่งกว่าเดิม</li></ul><h3>4. Facilities ใช้ได้จริงและเพียงพอ</h3>อยู่กรุงเทพฯ ชีวิตเร่งรีบตลอด รถก็ติดอยู่ทุกวัน แถมยังต้องตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อไปให้ทันเวลางาน เลิกงานแล้วกว่าจะกลับถึงที่พักก็มืดค่ำ จนทำให้เวลาพักผ่อน หรือออกไปผ่อนคลายสูดอากาศดีๆ ในชีวิตช่างเหลือน้อยเสียเหลือเกิน ดังนั้นการเลือกคอนโดที่มี Facilities. หรือสิ่งอำนวยความสะดอกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราคือทางออกที่ดีที่สุด เช่น ชอบสูดอากาศชอบต้นไม้ใบหญ้า ก็อาจจะเลือกโครงการที่มีสวนสาธารณะ หรือพื้นที่สีเขียวในโครงการเยอะๆ หรือหากใครชอบออกกำลังกายก็อาจจะต้องลองมองโครงการที่มีฟิตเนสตอบโจทย์ มีสระว่ายน้ำเป็นส่วนตัวที่ตรงใจ เป็นต้น <h3>5. ที่จอดรถ จอดกันได้สบายๆ ทุกคน (70 – 100% กำลังดี)</h3>ปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่เพียงพอ ดูจะเป็นปัญหาสำคัญที่คนอยู่คอนโดมักเจอปัญหา ฉะนั้นใครที่มีรถยนต์ ไม่นิยมพึ่งขนส่งมวลชน แนะนำว่าห้ามลืมดูที่จอดรถของโครงการเป็นอันเด็ดขาดครับ ว่ามีสัดส่วนเท่าไร และจอดได้กี่คัน ต้องเสียค่าที่จอดรถหรือไม่ อย่างไรบ้าง แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าคอนโดที่มีที่จอดแบบ 100% หาได้ยากมาก และถ้าจะหาได้ราคาคอนโดก็จะสูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง ฉะนั้นในปัจจุบันโครงการใหม่ๆ มักมีที่จอดรถแบบ Automatic Parking หรือที่จอดรถอัตโนมัติเพื่อมาแก้ปัญหาที่จอดรถไม่พอ ดังนั้นหากเจอโครงการที่ให้ข้อมุลทางโลกออนไลน์ หรือหน้าโครงการบอกว่า มีที่จอดรถตั้งแต่ 70% ขึ้นไป ก็ถือว่ากำลังดีแล้วครับ&nbsp;<h3>6. คนส่วนใหญ่ชอบ แต่อาจไม่ใช่ตัวเรา</h3>การหาคอนโดในฝัน การเลือกอ่านหรือดูรีวิวในอินเทอร์เน็ต คืออีกตัวช่วยให้เราเห็นภาพ และเห็นความคิดของคนอื่น หรือคนส่วนใหญ่มากขึ้นว่า โครงการที่เล็งไว้ดีหรือไม่ อย่างไรบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องอย่าลืมไลฟ์สไตล์และความต้องการของตัวเองด้วยนะครับว่า สิ่งที่เราต้องการโครงการนั้นมีตอบโจทย์ คุ้มค่า และตรงกับงบประมาณหรือไม่ด้วย ใครที่อยากรู้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคหรือผู้ค้นหาคอนโดเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ใครบ้างที่เป็นคนค้นหา แล้วเขาค้นหาอะไรกัน สามารถดาวน์โหลดข้อมูลมาดูกันได้ที่ <a href="https://gobestimate.com/data-detail/Customer-Interest-by-Location" target="_blank">https://gobestimate.com/data-detail/Customer-Interest-by-Location</a><a href="https://gobestimate.com/data-detail/Customer-Interest-by-Location" target="_blank"><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220721/content/4cc89322-20220721045136.jpg" style="width: 100%;" alt="ของมันต้องมี ! “คอนโดในอุดมคติ” ที่ดี … ควรมีอะไรบ้าง" width="" height="" title="ของมันต้องมี ! “คอนโดในอุดมคติ” ที่ดี … ควรมีอะไรบ้าง" class="" role=""></a> คงได้ 6 เทคนิคเลือกคอนโดในอุดมคติเบื้องต้น โดยใช้ Data แจกฟรีของ Baania และข้อมูลที่มีอยู่ในออนไลน์กันแล้ว หวังว่าคงพอจะทำให้ คนที่กำลังมองหาคอนโดที่ใช่กันอยู่เลือกคอนโดเบื้องต้น ก่อนลงพื้นที่ไปดูของจริงกันได้ง่ายขึ้นนะครับ

ของมันต้องมี ! “คอนโดในอุดมคติ” ที่ดี … ควรมีอะไรบ้าง

ระเบียงคอนโด พื้นที่ใช้สอยของคอนโดที่ยื่นออกมาจากตัวห้อง ซึ่งตามกฎหมายกำหนดไว้ว่าราวกันตกจะต้องสูงประมาณ 1-1.2 เมตรเป็นอย่างน้อย เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ แต่ในส่วนของความกว้างนั้นไม่ได้มีการกำหนดไว้ ซึ่งพื้นที่ส่วนของระเบียงคอนโดนี้สามารถเพิ่มประโยชน์ใช้สอยได้มากมาย เรามาดูกันครับว่าระเบียงคอนโดนั้นสามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มพื้นที่ใช้สอยเป็นอะไรได้บ้าง&nbsp; &nbsp;
<h2>1. ทำระเบียงคอนโดให้เป็นสวนสีเขียวส่วนตัว</h2>เมื่อพูดถึงการใช้ประโยชน์จากระเบียงคอนโด แน่นอนว่าใครก็คงคิดถึงการปลูกต้นไม้เป็นสวนสีเขียวเล็กๆ ทั้งสวนแนวตั้งหรือสวนแนวนอน ซึ่งมีทั้งการปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ รวมถึงพืชผักสวนครัวด้วย ซึ่งไม่เพียงช่วยเปลี่ยนบรรยากาศคอนโดกลางเมืองที่เป็นแต่ตึกสูงให้พบกับธรรมชาติ ช่วยผ่อนคลายความเครียด ผ่อนคลายจิตใจ และสร้างแรงบันดาลใจได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยลดฝุ่นมลพิษให้คอนโดของเราได้ และยังเป็นการเพิ่มพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้นได้อีกขึ้นส่วนใครที่ชอบกินผักปลอดสารพิษ หรืออยากมีปลูกผักทำอาหารกินเอง ก็ทำระเบียงคอนโดให้เป็นสวนผักคอนโดก็ได้นะครับ<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">แต่เรื่องหนึ่งที่ต้องระวังในการสร้างสวนสีเขียวที่ระเบียงคอนโด จะต้องเลือกต้นไม้ด้วยนะครับ แนะนำว่าควรเป็นพื้นที่ไม่ต้องการน้ำเยอะๆ ทนแล้งได้ดี ดูแลง่าย และขนาดไม่ใหญ่มาก ไม่เช่นนั้นอาจทำให้มีปัญหาเรื่องท่อตัน และมีปัญหากับห้องข้างเคียงอีกด้วย<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627030127793-1. ทำระเบียงคอนโดให้เป็นสวนสีเขียวส่วนตัว.jpg" alt="" width="608" height="405" title="ไอเดียระเบียงคอนโด" class="" style="" role=""><h2>2. ทำระเบียงคอนโดให้เป็นให้เป็นลานซักล้าง</h2>ใครที่ซื้อคอนโดแบบ 1 ห้องนอน หรือห้องแบบ Studio การใช้ระเบียงคอนโดเป็นพื้นที่ซักผ้าก็ได้นะครับ อย่างการตั้งเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงแทนการตั้งเครื่องซักผ้าไว้ที่ห้องครัวหรือห้องน้ำที่อาจจะแคบจนเกินไปก็ได้นะครับ เพราะบริเวณระเบียงคอนโดจะมีระบบท่อน้ำทิ้งไว้ให้อยู่แล้ว ทำให้เราสามารถตั้งเครื่องซักผ้าได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งเมื่อซักผ้าเรียบร้อย เราก็สามารถตากผ้าในบริเวณนั้นทันทีอีกด้วย&nbsp;
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627030147136-2. ทำระเบียงคอนโดให้เป็นให้เป็นลานซักล้าง.jpg" alt="" width="608" height="428" title="ไอเดียระเบียงคอนโด" class="" style="" role=""><h2>3. ทำระเบียงคอนโดให้เป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์</h2>ใครที่เป็นทาสสัตว์เลี้ยง ทั้งทาสหมา ทาสแมว พื้นที่ระเบียงคอนโดคือสถานที่เลี้ยงสัตว์ชั้นเยี่ยมของห้องเราครับ&nbsp; เพราะจะช่วยให้แมวไม่เครียด รู้สึกมีพื้นที่เที่ยวเล่นหรือชมธรรมชาติมากกว่าการที่ต้องให้สัตว์อุดอู้อยู่ในห้อง ยิ่งใครที่ไม่มีเวลาพาน้องหมา น้องแมวไปเดินเล่นด้วยนั้นระเบียงคอนโดสามารถช่วยได้นะครับ&nbsp;แต่ก่อนที่จะปล่อยสัตว์เลี้ยงไปวิ่งเล่นที่ระเบียง ควรจะดูเรื่องความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงด้วยนะครับ ว่าเขาจะปลอดภัยหรือไม่ มีโอกาสตกไป หรือกระโดดไปห้องคนอื่นหรือเปล่า ถ้าดุระเบียงแล้วอาจเกิดเหตุการณ์เหล่านั้น แนะนำว่าควรจะทำระเบียงให้พร้อมก่อน เช่น การติดระแนงไม้ การติดตาข่าย หรือการติดตะแกรงเหล็กป้องกันความปลอดภัยให้สัตว์เลี้ยง และป้องกันการมีปัญหากับเพื่อนข้างห้องด้วยไม่เพียงเท่านั้นยังต้องระวังเรื่องอุจจาระของพวกเขาด้วยนะครับ หากปล่อยให้เขาขับถ่ายบริเวณนั้นแล้วไม่จัดการเรื่องกลิ่นและความสะอาด อาจนำพาเชื้อโรคและกลิ่นไปรบกวนห้องข้างๆ จนอาจเกิดปัญหากันได้นะครับ เพราะฉะนั้นหากจะทำระเบียงคอนโดให้เป็นที่เลี้ยงสัตว์จะต้องดูพื้นที่ให้ดี วางระบบให้พร้อม รวมถึงอาจแจ้งให้เพื่อนข้างห้องทราบด้วยนะครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627030165120-3. ทำระเบียงคอนโดให้เป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์.jpg" alt="" width="608" height="405" title="ไอเดียระเบียงคอนโด" class="" style="" role=""><h2>4. ทำระเบียงคอนโดให้เป็นมุมทำงาน</h2>ใครที่นิยมทำงานอยู่บ้าน หรือต้องทำงานที่บ้านบ่อยๆ แล้วเบื่อบรรยากาศในห้อง ขณะเดียวกันก็ไม่อยากออกไปข้างนอก มุมระเบียงคอนโดนี่คือมุมดีๆ ที่เหมาะสำหรับทำงานที่ดีทีเดียวครับ เพียงแค่หาโต๊ะและเก้าอี้มาตั้ง หรือจะหาเพียงโต๊ะญี่ปุ่นและเสื้อเก๋ๆ แล้วนั่งมองฟ้าหาไอเดียทำงานก็น่าจะดีนะครับ แต่หากแดดร้อนเกินไปแนะนำให้หาร่มมาบัง หรือเลือกเวลาที่แดดไม่สาดแสงมาจะดีกว่านะครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627030194942-4. ทำระเบียงคอนโดให้เป็นมุมทำงาน.jpg" alt="" width="608" height="405" title="ไอเดียระเบียงคอนโด" class="" style="" role=""><h2>5. ทำระเบียงคอนโดให้เป็นที่เก็บของ</h2>อีกหนึ่งประโยชน์ของระเบียงคอนโดก็คือทำให้พื้นที่ตรงนั้นเป้นที่เก็บของใช้ต่างๆ แนะนำว่าให้หาลิ้นชัก หรือตู้เก็บของมาตั้งเพื่อความเป็นระเบียบ รวมถึงอาจทำที่บังกันฝนตกหรือแดดเข้าแรงๆ ด้วยนะครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627030390167-5.jpg" alt="" width="608" height="608" title="ไอเดียระเบียงคอนโด" class="" style="" role="">
&nbsp;<h2>6. ทำระเบียงคอนโดให้เป็นพื้นที่นั่งชิล</h2>สายชิลคนได้ชอบรับลม มองท้องฟ้า มองวิวเมือง หรือมองธรรมชาติ มุมระเบียงคอนโดเป็นอีกพิกัดหนึ่งที่เหมาะกับการนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ลองหาเฟอร์นิเจอร์ตัวโปรด อย่างโซฟาสบายๆ หรือเก้าอี้ตัวเก่ง กับโต๊ะเข้าชุดมาตั้ง เพื่อรับลม และจิบเครื่องดื่มก็ได้นะครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627030409054-6. ทำระเบียงคอนโดให้เป็นพื้นที่นั่งชิล.jpg" alt="" width="608" height="405" title="ไอเดียระเบียงคอนโด" class="" style="" role="">
&nbsp;<h2>7.&nbsp;ทำระเบียงคอนโดให้เป็นพื้นที่ออกกำลังกาย</h2>ใครที่ชอบออกกำลังกาย ระเบียงคอนโดมุมนี้ น่าจะเป็นสถานที่ออกกำลังกายยามเช้าและเย็นของเราได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นโยคะ หรือออกกำลังเครื่องออกกำลังกายต่างๆ ซึ่งจะทำให้ได้รับอากาศจากธรรมชาติจริงๆ เห็นวิวมุมสวย อีกทั้งยังมีพื้นที่ให้ออกกำลังได้กว้าง บางทีอาจเก็บภาพสวยในการออกกำลังกายของเราลงโซเชียลได้อีกด้วยนะครับ
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627030430115-7. ทำระเบียงคอนโดให้เป็นพื้นที่ออกกำลังกาย.jpg" alt="" width="608" height="405" title="ไอเดียระเบียงคอนโด" class="" style="" role=""></h2>
 เป็นอย่างไรบ้างครับกับไอเดียปรับเปลี่ยนมุมระเบียงคอนโดให้มากด้วยประโยชน์ใช้สอย หวังว่าคงจะได้ไอเดียไปปรับแต่งมุมระเบียงกันนะครับ

SEO_Cover_ระเบียงคอนโด-1.jpg

7 ไอเดียระเบียงคอนโดทําอะไรได้บ้าง

เป็นที่ทราบกันดีว่าระเบียงคอนโดย่อมมีพื้นที่จำกัด แต่เมื่อใจเรียกร้องต้องการพื้นที่สีเขียวให้กับคอนโดของเรา จะจัดสวนคอนโดอย่างไรได้บ้าง หรือจะจัดสวนระเบียงคอนโดอย่างไรให้สวยงาม ไม่รกหรือไม่เปลืองพื้นที่ Baania มีไอเดียจัดสวนคอนโดหรือแต่งระเบียงคอนโดด้วยต้นไม้สวยๆ สร้างพื้นที่สีเขียวให้ห้องคอนโดของเรามาฝากให้ไปลองทำตามกันแบบง่ายๆ ครับ
<h2>1. สวนแนวตั้งแบบใช้แผ่นผนัง</h2>
 การจัดสวนคอนโดที่หลายคนนิยมกันก็คือการจัดสวนแนวตั้ง เพราะทั้งประหยัดพื้นที่แล้วยังสวยงามด้วย โดยมีหลากหลายวิธีการจัด แบบแรกที่เราจะแนะนำก็คือการใช้แผ่นผนัง จะมีลักษณะเป็นแผ่นยางกันซึมขึงกับผนังคอนโด ซึ่งใครที่เช่าอยู่ หรือใครที่ไม่ต้องการให้ผนังเป็นรูเสียราคาวิธีการนี้ไม่ต้องฉาบปูนหรือเจาะตะปูที่ผนังนะครับ โดยแผ่นผนังนี้จะเป็นสเตนเลสแนวตั้ง และใช้ใยมะพร้าวหรือใยปาล์มทดแทนการใช้ดินเพื่อให้มีน้ำหนักเบา พร้อมทั้งมีท่อน้ำเพื่อรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยพื้นที่นำมาปลูกได้ก็อย่างเช่น กุหลาบหิน เฟิร์น พืชอวบน้ำ เป็นต้น ข้อดีของสวนแนวตั้งแบบใช้แผ่นผนังนี้ก็คือเราสามารถเคลื่อนย้ายสวนคอนโดของเราได้ง่ายมากๆ ครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1619707981175-1. สวนแนวตั้งแบบใช้แผ่นผนัง.jpg" alt="จัดสวนคอนโด" width="608" height="456" />
<h2>2. สวนแนวตั้งแบบกระถางแขวน&nbsp;</h2>
 สวนแนวตั้งแบบกระถางแขวน เป็นอีกหนึ่งวิธีในการจัดสวนคอนโดที่คนนิยมกัน เพราะสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงนำโครงเหล็กมาตั้ง แล้วนำกระถางที่ใส่ต้นไม้มาห้อยหรือแขวนเท่านั้น เพียงเท่านี้ก็จะได้สวนคอนโดแบบง่ายๆ ประหยัดพื้นที่ ประหยัดค่าใช้จ่าย และทำได้ง่าย ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก เคลือนย้ายหรือปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ง่าย ซึ่งต้นไม้ที่นิยมนำมาปลูกก็คือ เฟิร์น กล้วยไม้ สายป่านดวงใจ ริบบิ้นชาลี หรือต้นคุณนายตื่นสาย แต่มีข้อต้องระวังก็คือไม่ควรใช้กระถางดินเผาหรือกระเบื้อง เพราะมีน้ำหนักมากเกินไปได้
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1619708003204-2. สวนแนวตั้งแบบกระถางแขวน&nbsp;.jpg" alt="จัดสวนคอนโด" width="608" height="310" />&nbsp;
<h2>3. ปลูกต้นไม้ในกระถางแนวสูง</h2>
หากใครไม่ชอบการใช้แผ่นผนัง หรือแขวนกระถาง การปลูกต้นไม้แล้วไล่ระดับให้สูงขึ้นไปก็เป็นอีกวิธีจัดสวนคอนโด เพราะลงทุนไม่เยอะ ดูแลง่าย ได้ความเป็นระเบียบ โดยให้หาชั้นวางของหรือชั้นวางที่สุงขึ้นไปชั้นๆ หรือจะใช้เก้าอี้วางไล่ระดับก็ได้ แล้วนำกระถางต้นไม้ไปวางตามความสวยงาม ซึ่งต้นไม้ที่จะใช้นั้นก็นานาพรรณเลยครับ หรือจะใช้เป็นพืชผักสวนครัวก็เข้าท่าไม่เบา นอกจาะจะได้พื้นที่สีเขียวแล้ว ยังได้พืชผักสวนครัวไปประกอบอาหารอีกด้วย
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1619708073147-3. ปลูกต้นไม้ในกระถางแนวสูง.jpg" alt="จัดสวนคอนโด" width="608" height="310" />
<h2>4. ปูหญ้าเทียมเรียบๆ แซมด้วยต้นไม้เล็กๆ</h2>
ใครที่ไม่มีเวลาดูแลต้นไม้เท่าไรนัก แต่อยากจะเห็นสีเขียวให้ชื่นใจ เราสามารถจัดสวนคอนโดโดยใช้หญ้าเทียมเป็นทางออกได้ครับ ซึ่งเลือกได้ทั้งหญ้าเทียม พรมหญ้า หรือแผ่นปูพื้นสีเขียว แล้วอาจเสริมเพิ่มเติมด้วยต้นไม้ในกระถางเล็ก ตามระเบียงหรือมุมห้อง เพื่อความสดชื่นที่สมจริง
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1619708638185-4.jpg" alt="จัดสวนคอนโด" width="608" height="663" />
<h2>5. วางกระถางต้นไม้ใหญ่ทีเดียวจบ&nbsp;</h2>
ใครที่ชอบความร่มรื่น และไม่ยุ่งยาก เราสามารถจัดสวนคอนโดด้วยการเลือกต้นไม้ใหญ่ๆ สักกระถางหนึ่งมาวางตรงมุมระเบียงคอนโดก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูด้วยว่าต้นไม่ไม่ใหญ่หรือหนักเกินไปด้วยนะครับ โดยควรเป้นต้นไม้ขนาดกลางก็เพียงพอครับ มิเช่นนั้นอาจเป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย และคนที่อยู่ข้างๆห้องได้ เนื่องจากต้นไม่อาจโตเกินไปจนล้ำเขตคนอื่น หรือหากต้นไม้หนักเกินไปพื้นอาจรับน้ำหนักไม่ไหวก็เป็นได้ ที่สำคัญด้วยคาวมที่เป้นต้นไม้ใหญ่ ฉะนั้นเวลารดน้ำต้นไม้จะต้องคำนึงด้วยว่าจะส่งผลกระทบกับห้องข้างๆ หรือห้องข้างบนและข้างล่างของเราหรือไม่
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1619708154423-5. วางกระถางต้นไม้ใหญ่ทีเดียวจบ.jpg" alt="จัดสวนคอนโด" width="608" height="405" />
<h2>6. ปลูกต้นไม้ระเบียงคอนโด</h2>
อีกหนึ่งวิธีการจัดสวนคอนโดก็คือการปลูกต้นไม้ระเบียงคอนโด โดยเราจะใช้พื้นที่ระเบียงคอนโดให้คุ้มค่ามากที่ด้วย ด้วยการให้หารางใส่ต้นไม้แบบแขวนมาเกี่ยวไว้กับระเบียง ซึ่งต้นไม้ควรมีน้ำหนักเบา จำพวกเฟิร์น กล้วยไม้ สายป่านดวงใจ ริบบิ้นชาลี หรือต้นคุณนายตื่นสาย เป็นต้นนะครับ
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1619708199120-6. ปลูกต้นไม้ระเบียงคอนโด.jpg" alt="จัดสวนคอนโด" width="608" height="425" /></h2>
 6 ไอเดียจัดสวนคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด สามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียว ช่วยฟอกอากาศ สร้างความสดชื่นแล้ว ยังทำให้คอนโดของเรามีมิติขึ้นมาได้อีกด้วย ลองนำวิธีเหล่านี้ไปจัดสวนในคอนโดจองตัวเองกันดูนะครับ

6 ไอเดียจัดสวนคอนโดแบบประหยัด พร้อมเพิ่มความสดชื่น

จะซื้อคอนโดหรือจะเช่าคอนโดอยู่อาศัย เลือกแบบห้องคอนโดแบบไหนถึงจะเหมาะกับเรา อย่างแรกที่เราต้องทำความรู้จักกันเลยก็คือแบบห้องคอนโดในแต่ละแบบครับว่าเป็นอย่างไร มีจุดเด่นอย่างไร ราคาเท่าไร ขนาดเท่าไร และเหมาะกับใครบ้าง เพื่อมาประกอบการตัดสินใจว่าเราควรจะเลือกแบบไหนกันแน่ วันนี้ Baania จึงมีแบบห้องคอนโดในแต่ละแบบมาอธิบายกันครับ
<h2>1. แบบห้องคอนโดสี่เหลี่ยมจัตุรัส</h2>
 แบบห้องคอนโดสี่เหลี่ยมจัตุรัส เป็นแบบห้องคอนโดที่เราน่าจะเห็นกันได้บ่อยๆ โดยห้องจะเป็นสี่เหลี่ยมที่เท่ากันในทุกด้าน มีความเป็นสัดส่วนที่ชัดเจนลงตัว เป็นระเบียบ ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง ปรับเปลี่ยนพื้นที่การใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย จึงสามารถจัดวางหรือตกแต่งห้องคอนโดได้ง่ายและใช้ประโยชน์จากพื้นที่ใช้สอยได้คุ้มค่า ทั้งโซฟา เตียงนอน เคาน์เตอร์ครัว โต๊ะหรือมุมรับประทานอาหาร เป็นต้น&nbsp;
 รวมทั้งยังมีข้อดีในการเลือกกั้นหรือขยายพื้นที่ไปเป็นมุมต่างๆ ได้ง่าย เช่น มุมทำงาน มุมแต่งตัว ซึ่งเหมาะกับกลุ่มคนที่ชอบการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายรูปแบบ และชอบใช้พื้นที่ให้คุ้มค่า
<img style="display: block; margin-left: auto; margin-right: auto;" src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1619705842499-1.แบบแปลนสี่เหลี่ยมจัตุรัส.jpg" alt="แบบห้องคอนโด" width="608" height="318" />
ขอบคุณภาพประกอบ<a href="https://www.baania.com/th/project/%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%AA-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2-606fcf2bca1e9b0013db1b66" target="_blank" rel="noopener">โครงการเบลส เรสซิเดนซ์ เอกมัย</a>
<h2>2. แบบห้องคอนโดสี่เหลี่ยมผืนผ้า</h2>
 แบบห้องคอนโดสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นแบบห้องคอนโดแนวยาวตอนลึก ถือเป็นแบบห้องที่เราน่าจเห็นกันได้บ่อยสุดในคอนโดใจกลางเมือง เพราะทำให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มจำนวนห้องต่อชั้นได้มากขึ้น แบบห้องนี้ก็จัดและแบ่งสัดส่วนของห้องได้ดีไม่ต่างจากแบบห้องคอนโดสี่เหลี่ยมจตุรัสมากนัก แต่การเลือกเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ อาจต้องเลือกที่ประหยัดพื้นที่ อย่างชั้นเก็บของแนวสูง หรือตู้บิ้วอินท์ เนื่องจากพื้นที่เป็นทรงแคบแนวยาวนั่นเอง แต่เหมาะคนทำงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง เพราะสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยหรือห้องต่างๆ ออกจากกันได้อย่างชัดเจนมากขึ้น จึงมักเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว รักสงบ และไม่ชอบความอึดอัดครับ
<img style="display: block; margin-left: auto; margin-right: auto;" src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1619705927548-2.แบบห้องคอนโดสี่เหลี่ยมผืนผ้า.jpg" alt="แบบห้องคอนโด" width="608" height="498" />
ขอบคุณภาพประกอบ<a href="https://www.baania.com/th/project/%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87-%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C-%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%87-5e5cc23435e8160012b4536d" target="_blank" rel="noopener">โครงการนอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง&nbsp;</a>
<h2>3. แบบห้องคอนโดหน้ากว้าง</h2>
 แบบห้องคอนโดหน้ากว้าง เป็นแบบห้องที่ใกล้เคียงกับแบบห้องคอนโดสี่เหลี่ยมจตุรัส เพียงแต่ทางด้านหน้าห้องหรือทางเข้าเข้าด้านหน้าจะมีพื้นที่ที่กว้างกว่า คล้ายสี่เหลียมคางหมูครับ ซึ่งห้องแบบนี้มีราคาค่อนข้างสูง มักจะมีขนาดห้องตั้งแต่ 53 ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการอยู่ในเมือง แต่ได้ห้องที่บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน เพราะจะให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง มีพื้นที่ใช้สอยจำนวนมาก สามารถจัดวางฟังก์ชันการใช้งานได้อิสระโดยไม่รู้สึกอึดอัด จึงเหมาะกับการอยู่กันเป็นครอบครัว คู่รัก เพราะแต่ละคนจะมีพื้นที่ส่วนตัว ขณะเดียวกันก็มีพื้นที่สวนกลางในการทำกิจกรรมร่วมกัน&nbsp;
<img style="display: block; margin-left: auto; margin-right: auto;" src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1619706088173-3.แปลนห้องหน้ากว้าง.jpg" alt="แบบห้องคอนโด" width="608" height="318" />
ขอบคุณภาพประกอบ<a href="https://www.baania.com/th/project/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%84-%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97-77-5e68a98dc91cd300128950fe" target="_blank" rel="noopener">โครงการพาร์ค คอร์ท สุขุมวิท 77&nbsp;</a>
 นอกจากเราจะทำการศึกษาแล้วว่าแบบห้องคอนโดแต่ละแบบมีจุดเด่นและเหมาะสมกับใครบ้าง เราก็ต้องมีศึกษาขนาดของห้องด้วยนะครับว่าแต่ละแบบเป็นอย่างไรไม่ว่าจะเป็น<a href="https://www.baania.com/th/article/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD-605d63507cffe2abd78fbd60" target="_blank" rel="noopener">ห้องสตูดิโอ</a> 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, Duplex เป็นต้น ซึ่งสามารถอ่านได้ที่บทความ<a href="https://www.baania.com/th/article/%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99-%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-article_5469" target="_blank" rel="noopener">ห้องไซส์ไหนใช่ที่สุดสำหรับคุณ</a>นะครับ

แบบห้องคอนโด เรื่องต้องเข้าใจก่อนตัดสินใจซื้อ

คอนโด

เจอปัญหากันประจำเวลาที่จะเทียบขนาดเนื้อที่บ้าน หรือพื้นที่ใช้สอยของบ้าน แต่ดันเป็นหน่วยวัดขนาดที่ดินที่ไม่คุ้นชิน หรือไม่เหมือนกัน แล้วจะให้แปลงเป็นค่าที่ต้องการก็แปลงไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี วันนี้ Baania จะชวนมาทำความรู้จักกับหน่วยวัดขนาดที่ดินในไทยกันว่าเขาวัดอย่างไร แล้วถ้าจะแปลงค่าหน่วยวัดต่างๆ จะทำอย่างไรได้บ้าง
<h2>หน่วยที่ใช้วัดขนาดที่ดินในไทย</h2>
 มาทำความรู้จักกันก่อนว่าหน่วยที่ใช้วัดขนาดที่ดินในไทยนั้น เราใช้อะไรกันบ้าง โดยหลักๆ แล้วการวัดพื้นที่ของที่ดิน บ้าน คอนโด หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่เราใช้กันประจและเห็นได้บ่อยๆ ก็คือ
<ul>
<li>ไร่</li>
<li>งาน</li>
<li>เมตร</li>
<li>วา</li>
<li>ตารางวา หรือ ตร.ว.</li>
<li>ตารางเมตร หรือ ตร.ม.</li>
<li>ตารางเซนติเมตร หรือ ตร.ซม.</li>
<li>ตารางกิโลเมตร หรือ ตร.กม.</li>
<li>ตารางฟุต</li></ul><h2>มาตราเทียบหน่วยที่ใช้วัดขนาดที่ดินในไทย</h2>ในส่วนของการจะเทียบหรือแปลงค่าขนาดที่ดินให้เป็นหน่วยเดียวกันนั้น เราจะต้องรู้มาตราวัดเพื่อเทียบค่ากันก่อนครับ โดยมาตราวัดเทียบค่าจะมีประมาณนี้ครับ<h4>1. มาตราเทียบหน่วยวัดขนาดที่ดิน</h4><ul><li>1&nbsp;เมตร&nbsp;= 0.5&nbsp;วา</li><li>1 ตารางเมตร = 0.25 ตารางวา</li><li>1 ตารางวา = 4 ตารางเมตร</li><li>1 ไร่ = 1600 ตารางเมตร</li><li>1 ไร่ = 400 ตารางวา</li><li>1 ไร่ = 0.40 เอเคอร์ (โดยประมาณ)</li><li>1&nbsp;<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">ไร่<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">&nbsp;= 0.16&nbsp;<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">เฮกตาร์</li><li>1&nbsp;<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">ไร่<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">&nbsp;= 4&nbsp;<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">งาน</li><li>1 งาน = 100 ตารางวา</li></ul>
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627295168879-fields-bali-are-photographed-from-drone.jpg" alt="" width="608" height="342" title="ขนาดที่ดิน" class="" style="" role=""><h4>2. มาตราเทียบหน่วยวัดพื้นที่ใช้สอย</h4><ul><li>1 ตารางฟุต = 929.03 ตารางเซนติเมตร (โดยประมาณ)</li><li>1 ตารางเมตร = 10,000 ตารางเซนติเมตร</li><li>10,000 ตารางเซนติเมตร = 10.76 ตารางฟุต (โดยประมาณ)</li><li>1 ตารางกิโลเมตร = 1,000,000 ตารางเมตร</li><li>1,000,000&nbsp;ตารางเมตร&nbsp;= 625&nbsp;ไร่&nbsp;</li></ul>
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627295652196-empty-door-living-room-interior-background.jpg" alt="" width="608" height="415" title="ขนาดที่ดิน" class="" style="" role="">
ส่วนใครที่รู้สึกว่ายุ่งยากเกินไป เรามีทริคง่ายๆ ในการแปลงค่ามาแชร์ครับ ดังนี้
<ul>
<li>หากต้องการแปลงหน่วยจาก วา เป็น เมตร ให้เอาหน่วย วา x&nbsp; 2&nbsp;</li>
<li>หากต้องการแปลงหน่วยจาก ตารางวา เป็น ตารางเมตร ให้เอาหน่วย ตารางวา x 4</li>
<li>หากต้องการแปลงหน่วยจาก งาน เป็น ตารางเมตร ให้เอาหน่วย (งาน x 100) 4&nbsp;</li>
<li>หากต้องการแปลงหน่วยจาก ไร่&nbsp; เป็น ตารางเมตร ให้เอาหน่วย ไร่ x 1600</li></ul>
<h2>สูตรการคำนวณพื้นที่ขนาดที่ดิน</h2>
นอกจากมาตราเทียบหน่วยวัดที่ดินแล้ว การหาพื้นที่ไม่เพียงเอาตัวเลขมาเทียบหรือแปลงค่าเฉยๆ แต่ยังต้องมีวิธีในการคำนวณพื้นที่ด้วยเรามาดูกันครับว่าพื้นที่แต่ละแบบไม่ว่าจะสี่เหลี่ยมจตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า สามเหลี่ยมจะต้องคำนวณอย่างไรบ้าง<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">&nbsp;
<h4>1. สูตรการคำนวณพื้นที่ที่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสและสี่เหลี่ยมผืนผ้า</h4>
หากพื้นที่ที่เราจะวัดขนาดที่ดินหรือพื้นที่ใช้สอยมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยม ทั้งสี่เหลี่ยมจตุรัสและสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งจะมีลักษณะการทำมุมเป็น 90 องศา จะสามารถใช้สูตรคำนวณได้ตามนี้ครับ
<ul>
<li>ขนาดที่ดินแบบพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส = ด้าน x ด้าน หรือ ด้านยกกำลัง 2</li>
</ul>
ตัวอย่างการวัดขนาดที่ดิน 
หากที่ดินมีความยาวด้านละ 40 วา ก็จะคำนวณเป็น 40 x 40 =&nbsp; 1,600 ตารางวา หรือ 4 ไร่ นั่นเองครับ
<ul>
<li>ขนาดที่ดินแบบพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า = ด้านกว้าง x ด้านยาว</li>
</ul>
ตัวอย่างการวัดขนาดที่ดิน 
หากที่ดินมีความกว้าง 20 วา และมีด้านยาว&nbsp; 30 วา ก็จะคำนวณเป็น 20 x 30 = 600 ตารางวาง หรือ 1 ไร่กับอีก 2 งาน นั่นเองครับ
<h4>2. สูตรการคำนวณพื้นที่ที่เป็นสี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า</h4>
 แน่นอนว่าหลายครั้งพื้นที่ที่เราจะวัดย่อมไม่ใช่พื้นที่แบบสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่อาจมีการทะแยง เอียง หรือมุมป้านไป แล้วคราวนี้จะวัดได้อย่างไรดี เราจะต้องใช้อีกสูตรคำนวณหนึ่งที่ต่างจากสูตรของสี่เหลี่ยมด้านเท่าครับ คือต้องใช้สูตรคำนวณ
<ul>
<li>สี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า = 1/2 x ความยาวของเส้นทแยงมุม x ผลบวกความยาวเส้นกิ่ง</li>
</ul>
ตัวอย่างการวัดขนาดที่ดินสี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า 
หากที่ดินมีเส้นทแยงมุม 12 วา และมีเส้นกิ่งซึ่งหมายถึงเส้นที่ลากจากมุมของสี่เหลี่ยมด้านไม่เท่าให้ตั้งฉาก 90 องศากับเส้นทแยงมุมเท่ากับ 3 และ 4 ก็จะเท่ากับ
1/2 x 12 x (3+4) = 42 ตารางวานั่นเองครับ
<h4>3. สูตรการคำนวณพื้นที่ที่เป็นรูปสามเหลี่ยม</h4>
นอกจากพื้นที่จำพวกสี่เหลี่ยมแล้ว เรายังมีพื้นที่เป็นรูปสามเหลี่ยมอีกด้วยนะครับ ซึ่งสูตรคำนวณพื้นที่สามเหลี่ยมก็คือ 1/2 x (ฐาน x สูง)
ตัวอย่างการวัดขนาดที่ดินที่เป็นรูปสามเหลี่ยม 
หากกำหนดให้สามเหลี่ยมมีฐาน 20 วา และสูง 12 วา ก็จะคำนวณได้แบบนี้ครับ 1/2 x (20 x 12) เท่ากับ 120 ตารางวานั่นเองครับ ต่อไปการแปลงค่าขนาดที่ดิน หรือการวัดขนาดที่ดินด้วยตนเองคงจะไม่ยากอีกต่อไปที่เรารู้มาตราหรือวิธีคำนวณที่ถูกต้อง ลองนำไปใช้วัดขนาดเนื้อที่บ้าน คอนโด หรือที่ดินกันได้นะครับ

SEO_Cover_วัดขนาดที่ดินในไทย-1.jpg

หน่วยที่ใช้วัดและวิธีคำนวณขนาดที่ดินในไทย ทำง่ายๆ ด้วยตัวเอง

การวัดขนาดที่ดินในปัจจุบันนี้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ตเท่านั้นก็สามารถวัดขนาดที่ดินกันได้แล้วครับ เรามาดูกันครับว่าถ้าเราจะวัดขนาดบ้าน ขนาดที่ดิน หรือพื้นที่ต่างๆ จะวัดอย่างไรได้บ้าง ทั้งจากการวัดขนาดพื้นที่ในคอมพิวเตอร์ และวัดขนาดพื้นที่ในสมาร์ทโฟนขอบอกว่าง่ายมากๆ แบบปอกกล้วยเข้าปากเลยครับ
<h2>วัดขนาดที่ดินในคอมพิวเตอร์</h2>
<h3>1. เข้า Google Map</h3>
ขั้นแรกที่เราจะทำการวัดขนาดที่ดิน เราจะต้งเข้าไปที่เว็บไซต์<a href="https://www.google.com/maps/" target="_blank" rel="noopener"> https://www.google.com/maps/</a> หรือ Google Map ครับ เพื่อดูหาพื้นที่เราจะวัดขนาดที่ดินก่อน โดยหน้าตาแรกของเว็บไซต์ที่เราจะเห็นมักจะจะเป็นภาพแบบ 2d ในพื้นที่ที่เราอยู่ว่าคือที่ไหน ตำแหน่งไหน
<h3><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627269454889-1 copy.jpg" alt="วัดขนาดที่ดิน" width="608" height="327" /></h3>
<h3>2. คลิกให้แสดงแบบดาวเทียม</h3>
หลังจากที่ขึ้นหน้าจอของ Google Map แล้ว แนะนำให้คลิกไปที่มุมซ้ายมือด้านล่างที่เป็นเหมือนภาพดาวเทียมครับ เพื่อแสดงภาพพื้นที่จริงๆ ที่ Google เก็บภาพมุมสูงจริงๆ เอาไว้ วิธีการนี้จะทำให้เราสามารถเห็นพิกัดที่เราจะวัดได้ตรง และแม่นยำได้มากขึ้น
<h3><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627269479043-2 copy.jpg" alt="วัดขนาดที่ดิน" width="608" height="326" /></h3>
<h3>3. ค้นหาหรือเลือกพื้นที่ที่ต้องการวัดขนาดที่ดิน</h3>
สำหรับใครที่มีพิกัดชัดเจนว่าที่ที่เราจะวัดขนาดที่ดินอยู่ตรงไหน แนะนำให้ใส่ลงไปในช่องค้นหาได้เลยครับว่าจุดที่เราจะวัดคือที่ใด พิกัดใด แต่ถ้ายังไม่แม่นพิกัด ให้ลองค้นหาด้วยพื้นที่ใกล้เคียง แล้วทำการซูมที่หน้าจอ Google Map ลงไปเพื่อหาจุดที่ต้องการ ส่วนใครที่ต้องการวัดขนาดที่ดินในจุดที่เราอยู่ ณ ตอนนั้นอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องค้นหาแต่อย่างใดครับ เพียงแค่กดซูมเข้าไปในพื้นที่ตรงนั้น เพื่อให้วัดได้ง่ายๆ และแม่นยำนั่นเอง
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627269754276-4 copy.jpg" alt="วัดขนาดที่ดิน" width="608" height="333" />
<h3>4. คลิกขวาจุดที่ต้องการวัดขนาดที่ดิน และเลือก Measure distance&nbsp;</h3>
 เมื่อได้พิกัดจุดที่ต้องการวัดขนาดที่ดินที่แม่นยำแล้ว ให้คลิกขวาที่จุดที่ต้องการจะวัด แล้วเลือก Measure distance หรือวัดระยะทาง เพื่อเตรียมวัดพื้นที่ตามที่ต้องการครับ ซึ่งระบบจะขึ้นเป็นจุดขาวเล็กๆ มา หากจุดนั้นอยู่ในจุดที่เราไม่ได้จะเริ่มต้นวัดขนาดที่ดิน เราสามารถคลิกแล้วลากจุดนั้นไปยังตำแหน่งที่เราต้องการได้นะครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627269773334-5 copy.jpg" alt="วัดขนาดที่ดิน" width="608" height="333" />
<h3>5. ลากเส้นให้ครอบคลุมรอบพื้นที่ จะได้ขนาดที่ดินที่ต้องการ</h3>
 หลังจากนั้นให้เราเริ่มวัดขนาดที่ดิน โดยคลิกจุดต่อไปที่จะวัด ระบบจะลากเป็นเส้นบอกตัวเลขว่ามีขนาดเท่าไร ซึ่งให้คลิกต่อจุดที่จะวัดต่อๆ กันไปจนครบวงก็จะปรากฎขนาดที่ดินที่เราต้องการกันแล้วครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627269804776-7 copy.jpg" alt="วัดขนาดที่ดิน" width="608" height="328" />
 สำหรับใครที่ดูขนาดพื้นที่แบบตารางเมตรแล้วยังมองภาพไม่ออกว่าขนาดเท่าไร เพราะมาตราวัดเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นชิน แนะนำว่าให้หาตารางมาเทียบค่า หรือค้นหาใน Google เพื่อเทียบค่าเอานะครับ โดยประมาณพื้นที่ 1 ตารางวา = 4 ตารางเมตร, 200ตารางวา = ครึ่งไร่&nbsp; และ 400 ตารางวา = 1 ไร่ เป็นต้นครับ
<h2>วัดขนาดพที่ดินในสมาร์ทโฟน</h2>
<h3>1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Google Earth</h3>
ใครที่ต้องการจะวัดขนาดที่ดินด้วยมือถือ อย่างแรกที่แนะนำก็คือการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Google Earth ซึ่งอยู่ใน App Store หรือ Google Play ได้เลยครับ ถ้าเราจะใช้งานระบบนี้แค่เบื้องต้น เช่น การวัดขนาดพื้นที่ เราสามารถดาวน์โหลดใช้งานฟรีๆ กันได้เลยครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627269902005-1.jpg" alt="วัดขนาดที่ดิน" width="608" height="641" />
<h3>2. เข้าแอปพลิเคชัน Google Earth</h3>
เมื่อดาวน์โหลดและติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ให้เราเปิดแอปฯ ขึ้นมาจะเห็นเป็นรูปโลกกลมๆ ครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627269944951-2.jpg" alt="วัดขนาดที่ดิน" width="608" height="1204" />
<h3>3. เลือกพิกัดที่ต้องการวัดขนาดที่ดิน</h3>
 หากเรามีพิกัดที่ต้องการจะวัดชัดเจนแล้ว ให้กดที่ไอคอนแว่นขยายแล้วใส่พิกัดที่ต้องการ หรือใส่ชื่อสถานที่ที่ต้องการวัดขนาดที่ดินได้เลยครับ หากไม่มีพิกัดที่ชัดเจนให้ใส่พื้นที่ข้างเคียงที่เด่นๆ ลงไปก่อนครับ&nbsp;
 สำหรับใครที่ต้องการวัดขนาดที่ดินในพื้นที่ปัจจุบันที่เราอยู่ก็ให้กดที่สามเหลี่ยมชี้เอียงขึ้นหรือลูกศรชี้ขึ้นตรงมุมขวามือล่างได้เลยครับ ระบบจะนำไปในจุดที่เรากำลังอยู่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเปิดให้ระบบนำทางหรือ GPS ทำงานด้วยนะครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627269965208-3.jpg" alt="วัดขนาดที่ดิน" width="608" height="1239" />
<h3>4. ขยายหรือซูมเข้าไปในจุดที่กำลังจะวัด</h3>
เมื่อได้พิกัดแล้ว เห็นภาพขนาดพื้นที่เล็กเกินกว่าที่เราจะลากเส้นวัดขนาด แนะนำให้ขยายหรือซูมเข้าไปก่อนนะครับ เพื่อให้วัดขนาดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627269990942-4.jpg" alt="วัดขนาดที่ดิน" width="608" height="1202" />
<h3>5. กดที่ไอคอนรูปไม้บรรทัด</h3>
หลังจากนั้นให้กดที่ไอคอนรูปไม้บรรทัดด้านบนขาวมือครับ จะเกิดจุดขาวๆ ขึ้นมา ให้เราลากไปตรงจุดที่เราจะเริ่มต้นวัดขนากที่ดินครับ&nbsp;
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627270083140-5.jpg" alt="วัดขนาดที่ดิน" width="608" height="1213" />
<h3>6. กดปุ่ม Add Point เมื่อต้องการลากต่อจุด</h3>
หากต้องการเพิ่มจุดสีขาวในการลากวัดพื้นที่ให้กดที่ปุ่ม + Add Point แล้วทำการต่อจุดไปจนครบพื้นที่ที่ต้องการ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627270105522-6.jpg" alt="วัดขนาดที่ดิน" width="608" height="1209" />
<h3>7. ได้ขนาดที่ดินที่ต้องการ</h3>
เมื่อลากต่อจุดจนครบแล้ว ระบบก้จะขึ้นขนาดที่ดินที่เราต้องการครับ โดยสามารถแตะที่ขนาดที่ดิน เพื่อเลือกหน่วยวัดที่เราต้องการได้เลย เพียงแค่นี้ก้วัดได้อย่างเสร็จสิ้นแล้วครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1627270126859-7.jpg" alt="วัดขนาดที่ดิน" width="608" height="1200" />
 เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการวัดขนาดที่ดินจากคอมพิวเตอร์หรือมือถือใครที่อยากลองวัดกันดูอย่าลืมไปลองนะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นการวัดขนาดที่ดินเหล่านี้ เป็นเพียงการวัดคร่าวๆ เท่านั้น เพราะเราอาจปักจุดและพิกัดไม่เหมือนพื้นที่จริงนะครับ

วิธีวัดขนาดที่ดินง่ายๆ ด้วยคอมพิวเตอร์หรือมือถือ

SEO_Cover_การจัดสรรที่ดิน-1.jpg

ขั้นตอนและแบบฟอร์มการยื่นคำขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน

อัตราภาษีที่ดินปี 2564 จ่ายเมื่อไร เท่าไร ที่ไหนบ้าง

ที่ดิน

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ปี 2566 รู้ไว้! เสริมความเป็นสิริมงคล

หากเรากำลังจะนอนหรือพักผ่อนยามค่ำ แต่ดันมีเสียงก่อกวนยามวิกาล ไม่ว่าจะก่อสร้าง ต่อเติม หรือเพื่อนบ้านจัดปาร์ตี้กัน พวกเขาทำได้จริงหรือไม่ ต้องมีใบอนุญาตหรือเปล่า และเราจะทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อเรียกความสงบกลับคืน<h2>ก่อสร้างและต่อเติมเสียงดังยามวิกาล</h2>ข้อควรรู้เกี่ยวกับกฎหมายควบคุมเสียงและแสงในการก่อสร้าง มีดังนี้ <ul><li><span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">การก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอน ไม่ควรมีเสียงที่ดังเกิน 75 เดซิเบล ในระยะระหว่าง 30 เมตร</li><li>ห้ามก่อสร้างในช่วงเวลา 22.00 – 06.00 น. ยกเว้นว่าจะได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการแล้ว  </li></ul>ฉะนั้นหากเราเจอเสียงดังจากการก่อสร้าง ต่อเติม หรือรื้อถอนหลัง 4 ทุ่ม ถึง 6 โมงเช้า หรือมีเสียงก่อสร้างดังมากเกิน 75 เดซิเบล ทั้งๆที่เราอยู่ห่างเกิน 30 เมตรไปแล้ว เราควรแจ้งปัญหาเหล่านี้ให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง นั่นก็คือ 1. แจ้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น เจ้าของบ้าน, วิศวกรควบคุมงาน หรือสถาปนิกควบคุมงาน  <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">2. แจ้งความเดือนร้อนได้ที่หน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานเขต, อบต. จังหวัด หรืออำเภอ  3.แจ้งความที่สถานีตำรวจในท้องที่ เพื่อบังคับให้ผู้ก่อสร้างชดใช้ค่าเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 370, 371 หรือฟ้องแพ่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และ 421  4. ร้องทุกข์ต่อสภาวิศกร สภาสถาปนิก หรือสมาคมช่างเหมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง&nbsp;<h2>เพื่อนบ้านส่งเสียงดังยามวิกาล</h2><span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">นอกจากเสียงก่อสร้างแล้ว เสียงดังรบกวนยามดึกที่เราเจอกันบ่อยๆ ก็คือเสียงดังมาจากเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะปาร์ตี้ ร้องเสียงดัง หรือสังสรรค์กับเพื่อนฝูง สิ่งเหล่านี้อาจเป็นความผิดตามกฎหมายได้1. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 370 ผู้ที่ส่งเสียงดังอันไม่มีเหตุอันสมควรและทำให้บุคคลอื่นเดือดร้อน มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และตามมาตรา 371 หากเป็นการส่งเสียงดังที่คุกคามต่อคนจำนวนมาก มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ2. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และ 421 ผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นในด้านชีวิต ร่ายกาย อนามัย เสรีภาพ หรือสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยการที่เพื่อนบ้านส่งเสียงดังรบกวนการพักผ่อนนั้นนั้น ถือว่าส่งผลต่อสุขภาพอนามัยและละเมิดสิทธิในการอยู่อาศัยอย่างสงบ ซึ่งหากมีการฟ้องศาล ศาลสามารถออกคำสั่งให้เพื่อนบ้านหยุดพฤติกรรมเสียงดังได้ และเพื่อนบ้านที่ทำเสียงดัง จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนหากเกิดความเสียหายอีกด้วย<h2>วิธีแก้ปัญหาเพื่อนบ้านส่งเสียงดังแบบประนีประนอม</h2>แต่ถ้าหากไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต Baania มีวิธีมาแนะนำให้ลองทำตามดูกันครับ1. ป้องกันเสียงด้วยการพึ่งตัวเอง เช่น ใส่หูฟัง เปิดเพลงทุดโปรดกลบเสียง ใส่ที่อุดหู รูดผ้าม่านปิดเข้ามา&nbsp;<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">ปิดหน้าต่างหรือบานเกล็ด หาซื้อแผ่นซับเสียงมาปิด เป็นต้น2. ลองพูดคุยกันดีๆ ลองตั้งสติทำใจร่มๆ แล้วลองไปพูดคุยกับเพื่อนบ้านดูว่าจะหาจุดกึ่งกลางของเรื่องนี้อย่างไรได้บ้าง3. ลองแจ้งนิติบุคคลของโครงการ ให้ช่วยจัดการปัญหาเหล่านี้ให้4. ถ้าทั้ง 3 ขั้นตอนที่ผ่านมาไม่ได้ผล ก็แนะนำให้แจ้งตำรวจ หรือผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงฟ้องศาล เพื่อใช้กฎหมายเข้าช่วย<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20221121/content/tq3tomj5-20221121033421.jpg" style="width: 100%;" alt="เจอเสียงดังยามวิกาลแบบนี้ แจ้งใครได้บ้าง" width="" height="" title="เจอเสียงดังยามวิกาลแบบนี้ แจ้งใครได้บ้าง" class="" role=""> เป็นอย่างไรบ้างครับกับการแก้ปัญหาเสียงดังก่อกวนชวนรำคาญใจยามวิกาลที่หลายคนต้องเจอ ลองนำความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย และวิธีการแก้ปัญหานี้ไปลองปรับใช้กันดูนะครับขอบคุณข้อมูล :&nbsp; <a href="https://www.moj.go.th/view/75639" target="_blank">https://www.moj.go.th/view/75639</a><span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"=""> <a href="https://www.jorakay.co.th/blog/owner/other/next-door-to-increase-the-noise-illegal-or-not" target="_blank">https://www.jorakay.co.th/blog/owner/other/next-door-to-increase-the-noise-illegal-or-not</a><span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"=""><span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">

เจอเสียงดังยามวิกาลแบบนี้  แจ้งใครได้บ้าง

วิกฤตโควิด-19 ทำให้คนอยู่ติดบ้านมากขึ้น ใช้ชีวิตอยู่กับบ้านเป็นเวลานาน แม้จะมีการปลดแมส เปิดเมืองแล้วก็ตาม แนวโน้มการใช้ชีวิตอยู่กับบ้านยังคงอยู่ ไม่เพียงการเสพติดการ Work from Home ด้วยพฤติกรรมของคนเจนวาย เจนซีที่รักอิสระ ต้องการเป็นผู้ประกอบการเอง ทำให้เกิดสตาร์ทอัพมากมาย ทำงานเป็นฟรีแลนซ์รับงานโดยมีฐานที่มั่นอยู่ที่บ้าน
บ้านจึงไม่ได้มีความหมายเพียงแค่สถานที่พักผ่อนนอนหลับ หรือเป็นเซฟตี้โซนเท่านั้น แต่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น เป็นทั้งออฟฟิศ ห้องประชุมทางไกล เวทีแสดงวิสัยทัศน์ ฯลฯ รวมถึงสตูดิโอเพื่อการพรีเซ็นต์สินค้าออนไลน์
<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220819/content/9tp8cbg5-20220819065554.jpg" style="width: 100%;" alt="ฮวงจุ้ยไฟ" width="" height="" title="ฮวงจุ้ยไฟ" class="" role=""> กระนั้นเมื่อ Work from Home นานเข้า อารมณ์เซื่องๆ ซึมๆ ตื้อๆ ย่อมมี บ่อยครั้งเหมือนเกิดอาการตีบตันทางความคิด การขยับปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยมุมทำงานช่วยได้ เพื่อเติมเอนเนอจี้ รับพลังจากสิ่งใหม่ๆ 
“ฮวงจุ้ย” เป็นศาสตร์แห่งทำเลที่ตั้งของที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อม โดยอ้างอิงการเคลื่อนไหวของอากาศคือ ลม (ฮวง) และการเคลื่อนไหวของน้ำ (จุ้ย) รวมทั้งแสงสว่าง สร้างสภาวะสมดุล เพื่อผู้ที่อยู่อาศัยเป็นสุข การปรับทิศเปลี่ยนตำแหน่งของมุมทำงาน ช่วยให้เกิดมุมมอง เห็นหนทางใหม่ๆ เมื่อจิตใจฮึกเหิมขึ้น พลังกลับคืนมาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต มีความสุขกับการทำงานมากขึ้น 
การกำหนดตำแหน่งที่ตั้งที่เหมาะสมของมุมทำงานมีหลักการกว้างๆ อาทิ
1. ไม่ควรหันหน้าชนกำแพง จะทำให้ความคิดตีบตัน การจัดมุมทำงานใกล้หน้าต่างจะช่วยให้ใกล้ชิดธรรมชาติ เปิดมุมมองทางความคิด และยังได้พักสายตา 
2. ไม่ควรหันหลังให้ประตูหรือช่องทางเข้าออก ถ้าเลี่ยงไม่ได้อาจใช้วิธีการเบี่ยงองศาของโต๊ะให้ทางเข้าออกอยู่ในระยะสายตา 
3. ไม่ควรอยู่ริมทางเดินหรือใกล้จุดที่คนจะเดินพลุกพล่าน ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้ใช้ฉากบังตาช่วยทำให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น 
4. ห้องทำงานที่ใช้ทั้งวันควรจะเลือกอยู่ทางทิศตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้และทิศใต้ เพราะแสงแดดจะไม่รบกวนการทำงานในยามบ่าย 
5. สีสันช่วยสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการทำงาน เช่น สีโทนขาวหรือดำที่ดูคลาสสิก ให้ความรู้สึกเป็นการเป็นงานเป็นมืออาชีพ 
6. จัดระเบียบที่ทางสำหรับอุปกรณ์การทำงาน การใช้กล่องหรือชั้นวางของเป็นตัวช่วยที่ดี เมื่อทุกอย่างมีระเบียบเป็นที่เป็นทาง การจะหยิบจับหรือหาสิ่งของย่อมง่าย
7. สิ่งที่จะขาดไม่ได้คือ “ปลั๊กไฟ” ความที่มุมทำงานมักมีคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เสริมสารพัด ทั้งโน้ตบุ๊ค ปริ้นเตอร์ สแกนเนอร์ สมาร์ทโฟน ฯลฯ ปลั๊กไฟคือหัวใจของการทำงาน ซึ่งสิ่งสำคัญนอกเหนือจากความสะดวกในการใช้งานคือ “ความปลอดภัย” 
ตำแหน่งของสวิตช์และปลั๊กไฟ ควรสูงจากพื้น 80 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องการความสะดวกในการทำงาน เช่น คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค ฯลฯ และควรอยู่ในจุดที่ปลอดภัย แสงแดดส่องไม่ถึง และห่างจากบานหน้าต่างอย่างน้อย 10 เซนติเมตร ป้องกันความร้อน ความชื้น และปัญหาน้ำฝนซึมเข้ามาได้
<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220819/content/gew5hlxg-20220819065514.jpg" style="width: 100%;" alt="ฮวงจุ้ยไฟ" width="" height="" title="ฮวงจุ้ยไฟ" class="" role=""> ในบรรดาผลิตภัณฑ์กลุ่มสวิตช์และเต้ารับหรือปลั๊กไฟ ต้องยกนิ้วให้ AvatarOn A จากชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) นอกจากผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้รับมาตรฐาน IEC (International Electro Technical Commission) ยังมีฟังก์ชั่นที่ตอบในทุกโจทย์ของการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นความโดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่เรียบหรู 
ตัวสวิตช์มีให้เลือก 3 ขนาด 3 สี คือ ขาว-ดำ-เทา รองรับทุกการดีไซน์โดยสามารถใส่ความเป็นตัวตนด้วยการมิกซ์แอนด์แมช หน้าสวิตช์ที่เรียบเนียนเป็นหนึ่งเดียวกับผนัง เข้ากับทุกสไตล์การตกแต่ง ยังสามารถออกแบบการติดตั้งเป็นแนวตั้งหรือแนวขวางตามความถนัดมือ 
ส่วนปลั๊กไฟนั้น เต้ารับ 3 ขา มีทั้งเต้ารับเดี่ยว เต้ารับคู่ และเต้ารับคู่ที่มาพร้อมกับสวิตช์ไฟปิด-เปิดที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น แค่ปิด-เปิดสวิตช์ด้านข้าง วงจรไฟฟ้าก็จะตัดหรือจ่ายไฟทันที โดยไม่ต้องดึงปลั๊กออก ยืดอายุการใช้งานและยังช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่า ยังมีเต้ารับ USB ทั้ง type A และ type C รองรับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด สามารถปรับแต่งรวมสวิตช์และเต้ารับได้หลากหลายรูปแบบตามลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันในยุค 5G<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220819/content/zlzofo7y-20220819065650.jpg" style="width: 100%;" alt="ฮวงจุ้ยไฟ" width="" height="" title="ฮวงจุ้ยไฟ" class="" role=""> 
ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนทุกเจนเนอร์เรชั่น <a href="https://www.se.com/th/en/product-range/8297075-avataron-a/#overview" target="_blank">AvatarOn A</a> จึงใส่ใจในทุกรายละเอียด ให้ทั้งความสวยงาม ปลอดภัย และได้ประโยชน์สูงสุด

ปรับฮวงจุ้ย เปลี่ยนมุมทำงานให้เป็นมุมโปรดด้วยสวิตช์ไฟ

โควิด 19 เริ่มผ่อนคลาย ใครวางแผนจะเที่ยว ต้องเช็กวันหยุดให้ดีเสียก่อน เรามาดูกันครับว่า วันหยุดประจำปี 2565 มีวันไหนกันบ้าง แล้ววันหยุดใดที่จะเป็นวันหยุดยาวให้เราไปเที่ยวไกลๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องลางานเยอะ&nbsp;<h2>วันหยุดเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;</h2>-วันที่ 1 มกราคม 2565 : วันขึ้นปีใหม่-วันที่ 3 มกราคม 2565 : วันหยุดชดเชยวันขึ้นปีใหม่<h2>วันหยุดเดือนกุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;</h2>-วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 : วันมาฆบูชา<h2>วันหยุดเดือนเมษายน&nbsp;2565&nbsp;</h2>-วันที่ 6 เมษายน : วันจักรี-วันที่ 13-15 เมษายน 2565 : วันสงกรานต์<h2>วันหยุดเดือนพฤษภาคม&nbsp;2565&nbsp;</h2>- วันที่ 4 พฤษภาคม 2565 : วันฉัตรมงคล- วันที่ 15 พฤษภาคม 2565 : วันวิสาขบูชา- วันที่ 16 พฤษภาคม 2565 : วันหยุดชดเชยวันวิสาขบูชา<h2>วันหยุดเดือนมิถุนายน&nbsp;2565&nbsp;</h2>- วันที่ 3 มิถุนายน 2565 : วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี<h2>วันหยุดเดือนกรกฎาคม 2565</h2>-วันที่ 13 กรกฎาคม 2565 : วันอาสาฬหบูชา-วันที่ 14 กรกฎาคม 2565 : วันเข้าพรรษา โดยหยุดเฉพาะข้าราชการ-วันที่ 15 กรกฎาคม 2565 : วันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษตาม มติ ครม.&nbsp;-วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 : วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว-วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 : วันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษตาม มติ ครม.<h2>วันหยุดเดือนสิงหาคม&nbsp;2565&nbsp;</h2>- วันที่ 12 สิงหาคม 2565 : วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง&nbsp;หรือ วันแม่แห่งชาติ<h2>วันหยุดเดือนตุลาคม&nbsp;2565&nbsp;</h2>- วันที่ 13 ตุลาคม 2565 : วันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร- วันที่ 14 ตุลาคม 2565 : วันหยุดราชการกรณีพิเศษประจำปี 2565&nbsp;- วันที่ 23 ตุลาคม 2565 : วันปิยมหาราช- วันที่ 24 ตุลาคม 2565 : วันหยุดชดเชยวันปิยมหาราช<h2>วันหยุดเดือนธันวาคม&nbsp;2565&nbsp;</h2>- วันที่ 5 ธันวาคม 2565 : วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ หรือ วันพ่อแห่งชาติ- วันที่ 10 ธันวาคม 2565 : วันรัฐธรรมนูญ- วันที่ 12 ธันวาคม 2565 : วันหยุดชดเชยวันรัฐธรรมนูญ- วันที่ 30 ธันวาคม 2565 : วันหยุดราชการกรณีพิเศษประจำปี 2565&nbsp;- วันที่ 31 ธันวาคม 2565 : วันสิ้นปีทราบวันหยุดประจำปีนี้กันไปแล้ว อย่าลืมน้ำไปวางแผนการท่องเที่ยวกันนะครับ และที่สำคัญใครไปเที่ยวต้องทิ้งบ้าน อย่าลืมปิดไฟ หรือล็อกบ้านให้พร้อมก่อนไปเที่ยว จะได้เที่ยวอย่างอุ่นใจ

วันหยุดประจำปี 2565 เช็กให้พร้อม ก่อนวางแผนเที่ยว

Living

เมื่อพฤติกรรมคนซื้อ-เช่าเปลี่ยนไป นายหน้าจะทำอย่างไรให้ปิดการขายทรัพย์ในยุคนี้ได้ง่ายขึ้น ก็ต้องบอกว่าข้อมูลและเทคโนโลยีคือทางออกที่จะช่วยแก้ปัญหาหนักอกหนักใจเหล่านี้ได้เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา Baania ได้จัด Open class by Baania คลาสออนไลน์ฟรี สำหรับนายหน้าอสังหาฯ ในหัวข้อ “นายหน้ายุคใหม่ต้องใช้ Tech และ Big Data เป็น” ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี ใครที่พลาดคลาสออนไลน์ในวันนั้น วันนี้ Baania ได้สรุปเนื้อหาสำคัญจากคลาสมาให้เรียบร้อยแล้วครับ<h2>3Ps ข้อมูลที่นายหน้ายุคใหม่ต้องใส่ใจ</h2>1. Property ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์ คือกลุ่มข้อมูลพื้นฐานของทรัพย์หรือโครงการที่จะต้องรู้เป็นพื้นฐาน เช่น โครงการและสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ, อายุโครงการและคู่แข่ง, ราคาตั้งขายต่ำสุดของโครงการ, รูปแบบบ้าน (Unit type), คู่แข่งในพื้นที่ ทั้งมือหนึ่งและมือสอง และราคาเฉลี่ยในพื้นที่ 2. People ข้อมูลความสนใจของผู้บริโภคหรือลูกค้า คือกลุ่มข้อมูลด้าน Damand ของลูกค้าและผู้บริโภค เช่น ทำเลและพื้นที่ที่ผู้บริโภคสนใจ, แบบบ้านหรือแบบห้องที่คนสนใจมองหา, ความต้องการซื้อ และศักยภาพในการซื้อที่ผู้บริโภคจะซื้อ-เช่าได้  3. Place &amp; Proximity ข้อมูลสถานที่และการใช้ชีวิต คือกลุ่มข้อมูลเกี่ยวกับความสะดวก สถานที่สำคัญ และการใช้ชีวิตของผู้คนที่จะต้องอยู่อาศัยในโซนนั้นๆ เช่น จุดเด่นของพื้นที่/ย่าน, การเดินทาง, อาหารการกิน, ความปลอดภัย, การใช้ชีวิต, สถานศึกษา<h2>เลือกทรัพย์อย่างไรให้มีโอกาสปิดการขายได้</h2>โดยปกติแล้ว การเลือกทรัพย์ของนายหน้าอาจเลือกจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของตัวเอง ซึ่งหากเรานำ Big Data มาใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกทรัพย์ จะทำให้ให้นายหน้าสามารถเลือกทรัพย์ได้อย่างแม่นยำ และวางกลยุทธ์การนำเสนอขายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยแนะนำว่าให้นำข้อมูลทั้งดีมานด์และซัพพลายด์มาประกอบกัน มาดูตัวอย่างการนำข้อมูลมาใช้ในการกำหนดทำเล ดังนี้ ตลาดคอนโดมิเนียมจากข้อมูลบน www.baania.com ที่เก็บข้อมูลตลอดปี 2565 พบว่า&nbsp;ซัพพลายด์ของคอนโดมิเนียม ทั้งโครงการใหม่และมือสองที่เปิดขายอยู่ ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ CBD ของกรุงเทพมหานครมากที่สุด ในขณะที่ความต้องการหรือความสนใจในการค้นหาคอนโดของผู้ใช้งานพบว่านิยมค้นหาคอนโดในทำเลกรุงเทพฯ ตะวันออก อย่างบางนา สมุทรปราการ และบางใหญ่ จ.นนทบุรี&nbsp;ดังนั้นนายหน้าอาจหาทรัพย์คอนโดโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก อย่างบางนา สมุทรปราการ หรือโซนบางใหญ่ จ.นนทบุรี มาเสนอขายลูกค้า เนื่องจากซัพลายด์ในตลาดไม่เยอะมากเท่ากับโซน CBD ของกรุงเทพฯ จึงอาจทำให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้น<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230207/content/iy2c0svd-20230207052331.jpeg" style="width: 100%;" alt="นายหน้ายุคใหม่ต้องใช้ Tech และ Big Data เป็น" width="" height="" title="นายหน้ายุคใหม่ต้องใช้ Tech และ Big Data เป็น" class="" role=""> ตลาดทาวน์โฮมจากข้อมูลบน www.baania.com ที่เก็บข้อมูลตลอดปี 2565 พบว่า&nbsp;ซัพพลายด์ของทาวน์โฮม ทั้งโครงการใหม่และมือสองที่เปิดขายอยู่ มีการกระจายตัวอยู่ทางฝั่งธนบุรี เมกะบางนา สมุทรปราการ และบางใหญ่ นนทบุรีมากที่สุด ในขณะที่ความต้องการหรือความสนใจในการค้นหาทาวน์โฮมของผู้ใช้งานพบว่ามีความสอดคล้องกับซัพพลายด์ดังนั้นนายหน้าที่มีทรัพย์ทาวน์โฮมอยู่โซนฝั่งธนบุรี เมกะบางนา สมุทรปราการ รวมถึงบางใหญ่ จ.นนทบุรี อาจจะต้องหากลยุทธ์ในการเสนอขายที่โดดเด่น เพราะแม้จะมีคนสนใจในตลาดเยอะ แต่ก็มีคู่แข่งหรือทรัพย์เปรียบเทียบเยอะด้วยเช่นกัน<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230207/content/yngi9rym-20230207052345.jpeg" style="width: 100%;" alt="นายหน้ายุคใหม่ต้องใช้ Tech และ Big Data เป็น" width="" height="" title="นายหน้ายุคใหม่ต้องใช้ Tech และ Big Data เป็น" class="" role=""> ตลาดบ้านเดี่ยวจากข้อมูลบน www.baania.com ที่เก็บข้อมูลตลอดปี 2565 พบว่า&nbsp;ซัพพลายด์ของทาวน์โฮม ทั้งโครงการใหม่และมือสองที่เปิดขายอยู่ มีการกระจายตัวอยู่ในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก อย่างเมกะบางนา สมุทรปราการ และกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก และบางใหญ่ จ. นนทบุรี มากที่สุด ในขณะที่ความต้องการหรือความสนใจในการค้นหาทาวน์โฮมของผู้ใช้งานพบว่ามีความสอดคล้องกับซัพพลายด์ดังนั้นนายหน้าที่มีทรัพย์บ้านเดี่ยวอยู่โซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก อย่างเมกะบางนา สมุทรปราการ และกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก และบางใหญ่ จ. นนทบุรี อาจจะต้องหากลยุทธ์ในการเสนอขายที่โดดเด่น เพราะแม้จะมีคนสนใจในตลาดเยอะ แต่ก็มีคู่แข่งหรือทรัพย์เปรียบเทียบเยอะด้วยเช่นกัน<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230207/content/j185e30x-20230207052356.jpeg" style="width: 100%;" alt="นายหน้ายุคใหม่ต้องใช้ Tech และ Big Data เป็น" width="" height="" title="นายหน้ายุคใหม่ต้องใช้ Tech และ Big Data เป็น" class="" role=""> ราคาทรัพย์ที่คนสนใจนอกจากการเลือกประเภททรัพย์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าแล้ว การเลือกราคาที่ตอบโจทย์ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน โดย Baania ได้ทำการเก็บข้อมูลการค้นหาทรัพย์มือสองในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจากฐานข้อมูล Baania มาเปรียบเทียบไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ปี 2565 ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะทำให้นายหน้าเลือกทรัพย์ และช่วงราคานำเสนอลูกค้าได้อย่างง่ายขึ้น<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230207/content/vxfirxap-20230207053124.jpeg" style="width: 100%;" alt="นายหน้ายุคใหม่ต้องใช้ Tech และ Big Data เป็น" width="" height="" title="นายหน้ายุคใหม่ต้องใช้ Tech และ Big Data เป็น" class="" role=""> -ทาวน์โฮมในช่วงราคา 1-3 ล้านบาท ถูกค้นหาอยู่ในทำเลเมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ, บางบัวทอง จ.นนทบุรี และเมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี มากที่สุด-ทาวน์โฮมในช่วงราคา 3-5 ล้านบาท ถูกค้นหาอยู่ในทำเลเมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี, เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ และปากเกร็ด จ.นนทบุรี มากที่สุด-ทาวน์โฮมในช่วงราคา 5-10 ล้านบาท ถูกค้นหาอยู่ในเขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร, ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และเมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี มากที่สุด<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230207/content/f4ns6pqa-20230207053135.jpeg" style="width: 100%;" alt="นายหน้ายุคใหม่ต้องใช้ Tech และ Big Data เป็น" width="" height="" title="นายหน้ายุคใหม่ต้องใช้ Tech และ Big Data เป็น" class="" role=""> -บ้านเดี่ยวในช่วงราคา 1-3 ล้านบาท ถูกค้นหาอยู่ในทำเลลำลูกกา จ.ปทุมธานี, บางบัวทอง จ.นนทบุรี และหนองจอก กรุงเทพมหานคร มากที่สุด-บ้านเดี่ยวในช่วงราคา 3-5 ล้านบาท ถูกค้นหาอยู่ในทำเลคลองสามวา กรุงเทพมหานคร, เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี และบางพลี จ.สมุทรปราการ มากที่สุด-บ้านเดี่ยวในช่วงราคา 5-10 ล้านบาท ถูกค้นหาอยู่ในทำเลบางพลี จ.สมุทรปราการ, เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี และปากเกร็ด จ.นนทบุรี มากที่สุดเครื่องมือสำคัญในการหาข้อมูลสำหรับนายหน้าเวลาคือสิ่งสำคัญ หลายครั้งนายหน้าต้องเสียเวลาในการค้นหาข้อมูลทรัพย์มากมาย ​ทั้งข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์, ข้อมูลความสนใจของผู้บริโภคหรือลูกค้า และข้อมูลสถานที่และการใช้ชีวิต ซึ่งคงจะดีหากมีแหล่งรวมข้อมูลเชิงลึก และตัวช่วยในการหาข้อมูล วันนี้ Baania มีตัวช่วยมาเสนอ 2 เครื่องมือ1. Open Data Freeแหล่งรวม Big Data เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ทั้งข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์, ข้อมูลความสนใจของผู้บริโภคหรือลูกค้า และข้อมูลสถานที่และการใช้ชีวิตที่เก็บรวมรวมมาจากฐานข้อมูล Baania มีการอัปเดตใหม่อยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญดาวน์โหลดฟรี ไม่ต้องเสียเงิน ใครสนใจคลิกไปดูและดาวน์โหลดข้อมูลได้ที่ https://gobestimate.com/data<b style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">2. Bestimateระบบประมาณราคาอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่กว่า 1 ล้านประกาศมาใช้ในการวิเคราะห์ พัฒนาโดย บริษัทบาเนีย (ประเทศไทย) จํากัด ทำให้มีความแม่นยำสูงมาก ประมาณราคาฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย และทราบผลประมาณราคาเร็วมาก แต่ถ้านายหน้าท่านใดอยากได้ข้อมูลเชิงลึกของทรัพย์ที่ต้องการก็สามารถดาวโหลด CMA หรือเล่มประมาณราคาบ้านได้เลยครับ ใครสนใจคลิกที่ https://gobestimate.com&nbsp;ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นนายหน้าในยุคนี้ต้องนำข้อมูลและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยปิดการขาย หวังว่าสรุปข้อมูล Open class by Baania นี้จะช่วยปิดการขายให้นายหน้าได้นะครับ สำหรับใครที่สนใจ Open class by Baania คลาสออนไลน์ฟรีอื่นๆ สามารถกดติดตามได้ที่ Facebook: <a href="https://www.facebook.com/Baania.Official" target="_blank">www.facebook.com/Baania.Official </a> หรือแอดไลน์ @baaniaofficial: <a href="https://page.line.me/?openerPlatform=native&amp;openerKey=urlSchema%3Aexternal&amp;accountId=611wkotv&amp;fbclid=IwAR2VkJ_EgJb5GBl0lGAwmTBq2CQix4dTl-OHuAa30kYcssLOk3oAkVTCTZ4&amp;LineBaania=" target="_blank">go.baania.com/ee45adfc/</a> ได้เลยครับ

สรุป Open Class by Baania “นายหน้ายุคใหม่ต้องใช้ Tech และ Big Data เป็น”

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กว่า 3-4 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย ที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก ไม่เพียงแค่เรื่องของการท่องเที่ยว แต่อุตสาหกรรมการส่งออก และอสังหาริมทรัพย์ก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน ยิ่งเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่ซบเซาหนัก เนื่องจากเกิดภาวะเงินเฟ้อ ราคาสินค้าสูง ภาวะตกงาน เป็นหนี้ และขาดสภาพคล่องด้านการเงินจนทำให้หลายคนผ่อนต่อไม่ไหว และชะลอการตัดสินใจซื้อขายอสังหาฯ รวมถึงต่างชาติก็ไม่สามารถเข้าออกประเทศไทยได้ จึงทำให้ไม่เกิดการลงทุนคอนโดมิเนียมทีมข้อมูลของบริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้วิเคราะห์พฤติกรรมการค้นหาข้อมูลโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดการขายในกรุงเทพมหานครของผู้ใช้งาน Baania Marketplace (<a href="https://www.baania.com/" target="_blank">www.baania.com</a>) เพื่อสำรวจศักยภาพตลาดคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในกรุงเทพฯ ในช่วงโควิดระบาด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 - 2565 (เก็บข้อมูลล่าสุดเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2565) ว่าเป็นอย่างไรบ้างภาพรวมความสนใจโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดการขายในกรุงเทพมหานครจากข้อมูลผู้ใช้งาน Baania Marketplace พบว่า เมื่อเปรียบเทียบแบบปีต่อปี (YoY) มีผู้ใช้งานในอัตราคงที่เท่าเดิม แต่การเข้าชมโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดการขายในกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2565 กลับเพิ่มขึ้น 56% จากปี พ.ศ. 2564 โดยเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และมีอายุอยู่ระหว่าง 25-34 ปีเป็นส่วนใหญ่<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230113/content/iojp3uup-20230113041456.jpg" style="width: 100%;"><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230113/content/bvg3rdq0-20230113041516.jpg" style="width: 100%;"> เซกเมนต์คอนโดมิเนียมที่ได้รับความสนใจบาเนียได้ทำการแบ่งตลาดคอนโดมิเนียมออกเป็น 5 segments ตามราคาประกาศขายต่ำสุดของแต่ละโครงการต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ได้แก่ Economy (น้อยกว่า 70,000 บาท-/ตร.ม. ), Main Class (70,000-100,000 บาท/ตร.ม. ), Upper Class (100,000-150,000 บาท-/ตร.ม. ), High Class (150,000 200,000 บาท/ตร.ม.) และ Luxury (มากกว่า 200,000 บาท-/ตร.ม.)<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230113/content/iu5bpliv-20230113041535.jpg" style="width: 100%;"> ซึ่งพบว่าคอนโดมิเนียมแบบ Economy segment ได้รับความสนใจสูงสุด โดยมีการเยี่ยมซมตลอดปี พ.ศ. 2565 มากถึง 39.5% ในขณะที่คอนโดมีเนียมแบบ High Class และ Luxury มีการเยี่ยมชมรวมกันแค่ประมาณ 16% เท่านั้น ความสนใจตลาดคอนโดมิเนียมในจังหวัดต่างๆจากข้อมูลการเยี่ยมชมตามจังหวัดที่ผู้ใช้งานอาศัยอยู่ในปัจจุบันพบว่า คอนโดมิเนียมคือประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความนิยมจากผู้เยี่ยมชมที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร และแบบ Economy segment ได้รับความสนใจมากที่สุด แต่เมื่อวิเคราะห์ความสนใจตาม segment ผลปรากฎว่าคอนโดมิเนียมแบบ Luxury segment ได้รับความสนใจจากผู้เยี่ยมชมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเท่า ๆ กัน<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230113/content/y1ie2dvy-20230113041549.jpg" style="width: 100%;"> พื้นที่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจากข้อมูลพบว่า จตุจักร เป็นย่านที่มีการเยี่ยมชมโครงการคอนโดมิเนียมมากที่สุดในปี พ.ศ.​2565 โดยคิดเป็น 6.24% ในขณะที่ย่านวัฒนามีอัตราการเยี่ยมชมโครงการเทียบปีต่อปี (YoY) เพิ่มขึ้นสูงที่สุดถึง 44.7% ซึ่งคาดว่าอาจมาจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ เนื่องจากคาดว่าจะมีการเปิดตัวเปิดห้างสรรพสินค้าใหม่ในปี พ.ศ. 2566<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230113/content/egrmundm-20230113041600.jpg" style="width: 100%;"> จากข้อมูลทั้งหมดที่จัดเก็บโดยบริษัท บานีย (ประเทศไทย) จำกัด บนฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่ประกอบไปด้วยข้อมูลโครงการจัดสรรมากกว่า 25,000 โครงการ และข้อมูลการเยี่ยมชมของผู้ใช้งาน Baania Marketplace มากกว่า 6,000,000 ครั้ง คงจะเห็นได้ว่า ความสนใจโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดการขายในกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2565 เพิ่มขึ้นมากกว่าปี พ.ศ. 2563 - 2564 โดยส่วนหนึ่งอาจมาจากประเทศไทยเริ่มเปิดประเทศ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ได้ผ่อนคลายลง ตลาดคอนโดมิเนียมก็เริ่มจะกลับมาฟื้นตัว แม้จะต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกและสภาวะเงินเฟ้อ แต่ในปี พ.ศ. 2565 ได้มีมาตรการต่าง ๆ ที่เข้ามากระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าโอนและค่าจดจำนอง, ผ่อนคลายมาตรการ LTV, การคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะขึ้นในปี พ.ศ. 2566 รวมถึงผู้ประกอบการต่างเปิดตัวใหม่ พร้อมจัดโปรโมชันจัดเต็ม จึงทำให้ความสนใจของคนที่กำลังค้นหาที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่เองหรือลงทุนมีมากขึ้นจากปีก่อนหน้าด้วยใครที่สนใจข้อมูลวิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งผู้สนใจที่อยู่อาศัย กลุ่มนักลงทุน และองค์กรที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าใจ สามารถไปอ่านข้อมูล ดาวน์โหลด Open Data และ Comparative Market Analysis (CMA) ได้ที่ <a href="https://gobestimate.com/data" target="_blank">gobestimate.com</a>

สรุปความสนใจโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดการขายในกรุงเทพมหานคร ปี พ.ศ. 2563 - 2565

ด้วยสภาพการอากาศที่เต็มไปด้วยมลพิษ รวมกับสถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา คนอยู่ในกรุงเทพฯ หลายคนคงอยากจะสัมผัสกับพื้นที่สีเขียว เพื่อเยียวยาและเสริมสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานแล้วถ้าเราต้องการบ้านหรือคอนโดใกล้สวนในกรุงเทพ เพื่อไปสูดหายใจได้เต็มปอด แถมยังได้มองสีเขียวช่วยสร้างความผ่อนคลาย รวมถึงไปวิ่งออกกำลังกายได้ด้วย เราจะต้องจ่ายเท่าไรกันนะ มาหาคำตอบจากบทความนี้กันครับจากข้อมูลของ วิกิพีเดีย กรุงเทพมหานครมีสวนสาธารณะหลักอยู่ทั้งหมด 37 แห่งด้วยกัน โดยข้อมูลจาก <a href="https://trends.google.co.th/trends/?geo=TH" target="_blank">Google Trend</a> พบว่าสวนสาธารณะที่ได้รับการค้นหามากที่สุดใน 1 ปีที่ผ่านมา(กันยายน 2564-กันยายน 2565) มี 3 สวนธารณะด้วยกัน คือ สวนเบญจกิติ, สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) และสวนหลวง ร.9  <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220916/content/qgkgifgp-20220916034041.jpg" style="width: 100%;" alt="ราคาขาย-เช่า บ้านหรือคอนโดใกล้สวนดังใน กทม." width="" height="" title="ราคาขาย-เช่า บ้านหรือคอนโดใกล้สวนดังใน กทม." class="" role=""> ดังนั้นในบทความนี้เรามามาดูราคาอสังหาฯ รอบ 3 สวนชื่อดังกันครับ<h2>1.สวนเบญจกิติ </h2>สวนสาธารณะใจกลางกรุงเทพฯ มีพื้นที่รวมกว่า 450 ไร่ โดยแบ่งเป็นสวนป่าเบญจกิติ และสวนน้ำ ถือเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางกรุงที่เดินทางง่าย ใกล้ทั้ง BTS สถานีอโศก และ MRT สถานีสุขุมวิท จึงกลายเป็นสวนฮิตที่คนทั้งอยากอยู่อาศัย เพราะใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย แถมยังใกล้สวนอีกด้วย ทำให้คะแนน <a href="https://www.baania.com/article/faq-living-score-คืออะไร-article_2446" target="_blank">Living score*</a> ของย่านนี้มีคะแนนสูงถึง 98.20 คะแนน<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220916/content/rm5j3xcb-20220916040620.jpg" style="width: 100%;"> มาดูกันที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้กัน จากฐานข้อมูล Baania เดือนกันยายน 65 พบว่า โครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่อายุไม่เกิน 5 ปี ในระยะรัศมีจากสวน 2 กิโลเมตร มีโครงการคอนโดทั้งหมดถึง 54 โครงการ และโครงการแนวราบมีทั้งหมด 3 โครงการ สำหรับราคาขาย - เช่า ต้องบอกว่ามาแรงไม่เบาครับ โดยโครงการที่มีอายุไม่เกิน 5 ปีในระยะรัศมีจากสวน 2 กิโลเมตร ที่เป็นโครงการแนวราบมีน้อยมาก เราจึงไม่นำข้อมูลมาหาค่าเฉลี่ย แต่สำหรับราคาคอนโดที่มีอายุไม่เกิน 5 ปีในระยะรัศมีจากสวน 2 กิโลเมตร พบว่า แบบห้อง Studio <ul><li>ขนาดห้องเฉลี่ย : 30 ตร.ม.</li><li>ราคาเช่าเฉลี่ย : 17,680.91 บาท/เดือน</li><li>ราคาขายเฉลี่ย : 5.63 ล้านบาท</li></ul>แบบห้อง 1 Bedroom<ul><li>ขนาดห้องเฉลี่ย : 47 ตร.ม.</li><li>ราคาเช่าเฉลี่ย : 40,421.1 บาท/เดือน</li><li>ราคาขายเฉลี่ย : 11.62 ล้านบาท</li></ul>แบบห้อง 2  Bedroom<ul><li>ขนาดห้องเฉลี่ย : 72 ตร.ม.</li><li>ราคาเช่าเฉลี่ย : 80,840.24 บาท/เดือน</li><li>ราคาขายเฉลี่ย : 15.18 ล้านบาท</li></ul><h2>2. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)</h2>สวนวชิรเบญจทัศ หรือที่คนคุ้นกันในชื่อ สวนรถไฟ มีพื้นที่กว่า 375 ไร่ ที่ยอดฮิตใกล้ ทั้ง BTS สถานีหมอชิต และ MRT สถานีจตุจักร ที่คนนิยมไปพักผ่อน ท่องเที่ยว ออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน ชมอุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพฯ และกิจกรรมอีกมากมาย ทำให้คะแนน <a href="https://www.baania.com/article/faq-living-score-คืออะไร-article_2446" target="_blank">Living score*</a> ของย่านนี้มีคะแนนสูงถึง 90.39 คะแนน<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220916/content/vx0ahik5-20220916040634.jpg" style="width: 100%;"> มาดูกันที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้กัน จากฐานข้อมูล Baania เดือนกันยายน 65 พบว่า โครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่อายุไม่เกิน 5 ปี ในระยะรัศมีจากสวน 2 กิโลเมตร มีโครงการคอนโดทั้งหมดถึง 28 โครงการ และโครงการแนวราบมีทั้งหมด 2 โครงการสำหรับราคาขาย - เช่าโครงการที่มีอายุไม่เกิน 5 ปีในระยะรัศมีจากสวน 2 กิโลเมตร ที่เป็นโครงการแนวราบมีน้อยมาก เราจึงไม่นำข้อมูลมาหาค่าเฉลี่ย แต่สำหรับราคาคอนโดที่มีอายุไม่เกิน 5 ปีในระยะรัศมีจากสวน 2 กิโลเมตร พบว่า แบบห้อง Studio<ul><li>ขนาดห้องเฉลี่ย : 27 ตร.ม.</li><li>ราคาเช่าเฉลี่ย : 13,907.99 บาท/เดือน</li><li>ราคาขายเฉลี่ย : 3.7 ล้านบาท</li></ul>แบบห้อง 1 Bedroom<ul><li>ขนาดห้องเฉลี่ย : 33 ตร.ม.</li><li>ราคาเช่าเฉลี่ย : 17,335.8 บาท/เดือน</li><li>ราคาขายเฉลี่ย : 5.22 ล้านบาท</li></ul>แบบห้อง 2  Bedroom<ul><li>ขนาดห้องเฉลี่ย : 59 ตร.ม.</li><li>ราคาเช่าเฉลี่ย : 32,462.71 บาท/เดือน</li><li>ราคาขายเฉลี่ย : 9.18 ล้านบาท</li></ul><h2>3. สวนหลวง ร.9 </h2>สวนชานเมืองขนาดใหญ่กว่า 500 ไร่ ที่รวบรวมพันธุ์ไม้นานาชนิด และต้นไม้ใหญ่มากมาย เหมาะสำหรับการมาท่องเที่ยว พักผ่อน และออกกำลังกาย แต่หากต้องการไปที่สวนอาจจะต้องเดินทางด้วยรถส่วนตัว และค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมืองชั้นในครับ โดยย่านนี้มีคะแนน Living score* ของย่านนี้มีคะแนนสูงถึง 67.50 คะแนน<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220916/content/x2r96s7u-20220916040647.jpg" style="width: 100%;"> มาดูกันที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้กัน จากฐานข้อมูล Baania เดือนกันยายน 65 พบว่า โครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่อายุไม่เกิน 5 ปี ในระยะรัศมีจากสวน 2 กิโลเมตร มีโครงการคอนโดทั้งหมดเพียง 1 โครงการเท่านั้น และมีโครงการแนวราบทั้งหมด 4 โครงการสำหรับราคาขาย - เช่าโครงการที่มีอายุไม่เกิน 5 ปีในระยะรัศมีจากสวน 2 กิโลเมตร ที่เป็นโครงการคอนโดมีเพียง 1 โครงการเท่านั้น เราจึงไม่นำข้อมูลมาหาค่าเฉลี่ย แต่สำหรับราคาบ้าน ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ที่มีอายุไม่เกิน 5 ปีในระยะรัศมีจากสวน 2 กิโลเมตร พบว่า<ul><li>พื้นที่ใช้สอยเฉลี่ย : 169  ตร.ม.</li><li>ราคาเช่าเฉลี่ย : 28,000 บาท/เดือน</li><li>ราคาขายเฉลี่ย : 7.79 ล้านบาท</li></ul>เห็นราคาบ้านและคอนโดใกล้สวนชื่อดังใน กทม. กันไปแล้ว อยากไปจับจองหรือหาเช่ากันบ้างไหมครับ และสวนไหนที่ถูกใจคุณ สำหรับใครที่ใฝ่ฝันอยากอยู่บ้านใกล้สวน สามารถหาซื้อบ้านกันได้เลยที่ <a href="https://www.baania.com/" target="_blank">www.baania.com</a>* Living score : <a href="https://www.baania.com/article/faq-living-score-คืออะไร-article_2446" target="_blank">https://www.baania.com/article/faq-living-score-คืออะไร-article_2446</a>

ราคาขาย-เช่า บ้านหรือคอนโดใกล้สวนดังใน กทม.

<h1>ที่ดินใน Metaverse คืออะไร สามารถซื้อที่ใน Metaverse ได้จริงหรือไม่</h1>&nbsp;ถึงจะยังไม่รู้ว่าจะไปทิศทางไหนกันแน่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Metaverse ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่จาก Facebook ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้วงการดิจิทัลตั้งแต่เปิดตัว โดย Metaverse ถือได้ว่าเป็นโลกเสมือนจริงที่จะเชื่อมต่อโลกแห่งความเป็นจริงและโลกดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ทุกคนสามารถทำกิจกรรม ทำงาน และสามารถ “มีชีวิต” อยู่บนโลกเสมือนนี้ได้ราวกับว่าเป็นโลกแห่งจริง เพียงใช้เทคโนโลยีพิเศษอย่าง AR VR และวิดีโอที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ&nbsp;จะเห็นได้ว่า Metaverse นั้นเป็นอีกหนึ่ง “พื้นที่” ที่ทุกสามารถเข้าไปใช้ชีวิตและทำทุกกิจกรรมได้ ไม่เว้นแม้แต่การสร้างรายได้ ด้วยเหตุนี้ นอกจากธุรกิจจากแบรนด์ต่าง ๆ แล้ว การซื้อที่ดินใน Metaverse ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจลงทุนที่หลายคนให้ความสนใจเช่นเดียวกัน แล้วที่ดิน Metaverse คืออะไร นักลงทุนสามารถซื้อที่ดินบนโลกของ Metaverse มาลงทุนได้เหมือนที่ดินจริง ๆ ไหม วันนี้ Baania มีคำตอบ!<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220728/content/q93avw9r-20220728073253.jpg" style="width: 100%;" alt="ที่ดิน Metaverse คืออะไร" width="" height="" title="ที่ดิน Metaverse คืออะไร" class="" role=""> <span style="font-size: 2rem; font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;;">ที่ดินใน Metaverse คืออะไร? ก่อนที่จะไปดูว่านักลงทุนสามารถซื้อที่บน Metaverse ได้อย่างไร เราลองมาทำความเข้าใจคอนเซ็ปต์ของที่ดินบนโลกเสมือนจริงแห่งนี้กันดูสักเล็กน้อย&nbsp;โดยที่ดินใน Metaverse คือ แปลงที่ดินที่เปิดให้ซื้อขายและลงทุนใน Metaverse มีคอนเซ็ปต์และแนวคิดเหมือนกับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทุกประการ นักลงทุนสามารถซื้อที่เพื่ออยู่อาศัยและลงทุนได้ตามความต้องการ&nbsp;เมื่อเป็นเช่นนี้ หลายคนคงชักสงสัยว่า หากต้องการจะซื้อที่ดินใน Metaverse สักแปลง ทรัพย์สินที่ใช้ใน Metaverse นั้นเรียกว่าอะไร และต้องใช้อะไรเป็น “เงิน” ในการซื้อขายบ้าง ซึ่งคำตอบง่าย ๆ ก็คือ ที่ดินบนเสมือนจริงแห่งนี้สามารถซื้อได้ทั้ง “สกุลเงินดิจิทัล” และ “สกุลเงินทั่วไป” ที่หลายคนเรียกว่า Fiat Money ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่กำหนดโดยผู้พัฒนาและผู้ขายที่ดินนั่นเอง<h2>ที่ดินที่เปิดขายใน Metaverse</h2>&nbsp;บนโลก Metaverse นั้น การซื้อที่ดินอาจมาในรูปแบบของ NFT ซึ่งเป็นงานศิลปะแบบหนึ่งบนโลกดิจิทัล หรือผู้พัฒนาที่ดินบางรายอาจสร้างที่ดินบน Metaverse ให้ออกมาในรูปแบบของเกม ซึ่งในปัจจุบันนี้ นักลงทุนสามารถเริ่มซื้อที่ใน Metaverse ได้จาก 3 แหล่ง ซึ่งจะประกอบไปด้วย<h3>1. Decentraland</h3>หากเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ Decentraland ก็เป็นเหมือนกับเกม The Sims ที่ผู้เล่นสามารถออกแบบชีวิตของตัวละครที่สร้างได้ โดย Decentraland นี้จะเป็นเกมที่ให้คุณสร้างตัวละครขึ้นมา และเกมจะเริ่มต้นขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เล่นเริ่มซื้อที่ดินในเกมและเริ่มใช้ชีวิตบนเกม&nbsp;โดยภายในโลกนี้ คุณจะสามารถทำอะไรก็ได้บนที่ดินของตัวเอง จะทำธุรกิจ สร้างบ้าน หรือแสดงผลงาน NFT ก็ทำได้ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการซื้อที่ดินใน Metaverse ที่คุ้มค่าเลยทีเดียว โดยการจะซื้อที่ดิน รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ในชีวิตของตัวละครนี้สามารถทำได้โดยใช้สกุลเงินดิจิทัล และที่ดินจะมีอยู่จำกัดแค่ 90,000 แปลงเท่านั้น<h3>2. The Sandbox</h3>The Sandbox เป็นอีกหนึ่งที่ดินใน Metaverse ที่ได้รับความนิยมเป็นลำดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ แต่นอกจากจะเป็นการซื้อที่ดินมาเพื่อเริ่มต้นชีวิตในโลกเสมือนแล้ว The Sandbox ยังเป็นเกมที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้สร้างไอเท็มต่าง ๆ ในเกม จากนั้นก็สามารถนำไปขายเป็น Non-Fungible Token (NFT) และสร้างรายเป็นสกุลเงินดิจิทัลได้ตามต้องการ ซึ่งจุดขายหลักในส่วนนี้จึงเป็นที่มาของสโลแกนของ The Sandbox อย่าง “Play To Earn” และทำให้ที่ดินแห่งนี้มีอยู่จำกัดแค่ 166,464 แปลงเท่านั้น<h3>3. Cryptovoxels</h3>Cryptovoxels เป็นเกมซื้อขายที่ดินที่ทำงานบนระบบบล็อกเชนของสกุลเงินดิจิทัลสุดฮิตอย่าง Ethereum ซึ่งก็จะมีฟังก์ชันคล้าย ๆ กับ Decentraland และ The Sandbox และผู้ซื้อที่ดินยังสามารถใช้งานที่ดินได้เหมือนอสังหาริมทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริงอีกด้วย<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220728/content/dnisntos-20220728073326.jpg" style="width: 100%;" alt="ซื้อที่ดินใน Metaverse อย่างไร" width="" height="" title="ซื้อที่ดินใน Metaverse อย่างไร" class="" role=""> <h2>ซื้อที่ใน Metaverse ได้อย่างไร?</h2>การซื้อที่ดินใน Metaverse นั้นจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกตามความต้องการของผู้ขาย รวมถึงกฎที่มาจากเกมโดยตรง ซึ่งอาจเป็นเงินสกุลปกติ (Fiat Money) หรือเป็นสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ก็ได้ แต่สำหรับแพลตฟอร์มไหนที่ต้องซื้อขายที่ดินเป็นสกุลเงินดิจิทัล ผู้ซื้ออย่างเรา ๆ สามารถเตรียมตัวได้ ดังนี้1. ตั้งค่า Wallet ที่รองรับต่อการทำงานบล็อกเชน หรือ ระบบการทำงานของที่ดินใน Metaverse ที่สนใจ&nbsp;2. เข้าไปยังแหล่งซื้อขาย หรือ Market Place ของเกมที่ต้องการจะซื้อที่ดิน3. เชื่อมต่อ Wallet กับบัญชีเกมที่มีที่ดิน Metaverse ที่สนใจ4. กดคำสั่งซื้อ โอนเหรียญ และได้ที่ดินมาไว้ในครอบครอง<h2>ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจซื้อที่ดินใน Metaverse</h2>ถึงจะดูเป็นโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจ แต่การซื้อที่ดิน Metaverse ในเกมต่าง ๆ ก็มีข้อควรระวังหลัก ๆ ในเรื่องของความเสี่ยง เพราะการซื้อขายที่ดินบนโลกเสมือนจริงเกือบทุกเกมจะเป็นการซื้อขายโดยใช้สกุลเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนและความเสี่ยงสูง ซึ่งหากไม่ศึกษาให้ดี Metaverse และการซื้อที่ดินก็อาจไม่ตอบโจทย์อย่างที่คิดนอกจากนี้ ที่ดิน Metaverse ยังไม่ใช่ที่ดินจริง ๆ ซึ่งมูลค่าของที่ในโลกเสมือนจริงจะขึ้นอยู่กับความฮิตของเกม มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัล จำนวนผู้เล่น สภาพคล่อง รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ภายในเกมเอง ซึ่งหากไม่วางแผนการซื้อขายให้รอบคอบและติดตามข่าวสารอยู่เป็นประจำ ที่ดินบนโลกเสมือนจริงก็อาจเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงก้อนใหญ่เลยก็ว่าได้การมีที่ดินบนโลก Metaverse อาจเป็นอีกหนึ่งความฝันของใครหลายคน แต่ไม่ว่าอย่างไร ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อขายทุกครั้ง อย่าลืมศึกษารายละเอียดผลิตภัณฑ์และความเสี่ยงที่รับไหวให้ดี เช่นเดียวกับการซื้อขาย “ที่ดินจริง” หากใครศึกรายละเอียดต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้กำลังมองหา “ที่ดินจริง” เพื่อลงทุนควบคู่ไปกับ “ที่ดินบนโลกเสมือน” Baania ก็มาพร้อมกับที่ดินทำเลศักยภาพบนทำเลที่ใช่เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนและซื้ออยู่เองในโลกความจริงเช่นกัน

พาส่องที่ดินใน Metaverse และวิธีซื้อที่ดิน Metaverse ที่หลายคนยังไม่รู้

Trends & Data

ใครที่ต้องการหาทาวน์โฮมราคาดีไม่เกิน 4 ล้านบาท* ดีไซน์หรูหราสไตล์ฝรั่งเศส ส่วนกลางครบครัน ในทำเลลาดกระบัง ย่านบางพลี สมุทรปราการ ทาวน์โฮมโครงการไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ จากลลิล พร็อพเพอร์ตี้ คืออีกโครงการใหม่ที่ห้ามพลาดไปดู<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/yf5flfum-20230224050434.jpg" style="width: 100%;" alt="ไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ" width="" height="" title="ไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ" class="" role=""> โครงการ ไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ (Lio 4 Onnut-Suvarnabhumi) เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น ที่ออกแบบในสไตล์ "French Colonial Style” ที่ผสมผสานความสวยงามของการใช้ชีวิตให้เข้ากับสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียล ด้วยการออกแบบบ้านให้คล้ายชาโตว์ มีการใช้หน้าจั่ว ใช้ซุ้ม และเพิ่มบัว เพื่อให้ได้ดีไซน์บ้านแบบไร้กาลเวลา ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางหรือสวนส่วนกลางในสไตล์โพรวองซ์ ด้วยการนำน้ำพุและกระถางประดับตกแต่ง และใช้ต้นสนหรือไม้พุ่มในการนำสายตาแบบบ้านในโครงการในส่วนของฟังก์ชันบ้านมีการออกแบบที่คำนึงถึงความปลอดภัยและการใช้งานจริง ทั้งการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย เพราะไม่มีเหลี่ยมเสา, ทาสี Supermatex Color เพื่อลดความร้อน ช่วยให้บ้านเย็น, เพดานสูง โปร่งสบาย, Master Bedroom ขนาดใหญ่, ติดตั้ง Active Air Flow ระบบหมุนเวียนถ่ายเทอากาศภายในบ้าน, ติดตั้งหลอดไฟ LED เพื่อประหยัดไฟทั้งหลัง และStay Online จุดเชื่อมต่อ Wi-Fi และสาย lan ร้อยท่อฝังผนัง โดยแบบบ้านในปัจจุบันมีให้เราเข้าไปชมโครงการ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่-ลียง (LYON) พื้นที่ใช้สอย 125 ตร.ม.** 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก ส่วนเตรียมอาหาร ที่จอดรถ 2 คัน-ลีล (LILLE) พื้นที่ใช้สอย 105 ตร.ม.** 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก ส่วนเตรียมอาหาร ที่จอดรถ 1 คัน<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/j346xzyl-20230224050502.jpg" style="width: 100%;" alt="ไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ" width="" height="" title="ไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ" class="" role=""> พื้นที่ส่วนกลางในโครงการพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ เรียกได้ว่าจัดเต็มครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ฟิตเนสหรู พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน 24 hours, คลับเฮาส์, สวนสาธารณะ และระบบรักษาความปลอดภัย, กล้อง CCTV และเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย 24 ชม. และKey Card Access<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/ick3nxvm-20230224050531.jpg" style="width: 100%;" alt="ไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ" width="" height="" title="ไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ" class="" role=""> ทำเลของโครงการทาวน์โฮม ไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ เชื่อมต่อทุกการเดินทางสู่ใจกลางเมือง สามารถเดินทางสะดวกด้วยมอเตอร์เวย์, ถนนกรุงเทพกรีฑา, ทางด่วนบูรพาวิถี และ Airport Rail Link สถานีลาดกระบัง และยังรายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญ เช่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, พาซิโอ ลาดกระบัง, เซ็นทรัล วิลเลจ, สนามบินสุวรรณภูมิ<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/zi4yb0ay-20230224050543.jpg" style="width: 100%;" alt="ไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ" width="" height="" title="ไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ" class="" role=""> ใครที่สนใจ ไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ บอกเลยว่าตอนนี้มีโปรฯ พิเศษจัดเต็ม ฟรี! แอร์ 1 เครื่องพร้อมติดตั้ง, ค่าส่วนกลาง 3 ปี, หลังคาโรงจอดรถ,​มิเตอร์น้ำ-ไฟ, ปั๊มน้ำ, และถังเก็บน้ำ อยากดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือเข้าชมโครงการคลิก <a href="https://www.baania.com/project/%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%AD-4-%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%8A-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4-63f5b48a9b028e00130ae5e5?%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%AD4%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%8A%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4=%E0%B9%84%E0%B8%A5" target="_blank">go.baania.com/31178344/</a>ภาพภายในโครงการ<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/ebyv9dr7-20230224050747.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/j0bfgcxk-20230224050756.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/c9bm30qy-20230224050804.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/i6iog0uu-20230224050813.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/b9qwflxs-20230224050822.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/2tollvck-20230224050831.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/n8dobaff-20230224050848.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/59l4y9b7-20230224050859.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/e4bkfdeg-20230224050916.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/8p3o8fu2-20230224050926.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/soztfije-20230224050935.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/arwdrrhv-20230224050959.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/boril1sm-20230224051042.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/rjq1pxqj-20230224051053.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/y4nhel8i-20230224051105.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/hbdi2bys-20230224051118.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/st6ybz5x-20230224051130.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/hgia8pyd-20230224051151.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/w4zvfqez-20230224051202.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/zdoflcpr-20230224051216.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/96tamhmp-20230224051229.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/1c4p3luh-20230224051243.jpg" style="width: 100%;"> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230224/content/rsf5jcyk-20230224051303.jpg" style="width: 100%;">

ไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ ทาวน์โฮมสไตล์ "French Colonial Style” ทำเลดี ราคาดี เริ่มต้น 2.59 ลบ.

ไลโอ 4 อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ ทาวน์โฮมสไตล์ French Colonial Style ทำเลดี ราคาดี เริ่มต้น 2.59 ลบ.

หลังจากรอกันมานาน ในที่สุดโครงการเมซอง 168 ลาดพร้าว 101 (MAISON 168 LATPHRAO 101) ก็เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ววันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ในราคาเริ่มต้น 5.92 ลบ.* พิเศษโปรฯ วันเปิดตัว ฟรี! ค่าใช้จ่ายวันโอนฯ และค่าส่วนกลาง 3 ปี* <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230222/content/4o8bmrtn-20230222102209.jpg" style="width: 100%;" alt="MAISON 168 LATPHRAO 101 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ" width="" height="" title="MAISON 168 LATPHRAO 101 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ" class="" role=""> เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับโครงการเมซอง 168 ลาดพร้าว 101 (MAISON 168 LATPHRAO 101) บนเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ ในซอยลาดพร้าว 101 ทาวน์โฮมสุดหรูโครงการใหม่จากบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ L.P.N ชูจุดเด่นบ้านที่ดูเรียบหรู แอบซ่อนอยู่ใจกลางเมืองบนถนนลาดพร้าว 101 เดินทางง่าย ใกล้ทางด่วน ใกล้รถไฟฟ้า พร้อมมอบความสงบและความส่วนตัว ในราคาเริ่มต้น 5.92 ลบ.* เพียง 95 ยูนิตเท่านั้น<h2>โครงการเมซอง 168 ลาดพร้าว 101</h2>โครงการเมซอง 168 ลาดพร้าว 101 เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ออกแบบในสไตล์โมเดิร์น เน้นโทนสีขาวสะอาด ดูสบายตา ผสมผสานรูปทรงเรขาคณิตเพิ่มความเป็นโมเดิร์น เสริมความโดดเด่น หรูหราด้วยเส้นตัดสีเขียวและเทาเข้ม แบ่งฟังก์ชันบ้านออกเป็น 2 สไตล์ตามความชอบของผู้อยู่อาศัย ได้แก่1. แบบบ้าน B สไตล์ Modern Minimalบ้านที่ตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่ หลงใหลความเรียบง่าย มีสไตล์ ดีไซน์ตัวบ้านเป็นสีขาวทำให้บ้านดูกว้างและสบายตา โดดเด่นด้วยระแนงลายไม้สีขาวช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว ประหยัดไฟ รวมทั้งบดบังแสงแดดจากภายนอก ปิดท้ายด้วยการเสริมความร่มรื่นด้วยไม้มงคลอย่างต้นแคนา ไม่เพียงเท่านั้นยังมาพร้อมระบบ Smart Home ทั้ง IOT, ปลั๊กไฟอัจฉริยะ, สัญญาณกันขโมย, CCTV, นวัตกรรมบ้านหายใจได้ และ EV Charger<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230222/content/z807cxej-20230222094059.jpg" style="width: 100%;" alt="MAISON 168 LATPHRAO 101 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ" width="" height="" title="MAISON 168 LATPHRAO 101 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ" class="" role=""><b style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"=""> <b style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">2. แบบบ้าน A สไตล์ Modern Retro บ้านหน้ากว้าง 5.5 ม. ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 19.90 ตร.ว. แบ่งเป็น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ให้พื้นที่จอดรถมากถึง 3 คัน ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ที่ชื่นชอบแนวผสมผสาน ดีไซน์ตัวบ้านเน้นโทนสีขาวเป็นหลัก เพิ่มสีสันด้วยเส้นตัดสีเขียวและเทาเข้ม จัดวางฟังก์ชันบ้านอย่างเหมาะสม ทั้งห้องรับประทานอาหาร ห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ชูจุดเด่น Master Bedroom ทั้งชั้น และห้องนอนรองที่ไม่เป็นสองรองใคร ในส่วนพื้นที่ใช้สอยสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการทั้งห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องนอนเล็ก เป็นต้น อีกทั้งยังมาพร้อมระบบ Smart Home ทั้ง IOT, ปลั๊กไฟอัจฉริยะ, สัญญาณกันขโมย, CCTV, นวัตกรรมบ้านหายใจได้ และ EV Charger<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230220/content/avjoa60x-20230221070128.jpg" style="width: 100%;" alt="MAISON 168 LATPHRAO 101 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ" width="" height="" title="MAISON 168 LATPHRAO 101 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ" class="" role=""><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230221/content/m6ybeqis-20230221071123.jpg" style="width: 100%;" alt="MAISON 168 LATPHRAO 101 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ" width="" height="" title="MAISON 168 LATPHRAO 101 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ" class="" role=""> <h2>พื้นที่ส่วนกลางตอบทุกความต้องการ</h2>ไม่เพียงแบบบ้านจะมอบสังคมส่วนตัวที่เรียบง่าย แต่พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ในโครงการก็ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยแบบฉบับคนเมืองยุคใหม่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น คลับเฮาส์ที่มีฟิตเนส พร้อมเครื่องออกกำลังกายครบครัน เชื่อมต่อพื้นที่กับสวนสีเขียวร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ มีสนามเด็กเล่น และสนามหญ้า เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่สามารถพาสมาชิกตัวน้อย หรือสัตว์เลี้ยงตัวโปรดมาทำกิจกรรมร่วมกันได้ <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230220/content/fhumw4zz-20230221070150.jpg" style="width: 100%;" alt="MAISON 168 LATPHRAO 101 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ" width="" height="" title="MAISON 168 LATPHRAO 101 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ" class="" role=""> <h2>ทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก</h2>สำหรับทำเลของโครงการ เรียกว่าเป็นทำเลหายากใจกลางลาดพร้าว 101 สามารถเดินทางได้สะดวกสบายหลากหลายรูปแบบทั้งรถส่วนตัว ที่เชื่อมต่อถนนหลายสาย เช่น ถนนลาดพร้าว, ถนนนวมินทร์, ถนนประเสริฐมนูกิจ, ถนนประดิษฐ์มนูธรรม และใกล้ทางด่วนฉลองรัช เชื่อมต่อเอกมัย-ทองหล่อได้ ที่สำคัญใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว 101 เพียง 10 นาที* เท่านั้น อีกทั้งรายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญมากมาย ทั้ง รพ.เวชธานี, รพ.ลาดพร้าว, รร.พระมารดานิจจานุเคราะห์, รร.มัธยมวัดบึงทองหลาง, ม. รัตนบัณฑิต, The Mall บางกะปิ, Makro ลาดพร้าว, CentralFestival East Ville, The Crystal เอกมัย-รามอินทรา เป็นต้น <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230220/content/5l8kc6sg-20230221070208.jpg" style="width: 100%;" alt="MAISON 168 LATPHRAO 101 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ" width="" height="" title="MAISON 168 LATPHRAO 101 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ" class="" role=""> จัดเต็มแบบบ้านสุดหรู ฟังก์ชันครบ มีระบบ Smart Home ส่วนกลางตอบโจทย์ในทำเลศักยภาพแบบนี้ เริ่มต้นเพียง 5.92 ลบ.* เท่านั้น ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ ฟรี! ค่าใช้จ่ายวันโอนฯ และค่าส่วนกลาง 3 ปี* ในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 คลิก:
<a href="https://bit.ly/3jlqEpL" target="_blank" style="background-color: rgb(255, 255, 255); font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">https://bit.ly/3jlqEpL</a>*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ทาวน์โฮม MAISON 168 LATPHRAO 101 เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 26 ก.พ. นี้ เริ่ม 5.92 ลบ.

ทาวน์โฮม MAISON 168 LATPHRAO 101 เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 26 ก.พ. นี้ เริ่ม 5.92 ลบ.*

CPN ปักธง “บ้านนิรติ เชียงใหม่” โครงการแนวราบแห่งแรกในเชียงใหม่ บ้านหรูเน้นความปลอดภัย ฟังก์ชัน-ดีไซน์ สอดรับชีวิต New Normal

นิยาม คำว่าบ้าน ของแต่ละครอบครัวมีความหมายต่างกัน และใช่ว่าทุกครั้งที่เลือกบ้านในแต่ละครั้ง แต่ละช่วงเวลาจะเหมือนกัน แต่ในทุกครั้งที่เลือกคนมักมองหาสิ่งที่ตอบโจทย์การดำเนินชีวิต และพฤติกรรมของครอบครัวอย่างแท้จริงเมื่อก่อนการวางแผนมีบ้านของตนเอง มักเกิดขึ้นเมื่อเราอยู่ในจุดที่อยากเปลี่ยนแปลงชีวิตแบบที่ว่าจะลงหลักปักฐานกับคนที่รัก พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และลูกๆ เพื่อเป็นสถานที่ทำกิจวัตรประจำวัน ใช้เวลาว่างร่วมกัน พักผ่อนยามกลับจากทำงานหรือเรียน แต่ในปัจจุบันมุมมองคำว่า “บ้าน” ของคนรุ่นใหม่ก็อาจกำลังเปลี่ยนไปเช่นกัน เพราะบ้านเริ่มกลายเป็นสถานที่ที่ทำกิจกรรมทุกอย่างได้ทุกที่ ทุกเวลา<h2>Refresh your life</h2>ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้คนในแต่เจนเนอเรชั่นมีความต้องการและความคุ้นเคยในการใช้พื้นที่การใช้งานในบ้านที่แตกต่างกันออกไป เช่นคนในรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่า ตามยายอาจจะยังคุ้นเคยกับพฤติกรรมแบบเดิม การใช้พื้นที่ห้องแบบแยกส่วน การทำกิจวัตรประจำวันตามเวลา นอนหัวค่ำ ตื่นแต่เช้า ออกไปชอปปิงจ่ายตลาดมาทำกับข้าว ดูข่าวยามเช้า ดูละครหลังข่าวยามเย็นจากโทรทัศน์ ในขณะที่คนรุ่นลูกรุ่นหลาน ต้องการพื้นที่ส่วนตัวห้องเดียวสามารถทำได้ทุกอย่าง กินข้าวซื้อของจากออนไลน์ รับรู้ข้อมูลข่าวสารสาระบันเทิงผ่านอินเทอร์เน็ต นอนเมื่ออยากนอน ตื่นเมื่ออยากตื่น และในยุคโควิดที่ผ่านมา แม้แต่การเรียนและการทำงานยังต้องทำที่บ้าน จึงทำให้วันนี้การออกแบบบ้านต้องมีแนวคิดที่แตกต่างออกไป เช่น คอนโดมิเนียมมีขนาดเล็กลงและอยู่ในทำเลที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะสะดวก, บ้านสำหรับคนโสด หรืออยู่กันเพียง 2 คน ก็จะอยู่ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวก สถานที่ทำงาน หรือสถานศึกษา ขณะที่บ้านสำหรับครอบครัวใหญ่ที่มีคนหลายเจนเนอเรชั่นอยู่ด้วยกัน การจัดการพื้นที่ภายในบ้านต้องมีความยืดหยุ่น ระบบอาคารที่รองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอำนวยความสะดวกหลากหลาย เป็นต้น<h2>Renew your home</h2>หนึ่งในแนวความคิดการออกแบบบ้านสำหรับสังคมไทยในยุคนี้ คือการนำบ้านในอดีตที่ไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบันมาปรับปรุงใหม่ เนื่องจากรุ่นพ่อแม่มักมีความคุ้นเคยกับการอยู่อาศัยในทำเลเดิม หรือไม่อยากให้ลูกหลานแยกไปอยู่ที่อื่น ในขณะที่ลูกหลานต้องการขยายตัวของครอบครัว ใช้พื้นที่และใช้เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป การหันมาปรับโฉมบ้านเดิมให้มีรูปแบบการใช้พื้นที่ใช้สอยที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตในปัจจุบัน แต่หากบ้านไม่สามารถปรับปรุงต่อเติมอาคารได้ การเลือกบ้านมือสองที่อยู่ใกล้บ้านเดิมหรืออยู่ในหมู่บ้านเดียวกันให้กับลูกหลาน จึงน่าจะเป็นอีกแนวทางในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการอยู่อาศัยในอนาคตที่จะเกิดขึ้น<h2>What’s the difference between Renovation and new design</h2>โครงการบ้านภัสสร เพรสทีจ คือตัวอย่างของการนำบ้านหลังเดิมที่สร้างขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุค 90s และยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว และพื้นที่เปิดโล่งบริเวณชั้นล่างที่กว้างมากพอจะปรับปรุง ที่สำคัญบ้านหลังหัวมุมยังมีที่ดินเหลือเป็นสวนด้านข้างไว้เป็นพื้นที่สีเขียวของบ้าน<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220721/content/1ogync6q-20220721092201.jpg" style="width: 100%;"> สำหรับการสำรวจอาคารและโครงสร้างในการนำบ้านข้ามกาลเวลามารีโนเวทเพื่อใช้งานในยุคปัจจุบัน ส่วนสำคัญที่สุดก็คือความมั่นคงแข็งแรงทางโครงสร้าง ตามมาด้วยงานระบบและองค์ประกอบทุกจุด ในส่วนไหนที่พบว่าชำรุด ทรุดโทรมก็จะต้องมีการเปลี่ยนหรือซ่อมแซม รวมทั้งเพิ่มพื้นที่การใช้งานใหม่ให้สอดคล้องกับการอยู่อาศัยในสภาพภูมิอากาศร้อนชื้น(Tropical) แบบประเทศไทย ที่มีทั้งฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาวได้อย่างเหมาะสมเมื่อพบว่าอาคารมีความมั่นคงแข็งแรง สามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้เหมือนการสร้างใหม่ได้ ทั้งงานระบบอาคาร ไฟฟ้า ประปา อินเทอร์เน็ต รวมถึงหากต้องการใช้เทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฮม (Smart Home Solution), พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) หรือระบบการถ่ายเทความร้อนในบ้าน (Airflow System) และเปลี่ยนวัสดุปิดผิวให้เป็นนวัตกรรมใหม่หรือวัสดุทดแทนก็สามารถทำได้ตามงบประมาณที่ตั้งไว้มาดูกันที่ฟังก์ชันของบ้านภัสสร เพรสทีจ โดยเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นครอบครัวที่อยู่อาศัย 4-6 คน และต้องการที่อยู่อาศัยในบริเวณถนนรังสิต-นครนายก มีรายได้ระดับปานกลาง-สูง จึงเลือกมองหาบ้านที่มีความสวยงาม คุ้มค่า สถาปนิกจึงออกแบบทางเดินโดยรอบบ้านเชื่อมโยงการใช้งานจากหน้าบ้านถึงหลังบ้าน โดยเพิ่มพื้นที่ใช้งานทั้งเฉลียงด้านข้างไปสู่พื้นที่พักผ่อนในสวน และลานซักล้างพร้อมหลังคาด้านหลังบ้านสำหรับการใช้งาน นอกจากนั้นยังเพื่มหลังคาด้านหน้าเป็นกันสาดป้องกันฝนที่อาจจะสาดเข้ามาถึงบริเวณที่จอดรถ โดยเฉพาะระแนงไม้เทียมบริเวณระเบียงห้องนอนใหญ่ชั้น 2 องค์ประกอบสำคัญที่เป็นทั้งการสร้างความเป็นส่วนตัวและเอกลักษณ์ให้กับตัวอาคาร1. ทางเดินจากด้านหน้าบ้านไปยังด้านหลังบ้าน โดยที่ไม่ต้องผ่านเข้าไปในตัวบ้าน2. เฉลียงด้านข้างบ้าน เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตภายนอก ท่ามกลางสวนในบ้าน3. ลานซักล้าง ด้านหลังบ้านที่มีขนาดเพียงพอกับการใช้งานจริง<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220721/content/nxsptne5-20220721092703.jpg" style="width: 100%;"> 4. กันสาดด้านหน้า ครอบคลุมที่จอดรถ ตลอดจนคลุมทางเดินไปยังทางเข้าด้านหน้าบ้าน5. ระแนงไม้เทียมบริเวณระเบียงชั้น 2 ส่วนของห้องนอนใหญ่ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวจากมุมมองของบ้านฝั่งตรงกันข้าม และสร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้าน6. กันสาดบริเวณส่วนทางเดินด้านข้างบ้านที่ต่อเชื่อมจากส่วนรับประทานอาหารในบ้าน ไปยังพื้นที่เฉลียงในสวน7. หลังคาคลุมพื้นที่ส่วนซักล้าง เพื่อช่วยให้สามารถใช้งานในกรณีที่มีฝนพรำ และในวันที่แดดจัด8. ออกแบบให้มีตู้ไปรษณีย์ที่สามารถรองรับกล่องพัสดุ ที่มีขนาดใหญ่กว่าซองจดหมายเอกสารทั่วไป ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตปัจจุบันที่นิยมซื้อของออนไลน์<h2>Interior Architecture</h2>ในส่วนของการจัดการพื้นที่ใช้ว่างในอาคารเดิมให้เกิดการใช้งานที่มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้มีความยืดหยุ่น รองรับกิจกรรมได้หลากหลาย จึงเลือกออกแบบ Mood Tone ของอาคาร และเลือกใช้เฉดสีของวัสดุ และตัวอาคารในโทนขาวเทาดำ กับสีของวัสดุธรรมชาติ คือ ไม้ ให้เหมาะกับการอยู่อาศัย พร้อมหน้าต่างกว้างที่เปิดสู่สวน เพื่อให้ผู้อยู่รับรู้ถึงความโปร่งโล่ง สบายตา ไม่อึดอัดแม้อยู่ภายในตัวบ้าน มาพร้อมกับความเป็นส่วนตัวสูงที่แม้จะอยู่ในห้องนอนใหญ่ที่มีหน้าต่างบานกว้าง แต่ก็ยังมีความเป็นส่วนตัวสูงได้ด้วยระแนงไม้เทียม เพื่อให้เกิดประสบการณ์การใช้ระเบียงที่แตกต่างไปจากเดิม<a href="go.baania.com/f3b40c48/242" target="_blank"><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220721/content/1sm2eekz-20220721090843.jpg" style="width: 100%;" alt="ภัสสร เพรสทีจ" width="" height="" title="ภัสสร เพรสทีจ" class="" role=""></a> สำหรับพื้นที่ชั้นล่าง ออกแบบให้มีขนาดกว้าง โล่งโปร่ง เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าของบ้านสร้างสรรค์การใช้งานเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นที่พักผ่อน รับประทานอาหาร ทำงาน หรือใช้สอยแบบอเนกประสงค์นั่นเอง<a href="go.baania.com/f3b40c48/242" target="_blank"><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220721/content/fg7sdcrg-20220721090831.jpg" style="width: 100%;" alt="ภัสสร เพรสทีจ" width="" height="" title="ภัสสร เพรสทีจ" class="" role=""></a> ทราบแนวคิดการออกแบบและรีโนเวทบ้านภัสสร เพรสทีจกันไปแล้ว ใครอยากจะไปชมบ้านจริงๆ หรือสนใจอยากจะเป็นเจ้าของสามารถโทร. 097-998-0402 หรือคลิก <a href="https://www.baania.com/landing/%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%A3-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87-2-622f32c29e89b89fa7bee615?platform=c&ref=242" target="_blank">go.baania.com/f3b40c48/242 </a>ได้<a href="go.baania.com/f3b40c48/242" target="_blank"><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220721/content/zeq2w1ak-20220721091235.jpg" style="width: 100%;" alt="ภัสสร เพรสทีจ" width="" height="" title="ภัสสร เพรสทีจ" class="" role=""></a> ----------------------------------------ผู้เขียนบทความ <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220721/content/pr4e2lq3-20220721090615.jpg" style="width: 100%;"> มัลลิกา จงศิริ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

Renew your home | Refresh your life

รีวิว

ดีเวลเปิดตัว “อาณา พระรามเก้า” บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ ความสุขของคนโลกส่วนตัวสูง เริ่ม 39.9 ลบ.

ซีแพค กรีน โซลูชัน ผู้นำด้านนวัตกรรมก่อสร้างเพื่อสิ่งแวดล้อม เตรียมขนทัพนวัตกรรมสุดล้ำ มาร่วมสร้างตำนาน บทใหม่ให้วงการออกแบบก่อสร้างในงาน "สถาปนิก'66: Architect Expo 2023" ครั้งแรกในประเทศไทย! กับการยก CPAC 3D Café มาไว้ที่งาน พร้อมก้าวข้ามขีดจำกัดของการสร้างผลงาน Street Furniture สุดครีเอท โดยการนำ สี “Scarlet Sage” ซึ่งเป็นเทรนด์สีแห่งปี จากนวัตกรรม CPAC 3D Printing Solution มาให้สัมผัส อีกทั้งยังมีงานตกแต่งพื้นด้วย CPAC Floor Solution - Stamped Concrete บริการพื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย, CPAC Floor Solution - Marble Render บริการงานตกแต่งพื้นด้วยมาร์เบิ้ลเรนเดอร์, CPAC FillGood Solution บริการเติมเต็ม ปิดโพรงใต้โครงสร้าง ด้วยวัสดุมวลเบาชนิดพิเศษจากซีแพค ที่มาพร้อมทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เตรียมพบกับ สะพานคอนกรีต แห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยี UHPC (Ultra High Performance Concrete) จาก CPAC Ultra Bridge Solution ที่จะมาเปลี่ยนโฉมสะพานแบบเดิม ๆ โดดเด่นเรื่องการดีไซน์สะพานคอนกรีต สวย แกร่ง บาง, KIT CARBON แพลตฟอร์มซึ่งใช้เทคโนโลยี Digital & BIM เข้ามาช่วยคำนวณ Embodied Carbon เพื่อช่วยในกระบวนการก่อสร้างตั้งแต่การออกแบบและการเลือกใช้วัสดุ, EV-Charger Cover อุปกรณ์กล่องครอบเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งผลิตจาก Waste Concrete & Cement ที่นับเป็นหัวใจสำคัญของการลดมลภาวะ เพื่อมุ่งเน้น Net Zero อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งในทุกโซลูชันตอกย้ำ ด้านการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ ซีแพค กรีน โซลูชัน ได้เป็นอย่างดี<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230419/content/ul25skdx-20230419120152.jpg" style="width: 100%;" alt="ซีแพค กรีน โซลูชัน นำทัพนวัตกรรมการออกแบบในงาน สถาปนิก 66" width="" height="" title="ซีแพค กรีน โซลูชัน นำทัพนวัตกรรมการออกแบบในงาน สถาปนิก 66" class="" role=""> 
โดยภายในงาน นอกจากจะได้สัมผัสเทคโนโลยีสุดล้ำแล้ว ซีแพค กรีน โซลูชัน ยังร่วมกับ Fika & Co Cafe ร้านกาแฟดีกรีแชมป์ 2023 Thailand National Barista Champion โดย คุณอู๋-ร้อยตรี เอกพล ดีบุญมี ณ อยุธยา บาริสต้า หนุ่มหล่อที่จะมาร่วมครีเอทเมนู Filter Coffee ให้คอกาแฟได้ดื่มด่ำไปกับรสชาติความอร่อยกลมกล่อมท่ามกลางงาน ครีเอทสุดล้ำแบบไร้ขีดจำกัด...เท่านั้นยังไม่พอยังมีโปรโมชันสุดพิเศษอีกมากมายสำหรับลูกค้าเฉพาะภายในงานนี้เท่านั้น มาร่วมสัมผัสพร้อมกัน ได้ที่บูธ ซีแพค กรีน โซลูชัน เสา L31 เวลา 10.00 - 20.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี วันอังคารที่ 25 – วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายนนี้

ซีแพค กรีน โซลูชัน นำทัพนวัตกรรมการออกแบบในงาน สถาปนิก 66

“คอตโต้” ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์แบรนด์กระเบื้อง สุขภัณฑ์ และก๊อกน้ำระดับโลก ด้วยการเชิญชวนสถาปนิก นักออกแบบ และผู้สนใจ ร่วมสัมผัสความหลากหลายของผลิตภัณฑ์คอตโต้ได้ที่บูธคอตโต้ในงานสถาปนิก 2023 พบกับหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอภายใต้ธีม “MEFlection” ที่ชวนขบคิดให้เห็นการสะท้อนความแตกต่างอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ สร้างการรับรู้ของแบรนด์คอตโต้ในมุม conceptual art ถ่ายทอดภาพจำของผลิตภัณฑ์กระเบื้อง สุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำ ในรูปแบบของงานศิลป์ โดยจัดแบ่งการนำเสนองานเป็นโซนต่าง ๆ<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230419/content/gmgc42l2-20230419115827.jpg" style="width: 100%;" alt="คอตโต้ จับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ โชว์ในงานสถาปนิก 2023" width="" height="" title="คอตโต้ จับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ โชว์ในงานสถาปนิก 2023" class="" role=""> 
ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธ COTTO ได้ในงานสถาปนิก 2023 ระหว่างวันที่ 25-30 เมษายน 2566 นี้ ที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ <a href="https://www.cotto.com/" target="_blank">cotto.com</a> / Facebook Youtube Instagram Line official: cottoofficial

คอตโต้ เตรียมโชว์ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในงานสถาปนิก 2023

บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หรือ SC จัดแคมเปญพิเศษ “คุ้มมากก ค่ะซิส!!” เอาใจคนอยากมีบ้าน ยกขบวน บ้าน ทาวน์โฮม และ คอนโดมิเนียม 27 โครงการ* บนทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ ที่ร่วมรายการ มอบดอกเบี้ยพิเศษ 0.9% นาน 2 ปี* พร้อมผ่อนต่ำ ล้านละ 2,000 บาท นานถึง 24 เดือน* เริ่ม 2.39 – 70 ล้านบาท วันนี้ – 31 พ.ค. นี้ เท่านั้น* อย่าช้า... สำหรับท่านที่สนใจ
สามารถนัดหมายเข้าเยี่ยมชมโครงการได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น. ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ : <a href="https://m.scasset.com/D2B4" target="_blank">https://m.scasset.com/D2B4</a> หรือ โทร 1749<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230419/content/0hqhrsco-20230419115320.jpg" style="width: 100%;" alt="คุ้มมากก ค่ะซิส" width="" height="" title="คุ้มมากก ค่ะซิส" class="" role=""> *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

SC Asset ปล่อยแคมเปญพิเศษ คุ้มมากก ค่ะซิส วันนี้ – 31 พ.ค. นี้

ข่าว

อยากมีบ้านในฝัน แต่บ้านมือหนึ่งในทำเลที่ถูกใจหายากหรือเกินกำลังไป บ้านมือสอง น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ได้ดี ใครที่เล็งบ้านมือสองเพื่ออยู่อาศัยหรือลงทุนกันไว้ แต่ไม่มั่นใจว่าจะกู้ได้เท่าไร เพราะมาตรการ LTV ในปีนี้ ไม่ได้ผ่อนคลายอีกต่อไปแล้ว วันนี้เรามาอัปเดตสินเชื่อบ้านมือสอง ปี 2566 กันครับว่า แต่ละธนาคารมีโปรสินเชื่อบ้าน และให้วงเงินสินเชื่อกันเท่าไรบ้าง<h2>1. สินเชื่อบ้านมือสองธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)</h2>สินเชื่อบ้าน All Home ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ สินเชื่อนี้สามารถซื้อได้ทั้งบ้านใหม่ บ้านมือสอง หรือทรัพย์ NPA ของ ธอส. สามารถผ่อนได้นานตั้งแต่ 3 ปี 6 เดือน ถึง 40 ปี โดยอายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาที่ขอกู้จะต้องไม่เกิน 70 ปี ในส่วนของวงเงินนั้นเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนดสำหรับอัตราดอกเบี้ย หากเป็นลูกค้าสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 = MRR - 2.50% ต่อปี, อัตราดอกเบี้ยปีที่ 2 = MRR - 1.90% ต่อปี, อัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 = MRR - 1.60% ต่อปี แต่หากเป็นกลุ่มลูกค้ารายย่อย (Self Welfare) อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 = MRR - 2.40% ต่อปี, อัตราดอกเบี้ยปีที่ 2 = MRR - 1.80% ต่อปี, อัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 = MRR - 1.50% ต่อปี&nbsp;ถ้าใครสนใจสามารถยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 พฤษภาคม 2566 โดยสามารถดูรายละเอียดของสินเชื่อตัวนี้ได้ที่ &gt;&gt; https://www.ghbank.co.th/product-detail/all-home-2566-q1q2<span style="font-size: 2rem; font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;;">2. สินเชื่อบ้านมือสองธนาคารกรุงศรีอยุธยาสินเชื่อบ้านมือสองของธนาคารกรุงศรีอยุธยามีจุดเด่นอยู่ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็ว ได้วงเงินกู้สูงสุดถึง 90% ของราคาประเมิน แถมยังผ่อนชำระนานได้นานสูงสุดถึง 30 ปี&nbsp;สำหรับอัตราดอกเบี้ยหากซื้อบ้านตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 5 ล้านบาท จะได้อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 แรกจะอยู่ที่ MRR-2.125% ต่อปี แต่ถ้าวงเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป จะได้อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 จะอยู่ที่ MRR-2.375% ต่อปี&nbsp;หากสนใจจะต้องรีบสมัครยื่นกู้ภายใน 31 เมษายน 2566 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่&gt;&gt; https://www.krungsri.com/th/personal/loans/home-loans/homeloan#section4<h2>3. สินเชื่อบ้านมือสองธนาคารกสิกรไทย</h2>สินเชื่อบ้านมือสองของธนาคารกสิกรไทย ขึ้นชื่อเรื่องอนุมัติไว เบื้องต้นเพียง 3 วันทำการเท่านั้น แถมเงินเดือน 15,000 บาทก็กู้ขอซื้อบ้านได้ โดยให้วงเงินสูงสุด 90% ของมูลค่าหลักประกัน ให้ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 30 ปี&nbsp;สำหรับอัตราดอกเบี้ย หากมีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 30,000 - 50,000 บาทขึ้นไป จะได้รับดอกเบี้ยพิเศษสุดปีที่ 1-3 จะอยู่ที่ MRR +0.93% ต่อปีเท่านั้น และถ้ามีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป จะได้รับดอกเบี้ยพิเศษสุดปีที่ 1-3 จะอยู่ที่ MRR -0.07% ต่อปีหากสนใจจะต้องยื่นกู้สินเชื่อบ้านวันนี้ - 31 มีนาคม 2566 และจดจำนองภายใน 28 เมษายน 2566 เท่านั้นนะครับ หากสนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่&gt;&gt; https://www.kasikornbank.com/th/personal/loan/homeloan/pages/home.aspx<h2>4. สินเชื่อบ้านมือสองธนาคารยูโอบี (UOB)</h2>สินเชื่อบ้านมือสองของธนาคารยูโอบี(UOB) สินเชื่อบ้านที่ให้วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมิน แถมยังผ่อนยาวๆ ได้นานถึง 30 ปีสำหรับดอกเบี้ยบ้าน หากวงเงินกู้ขั้นต่ำ 500,000 - 50,000,000 บาท พร้อมทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA) อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 จะอยู่ที่ MRR-3.80% ต่อปี แต่หากไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA) อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 จะอยู่ที่ MRR-3.60% ต่อปี&nbsp;ถ้าสนใจสมัครใช้บริการได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2566 และจดจำนองภายใน 28 เมษายน 2566 เท่านั้น สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่&gt;&gt; https://www.uob.co.th/homeloan/products/home-loan/index.page<h2>5. สินเชื่อบ้านมือสองธนาคารกรุงไทย</h2>สินเชื่อบ้านมือสองของธนาคารกรุงไทย มาพร้อมโปรดอกเบี้ยคงที่ 0.57% ต่อปี นาน 3 เดือน ผ่อนได้นานสูงสุดถึง 40 ปี วงเงินกู้บ้านก็ให้สูงสุดถึง 100%&nbsp;ซึ่งหากทำประกัน MRTA&nbsp;อัตราดอกเบี้ยเดือน 1-3 = 0.57% ต่อปี และเดือน 4-12 = MRR - 3.00% ต่อปี, อัตราดอกเบี้ยปีที่ 2-3 = MRR - 3.00% ต่อปี แต่หากไม่ทำประกัน MRTA&nbsp;อัตราดอกเบี้ยเดือน 1-3 = 0.57% ต่อปี และเดือน 4-12 = MRR - 2.90% ต่อปี, อัตราดอกเบี้ยปีที่ 2-3 = MRR - 2.90% ต่อปี&nbsp;ใครสนใจจะต้องสมัครใช้บริการยื่นสมัครสินเชื่อภายใน 30 มิถุนายน&nbsp;2566 และทำนิติกรรมจำนองภายใน 30 วันเท่านั้น โดยดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ &gt;&gt; https://krungthai.com/th/personal/loan/housing-loan/16<h2>6. สินเชื่อบ้านมือสองธนาคารกรุงเทพ</h2>สินเชื่อบ้านบัวหลวง จากธนาคารกรุงเทพให้วงเงินกู้สูงสุดถึง 100% ของมูลค่าหลักประกัน โดยสามารถผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี แต่หากเป็นพนักงานประจำจะผ่อนได้สูงสุด 35 ปี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรวมอายุผู้กู้สูงสุดจะต้องไม่เกิน 65 ปีในส่วนของดอกเบี้ยนั้น สำหรับคนที่มีรายได้ประจำ หากวงเงิน 1 ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท จะมีอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 = MRR-2.95% ต่อปี และปีที่ 2-3 = MRR-1.00% ต่อปี หรือจะเลือกแบบ 3 ปีแรก = MRR-1.75% ต่อปีก็ได้ครับ แต่หากวงเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป จะมีอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 = MRR-2.95%% ต่อปี และปีที่ 2-3 = MRR-1.50% ต่อปี หรือจะเลือกแบบ 3 ปีแรก = MRR-1.875% ต่อปีก็ได้&nbsp;สนใจสินเชื่อตัวนี้สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ &gt;&gt; <a href="https://www.bangkokbank.com/th-TH/Personal/My-Home/Home-Loan/Loans-for-General-Customers" target="_blank">https://www.bangkokbank.com/th-TH/Personal/My-Home/Home-Loan/Loans-for-General-Customers</a><h2>7. สินเชื่อบ้านมือสองธนาคารออมสิน</h2>สินเชื่อเคหะ สินเชื่อบ้านของธนาคารออมสิน ให้วงเงินกู้รวมกันสูงสุดไม่เกิน 110% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมินหลักทรัพย์แล้วแต่ราคาใดที่ต่ำกว่า แถมยังผ่อนได้นานสูงสุด 40 ปี เมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี สำหรับอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด&nbsp;<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">หากสนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ &gt;&gt; <a href="https://loanreg.gsb.or.th/Page/ProductGeneric/LoanRegisterHousing.aspx" target="_blank">https://loanreg.gsb.or.th/Page/ProductGeneric/LoanRegisterHousing.aspx</a><h2>8. สินเชื่อบ้านมือสองธนาคารทีทีบี</h2>สินเชื่อบ้านมือสองจากธนาคารทีทีบี ให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ดอกเบี้ยพิเศษเฉลี่ย 3 ปีแรก เริ่มต้น 3.25% ต่อปี พร้อมระยะเวลาผ่อนก็ให้ผ่อนนานสูงสุดถึง 35 ปี ทั้งนี้เมื่อรวมกับอายุผู้กู้แล้วไม่เกิน 65 ปี&nbsp;ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยนั้นหากสมัครพร้อมผลิตภัณฑ์ที่ธนาคารกำหนดจะได้รับอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 = MRR -3.33% ต่อปี ถ้าไม่สมัครผลิตภัณฑ์ที่ธนาคารกำหนดจะได้รับดอกเบี้ยปีที่ 1-3 = MRR -2.43% ต่อปี หากสนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ &gt;&gt;&nbsp;<a href="https://www.ttbbank.com/th/personal/loans/home-loan/home-loan" target="_blank">https://www.ttbbank.com/th/personal/loans/home-loan/home-loan</a>เป็นอย่างไรบ้างครับ มีสินเชื่อบ้านมือสองของธนาคารใดถูกใจกันบ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนตัดสินใจยื่นกู้อย่าลืมศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเลือกนะครับ จะได้ยื่นขอสินเชื่อบ้านที่ตอบโจทย์เราที่สุด<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230317/content/r1l6nlbf-20230317040727.jpg" style="width: 100%;" alt="สินเชื่อบ้านมือสอง ปี 2566" width="" height="" title="สินเชื่อบ้านมือสอง ปี 2566" class="" role="">

อัปเดตสินเชื่อบ้านมือสอง 2566 ธนาคารไหนดีที่สุด

เป็นนายหน้า ทำงานคนเดียวได้จริงหรือไม่ จะต้องจัดการข้อมูลทรัพย์ไปพร้อมกับดูแลลูกค้าอย่างไร โดยที่ใช้ทีมงานอย่างจำกัด แต่ได้ประสิทธิภาพสูงเมื่อ 3 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา Baania ได้จัด Open class by Baania คลาสออนไลน์ฟรี สำหรับนายหน้าอสังหาฯ ในหัวข้อ “ใช้ Tech เป็นเลขาส่วนตัวช่วยให้คุณเป็นนายหน้ามืออาชีพ” ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี ใครที่พลาดคลาสออนไลน์ในวันนั้น วันนี้ Baania ได้สรุปเนื้อหาสำคัญจากคลาสมาให้เรียบร้อยแล้วครับ<h2>7 เทคนิคประกาศขายทรัพย์บนโลกออนไลน์ให้ปิดการขายเร็ว</h2>การประกาศขายทรัพย์ในยุคใหม่ ขายทางช่องทางออนไลน์อย่างติดป้ายหน้าบ้านหรือตามเสาไฟฟ้าอย่างเดียวคงไม่ได้ แต่จะต้องทำออนไลน์ควบคู่ไปด้วย Baania มี 7 เทคนิคประกาศขายทรัพย์บนโลกออนไลน์ให้ปิดการขายเร็วมาแนะนำ<h4>1. เลือกเว็บไซต์ในการประกาศขายที่เหมาะสม</h4> เข้า www.google.com แล้วค้นหาเว็บไซต์ลงประกาศขายบ้านที่ตอบโจทย์เรา โดยสามารถลงประกาศได้ทุกเว็บไซต์หรือเลือกตามที่เหมาะสมได้ ทั้งนี้การประกาศขายทรัพย์ในแต่ละเว็บไซต์จะมีค่าใช้จ่ายและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ดังนั้นต้องศึกษาให้ดีก่อนลงประกาศนะครับ อย่างเว็บไซต์ <a href="https://www.baania.com/" target="_blank">baania.com</a> สามารถลงประกาศได้ฟรี ไม่จำกัดทรัพย์ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์พิเศษที่ตอบโจทย์นายหน้าโดยเฉพาะด้วย<h4>2. ระบุรายละเอียดทรัพย์</h4>รายละเอียดทรัพย์ คือสิ่งสำคัญที่นายหน้านักขายต้องใส่ใจ สำหรับการลงข้อมูลในประกาศขายบ้านนั้นจะต้องให้ข้อมูลที่สำคัญ ได้แก่ เนื้อที่ พื้นที่ใช้สอย จำนวนห้องต่าง ๆ จำนวนที่จอดรถ ตำแหน่งบ้าน การตกแต่ง ราคาขาย ค่าโอนกรรมสิทธิ์ จุดเด่น ทำเล สถานที่ใกล้เคียง สิ่งอำนวยความสะดวก และที่สำคัญช่องทางติดต่อกลับหากสนใจ<h4>3. ใช้คีย์เวิร์ดที่ค้นหาเจอง่าย</h4>การตั้งชื่อประกาศขาย จะต้องตั้งโดยใช้คีย์เวิร์ดที่ค้นหาเจอง่าย เน้นใช้คำที่คนนิยมค้นหา จากข้อมูลด้าน Search engine optimization (SEO) ที่ทาง Baania ได้สรุปข้อมูลมา พบว่า การใช้ประเภทอสังหาริมทรัพย์ตามด้วยทำเลจะทำให้เห็นคนค้นหาได้ง่าย เช่น บ้านเดี่ยวบางนา, บ้านเดี่ยว2ชั้น นนทบุรี, บ้านมือสองปทุม เป็นต้น<h4>4. ใช้รูปภาพสวยๆ ในการประกาศขาย</h4>อีกกุญแจสำคัญในการลงประกาศขายคือภาพทรัพย์ที่สวยงาม เห็นรายละเอียดครบถ้วน ดังนั้นก่อนที่จะถ่ายภาพทรัพย์เพื่อลงประกาศขาย ควรจะทำความสะอาดบ้าน ตกแต่งบ้าน หรือจัดมุมต่างๆ ให้สวยงาม ทั้งภายในและภายนอก โดยภาพภายนอกแนะนำให้ถ่ายภาพในวันที่แดดจัด เพื่อความสวยงาม เห็นชัดทุกรายละเอียดของบ้านทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน และบริเวณบ้าน สำหรับภายในบ้านต้องถ่ายให้เห็นชัดทุกมุม ทุกห้อง รวมถึงวิวที่มองจากไปบ้านไปข้างนอกด้วย นอกจากนี้ควรถ่ายภาพหน้าโครงการ สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ รวมถึงสถานที่สำคัญ ๆ รอบโครงการด้วย เพื่อให้คนที่เห็นประกาศรู้สึกว่าเหมือนไปดูบ้านของจริงมากที่สุด<h4>5. ตั้งราคาให้เหมาะสมและชัดเจน</h4>การตั้งราคาขายที่เหมาะสม จะต้องดูหลายองค์ประกอบ ทั้งทำเล รายละเอียดทรัพย์ การตกแต่ง ราคาประกาศโครงการใกล้เคียง ซึ่งสามารถดูราคาขายทรัพย์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเราจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ประมาณ 5 เว็บไซต์มาหาค่าเฉลี่ย แต่หากไม่มีเวลาหาราคาด้วยตนเอง แนะนำให้คลิก <a href="https://gobestimate.com/" target="_blank">www.gobestimate.com</a> เว็บไซต์ราคาประมาณบ้านฟรี ที่คำนวณราคาจากข้อมูลกว่าล้านประกาศบนโลกออนไลน์ <h4>6. หมั่นอัปเดตประกาศทุกวัน</h4>เมื่อลงประกาศแล้ว ควรจะหมั่นอัปเดตประกาศบ่อยๆ เพื่อให้คนที่ค้นเจอทรัพย์ของเราได้ง่ายขึ้น เพราะเมื่อมีการอัปเดตประกาศมักจะทำให้ประกาศของเราขึ้นมาอยู่บนสุด <h4>7. ทำตลาดด้วยโซเชียลมีเดีย</h4>นอกจากเว็บไซต์ที่ลงประกาศขายแล้ว ช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำควบคู่กันไป โดยแต่ละช่องทางต่างก็มีกลุ่มผู้บริโภคและรูปแบบการขายที่แตกต่างกัน เช่นFacebook Group: กลุ่มการสื่อสารเพื่อใช้พูดคุยในวงจำกัด ซึ่งเป็นช่องทางยอดฮิตที่นายหน้าหรือคนที่ต้องการขายบ้านนิยม เพียงแค่โพสต์รายละเอียดทรัพย์ รูปภาพ และช่องทางติดต่อก็เป็นอันเรียบร้อย แต่ช่องทางนี้มีคู่แข่งค่อนข้างสูง เนื่องจากทำได้ง่าย และอาจโดนโพสต์อื่นทับได้รวดเร็วFacebook Page: พื้นที่แห่งการขายทรัพย์ของเราโดยเฉพาะ เปรียบเสมือนหน้าร้านรวมสต็อกของตนเอง ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และจัดการเพจ รวมถึงทำโฆษณาได้ง่ายYoutube: เว็บไซต์รวมคลังวิดีโอขนาดใหญ่ ที่จะต้องนำเสนอทรัพย์หรือรีวิวทรัพย์ในรูปแบบวิดีโอ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ และให้ลูกค้าเข้าใจรายละเอียดของทรัพย์เสมือนไปดูด้วยตัวเองInstagram: ช่องทางนำเสนอรูปภาพและคลิปวิดีโอสั้น ๆ เน้นนำเสนอภาพสวย วิดีโอมุมดี ๆTiktok: ช่องทางวิดีโอและไลฟ์สดมาแรง ตัดต่อง่าย และมีเอฟเฟ็กต์ให้ใช้พร้อมสรรพ เหมาะกับการรีวิว แต่ควรจะเลือกติดแฮชแท็ก (#) และใช้แคปชันสั้น ๆLINE Official Account: บัญชีแบบทางการของ LINE สำหรับธุรกิจ ที่ช่วยในการเสนอขายและติดต่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย<h2>B-manager เครื่องมือสำหรับนายหน้ามืออาชีพ</h2>สำหรับนายหน้าที่ไม่มีทีมและไม่มีเวลาในการจัดการทรัพย์ และดูแลลูกค้าให้ทั่วถึงอย่างมีประสิทธิภาพ baania.com มี B-manager เครื่องมือสำหรับนายหน้ามืออาชีพ ที่จัดเต็มฟีเจอร์มากมายมาให้ใช้งานฟรี ไม่ว่าจะเป็น<h4>ข้อมูลเชิงลึกประกาศ  </h4>ตัวช่วยเก็บสถิติ ทั้งข้อมูลผู้เข้าชมประกาศ ข้อมูลรายทรัพย์ ข้อมูลจัดอันดับประกาศ ข้อมูลทำเลฮอต เป็นต้น เพื่อให้นายหน้านำไปวิเคราะห์ตลาด ปรับปรุงทรัพย์ และหาเทคนิคการขายให้สอดคล้องกับตลาด<h4>พูดคุย  </h4>ฟีเจอร์ติดต่อพูดคุยกับผู้ซื้อได้ง่าย รวดเร็ว และยังแจ้งเตือนผ่าน Line ของผู้ประกาศได้ด้วย<h4>รายชื่อผู้สนใจ </h4>ฟีเจอร์เลขาส่วนตัว ที่จะคอยบันทึกข้อมูลลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาทางเว็บไซต์ให้ โดยเมื่อมีผู้สนใจทรัพย์ติดต่อ พร้อมระบุช่วงเวลาที่ต้องการให้ผู้ขายติดต่อกลับ ผู้ขายจะสามารถเข้ามาตรวจสอบข้อมูลได้ในฟีเจอร์นี้ เพื่อไม่ให้พลาดทุกการติดต่อ<h4>จัดการหน้าแรก </h4>ฟีเจอร์หน้าร้านขายทรัพย์ทางช่องทางออนไลน์ ที่ทำให้นายหน้าสามารถตกแต่งหน้าร้าน บอกรายละเอียดของนายหน้า พร้อมปักหมุดทรัพย์ไฮไลต์ได้เพื่อดึงดูดความสนใจ และให้คนเข้ามาชมได้ง่ายขึ้นสำหรับนายหน้าท่านใดที่สนใจอย่างใช้งาน B-manager เครื่องมือสำหรับนายหน้ามืออาชีพนี้ สามารถสมัครใช้งานฟรี ได้ที่: <a href="https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSf3U09iyjTlibs_mO-6UsE7bWjs5RWPS08KKSBHYddk8o-qQg/viewform?bmanager" target="_blank">go.baania.com/833941ca/</a>

สรุป Open Class by Baania ใช้ Tech เป็นเลขาส่วนตัวช่วยให้คุณเป็นนายหน้ามืออาชีพ

สรุป Open Class by Baania ใช้ Tech เป็นเลขาส่วนตัว ช่วยให้คุณเป็นนายหน้ามืออาชีพ

ผ่อนบ้านมายาวนานถึง 3 ปี อย่าลืมรีไฟแนนซ์บ้าน เพราะเราควรรีไฟแนนซ์หรือรีเทนชั่นทุก 3 ปี เพื่อช่วยผ่อนภาระดอกเบี้ยบ้านให้กับเราได้เยอะมากๆ แต่จะเลือกรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารไหนดี Baania ได้อัปเดตสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ปี 2566 มาแนะนำกันครับ<h2>1. สินเชื่อรีไฟแนนซ์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)</h2>สินเชื่อโครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานสุข ปี 2566 เป็นสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านที่ให้วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 3,000,000 บาท ต่อรายต่อหลักประกัน ผ่อนเบาๆ ได้ยาวนานได้ถึง 40 ปี โดยอายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาที่ขอกู้จะต้องไม่เกิน 70 ปี&nbsp;สำหรับดอกเบี้ยปีแรกจะอยู่ที่ MRR-3.15% ต่อปี&nbsp; และปีที่ 2 =&nbsp;MRR-2.15% ต่อปี&nbsp;ส่วนปีที่ 3 =&nbsp;MRR-1.40% ต่อปี ซึ่งหากสนใจสามารถยื่นคำขอกู้ภายใน 30 ธันวาคม 2566 และทำนิติกรรมภายในวันที่ 31 มกราคม 2567&nbsp;ครับ โดยสามารถดูรายละเอียดของสินเชื่อตัวนี้ได้ที่ : https://www.ghbank.co.th/product-detail/loan-sansook-2566<h2>2. สินเชื่อรีไฟแนนซ์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา</h2>สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านของธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีจุดเด่นในเรื่องดอกเบี้ยต่ำ ได้วงเงินกู้สูงถึง 95% ของราคาประเมิน พร้อม ฟรี! ค่าประเมินหลักทรัพย์และค่าจดจำนอง และผ่อนได้ยาวถึง 30 ปีโดยอัตราดอกเบี้ยสำหรับวงเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่ ถึง 1.5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยปีแรกจะอยู่ที่ 2.75% ต่อปี, ปีที่ 2 จะอยู่ที่ 3.65% ต่อปี และ ปีที่ 3 จะอยู่ที่ MRR-1.65% ต่อปี หรือเฉลี่ย 3 ปี จะอยู่ที่ 3.85% แต่หากวงเงินกู้ตั้งแต่ 1.5 ล้านบาท ขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยปีแรกจะอยู่ที่ 2.00% ต่อปี, ปีที่ 2 จะอยู่ที่ MRR-1.95% ต่อปี และ ปีที่ 3 จะอยู่ที่ MRR-2.95% ต่อปี หรือเฉลี่ย 3 ปี จะอยู่ที่ 3.57% ใครที่สนใจจะต้องสมัครภายใน 30 เมษายน 2566 สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่&nbsp;<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">https://www.krungsri.com/th/personal/loans/home-loans/refinance<h2>3. สินเชื่อรีไฟแนนซ์ธนาคารกสิกรไทย</h2>สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารกสิกรไทย มีจุดเด่นที่กู้เพิ่มได้ ดอกเบี้ยต่ำ วงเงินสูง รู้ผลอนุมัติเร็ว แต่จะต้องมีรายได้สุทธิรวมตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ทั้งผู้กู้หลักและผู้ร่วม รวมถึงอายุงานไม่น้อยกว่า 6 เดือนและผ่านการทดลองงานแล้วสำหรับวงเงินสูงสุดนั้นให้ถึง 90% ของราคาประเมิน โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 6.50% ในส่วนระยะเวลาในการผ่อนนั้นมีเวลาให้ผ่อนยาวๆ 30 ปี แต่รวมระยะเวลาผู้กู้แล้วจะต้องไม่เกิน 70 ปี หากสนใจจะต้องสมัครและยื่นกู้ภายใน 31 มีนาคม 2566 ดูรายละเอียดกันได้ที่ https://www.kasikornbank.com/th/personal/Loan/HomeLoan/Pages/HomeLoanRefinance.aspx<h2>4. สินเชื่อรีไฟแนนซ์ธนาคารยูโอบี(UOB)</h2>สำหรับสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านของธนาคารยูโอบี(UOB) สินเชื่อรีไฟแนนซ์ที่ช่วยลดดอกเบี้ย ลดค่าผ่อน ลดภาระ กู้เพิ่มง่าย ใช้จ่ายตามต้องการ มาพร้อมวงเงินกู้อนุมัติวงเงินไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน และ 85-90% สำหรับต่างจังหวัด ในส่วนของระยะเวลาในการผ่อนสูงสุดถึง 30 ปี&nbsp;มาดูกันที่อัตราดอกเบี้ย หากทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA) อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 จะอยู่ที่ MRR-4.46% ต่อปี หรือเฉลี่ย 3 ปีแรก อยู่ที่ 3.69% ต่อปี แต่หากไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA) อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 จะอยู่ที่ MRR-4.36% ต่อปี หรือเฉลี่ย 3 ปีแรก อยู่ที่ 3.79% ต่อปี&nbsp;&nbsp;ซึ่งหากใครที่สนใจสมัครจะต้องใช้บริการภายใน 31 มีนาคม 2566 และจดจำนองภายใน 28 เมษายน 2566 สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.uob.co.th/personal/loans/housing/uob-refinance.page<h2>5. สินเชื่อรีไฟแนนซ์ธนาคารกรุงไทย</h2>สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านของธนาคารกรุงไทย ชูจุดเด่นเรื่องให้วงเงินกู้สูง พร้อมดอกเบี้ยคงที่ 0.66% ต่อปี นาน 3 เดือน แถมยังผ่อนต่ำเพียงล้านละ 3,500 บาท/เดือน นาน 3 เดือน และผ่อนนานสูงสุด 40 ปี โดยวงเงินกู้สูงสุดจะอยู่ที่ 110%สำหรับอัตราดอกเบี้ย หากทำประกันตามที่บริษัทกำหนด อัตราดอกเบี้ยเดือน 1-3 = 0.66% ต่อปี และเดือน 4-12 = MRR - 3.00% ต่อปี, ปีที่ 2-3 = MRR - 3.00% ต่อปี แต่หากไม่ทำประกัน อัตราดอกเบี้ยเดือน 1-3 = 0.66% ต่อปี และเดือน 4-12 = MRR - 2.90% ต่อปี, ปีที่ 2-3 = MRR - 2.90% ต่อปีหากสนใจสามารถสมัครยื่นสมัครสินเชื่อยื่นสมัครสินเชื่อ ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 และทำนิติกรรมจำนองภายใน 30 วัน ดูเพิ่มเติมที่ https://krungthai.com/th/personal/loan/housing-loan/392<h2>6. สินเชื่อรีไฟแนนซ์ธนาคารกรุงเทพ</h2>สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านของธนาคารกรุงเทพ มีจุดเด่นเรื่องให้วงเงินกู้สูงสุดถึง 100% ของภาระหนี้คงเหลือ พร้อมรับวงเงินสินเชื่ออเนกประสงค์เพิ่มเติมได้ทั้งในรูปแบบเงินกู้หรือแบบโอดี ไม่เพียงเท่านั้นยังผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี แต่ถ้าหากเป็นพนักงานประจำจะผ่อนสูงสุดได้ถึง 35 ปี แต่รวมอายุกับระยะเวลาผ่อนไม่เกิน 65 ปีมาดูกันที่ดอกเบี้ยสำหรับวงเงินอนุมัติตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป หากทำประกันตามที่ธนาคารกำหนดจะมีอัตราดอกเบี้ยปีแรกอยู่ที่ MRR-3.80% ต่อปี, ปีที่ 2 อยู่ที่ MRR-3.55% ต่อปี และปีที่ 3 จะอยู่ที่ MRR-1.75% ต่อปี โดยมีอัตราเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.62% - 3.70% ต่อปี แต่หากไม่ทำประกันจะมีอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-2 จะอยู่ที่ MRR-3.55% และปีที่ 3 จะอยู่ที่ MRR-1.75% ต่อปีหากสนใจจะต้องสมัครยื่นกู้ภายใน 31 มีนาคม 2566 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bangkokbank.com/th-TH/Personal/My-Home/Home-Loan/Loans-for-Refinancing<h2>7. สินเชื่อรีไฟแนนซ์ธนาคารออมสิน</h2>สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านของธนาคารออมสิน มาพร้อมลักษณะเด่นที่ได้วงเงินกู้รวมสูงสุด 110% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ ซึ่งหากวงเงินเหลือ สามารถกู้เพิ่มเติมอุปโภคบริโภคได้สูงสุดถึง 5 ล้านบาท ที่สำคัญยังผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี นับตั้งแต่เดือนที่ต้องชำระเงินกู้และดอกเบี้ยงวดแรกตามที่กำหนดในสัญญา และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี สำหรับอัตราดอกเบี้ยจะต้องเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนดนะครับ ใครที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่&nbsp;https://loanreg.gsb.or.th/Page/ProductGeneric/LoanRegisterRefinance.aspx<h2>8. สินเชื่อรีไฟแนนซ์ธนาคารไทยพาณิชย์</h2>สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารไทยพาณิชย์ สินเชื่อที่ช่วยให้เราจ่ายผ่อนเท่าเดิม กู้เพิ่มได้ ชีวิตเบาขึ้น โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมินหลักประกัน* และผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี โดยรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี หากมีผู้กู้ร่วมจะคำนวณระยะเวลาการผ่อนชำระของผู้กู้ที่มีอายุน้อยที่สุด ในส่วนของดอกเบี้ยนั้นจะเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด ซึ่งหากใครสนใจสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/home-loans/refinance-loan.html<h1>9. สินเชื่อรีไฟแนนซ์ธนาคารทีทีบี</h1>สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านของทีทีบี มาพร้อมดอกเบี้ยพิเศษ เฉลี่ย 3 ปีแรก เริ่มต้น 3.15% ต่อปี จัดเต็มเรื่องความฟรี ทั้งค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย, ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์, ค่าจดทะเบียนจำนอง ให้วงเงินอนุมัติสูงสุดถึง 50 ล้านบาท และขอวงเงินกู้เพิ่มได้ สำหรับวงเงินกู้จะอยู่ที่วงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 50,000,000 บาท หรือ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินธนาคาร แล้วแต่ราคาใดต่ำกว่า พร้อมให้ระยะเวลาในการผ่อนชำระได้นานสูงสุด 35 ปีในส่วนอัตราดอกเบี้ยนั้น ในกรณีที่ทำประกันตามที่ธนาคารที่กำหนด อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 จะอยู่ที่ MRR-3.83% ต่อปี เทียบเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกจะอยู่ที่ 3.25% ต่อปี แต่หากไม่ทำประกันตามที่ธนาคารที่กำหนด อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 จะอยู่ที่ MRR-2.83% ต่อปี เทียบเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกจะอยู่ที่ 4.25% ต่อปีหากสนใจสามารถสมัครยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันนี้ 31 ธันวาคม 2566 และจดจำนองภายใน 31 มกราคม 2567 เท่านั้น โดยดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.ttbbank.com/th/personal/loans/home-loan/home-loan-refinanceเจอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารไหนถูกใจกันบ้างไหมครับ ถ้าเจอธนาคารที่ใช้ อย่าลืมคลิกลิงก์หรือติดต่อธนาคารเพื่อสอบถามเพิ่มเติมด้วยนะครับ<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230213/content/laq8pqqb-20230213043326.jpg" style="width: 100%;" alt="สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน 2566" width="" height="" title="สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน 2566" class="" role="">

อัปเดตดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ปี 2566  ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา

อัตราดอกเบี้ยบ้านใหม่ 2566 ขอสินเชื่อบ้านที่ไหนดี

การลงทุนและกฎหมาย

สิทธิเก็บกิน คืออะไร

การซื้อหรือขายห้องชุด หรือคอนโดมิเนียม ต้องมีความละเอียดรอบคอบ ระมัดระวัง โดยเราต้องคำนึงถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ประกอบด้วยว่ามีอะไรบ้าง เช่น ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย ค่าโอนกรรมสิทธิ์ หากซื้อคอนโดมือสองจะต้องเพิ่มรายละเอียด เรื่องสภาพห้องเข้าไปด้วยว่าเป็นอย่างไร ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ด้วยหรือไม่ หรือหากเป็นคอนโดใหม่ที่มีการลดราคา ก็ต้องดูว่ามีของแถม หรือมีโปรโมชั่นอะไรให้บ้างหรือไม่ และที่สำคัญที่สุดก็คือ จะต้องมีการทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด หรือสัญญาซื้อขาย ที่ควรร่างให้มีเนื้อหาครอบคลุมและเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้ซื้อและผู้ขาย
สัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด หรือสัญญาซื้อขายห้องชุด คืออะไร
ข้อแตกต่างที่แทบจะเรียกได้ว่าไม่แตกต่างกันเลย ระหว่างสัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขาย ก็คือหากยังไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน จะเรียกว่าสัญญาจะซื้อจะขาย โดยนิยามคู่สัญญาก็จะเป็น ผู้จะซื้อ และผู้จะขาย และจะเปลี่ยนเป็นสัญญาซื้อขายหลังจากที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ และจัดทำสัญญาตามขั้นตอนของสำนักงานที่ดินเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แล้วเท่านั้น ซึ่งก็จะเปลี่ยนสถานะเป็นสัญญาซื้อขาย และนิยามของคู่สัญญาก็จะเปลี่ยนเป็น ผู้ซื้อและผู้ขาย โดยสาระสำคัญในสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดนั้น มีรายละเอียดที่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อคอนโดใหม่หรือซื้อคอนโดมือสอง คือ
<h2>1. รายละเอียดเกี่ยวกับคอนโดและคู่สัญญา</h2>
ต้องระบุข้อมูลคอนโดโดยละเอียด ทั้งขนาดพื้นที่ โฉนด และหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด หรือที่เรียกอีกอย่างว่า อช. 2 พร้อมทั้งแนบสำเนาโฉนด หรือ อช.2 ไปพร้อมกับสัญญาจะซื้อจะขายด้วย สำหรับข้อมูลของคู่สัญญาก็ต้องระบุรายละเอียดของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เช่น - บุคคลธรรมดา ให้ระบุชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน - นิติบุคคล ให้ระบุเลขทะเบียนนิติบุคคล และที่ตั้งกิจการที่สามารถติดต่อได้
ในกรณีที่ผู้จะซื้อหรือผู้จะขายไม่สามารถไปโอนกรรมสิทธิ์ได้ด้วยตนเอง หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จำเป็นต้องมีตัวแทนไปรับมอบโอนกรรมสิทธิ์ จะต้องแจ้งล่วงหน้าระหว่างกัน เป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 15 วัน พร้อมจัดเตรียมหนังสือมอบอำนาจ และเอกสารประกอบให้ครบถ้วน สำหรับมอบให้ตัวแทนทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ สำหรับในกรณีที่เป็นนิติบุคคล ก็จะเป็นการส่งตัวแทนดำเนินการอยู่แล้ว
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1610423709209-รายละเอียด.jpg" alt=" รายละเอียด" width="1020" height="765" /></h2>
<h2>2. การชำระเงินและค่าใช้จ่าย</h2>
จะต้องระบุทุกค่าใช้จ่ายลงไปในสัญญาจะซื้อจะขายด้วย ตั้งแต่ราคาที่ตั้งขาย ราคาเต็ม ค่าจอง ค่าทำสัญญา กรณีมีเงินดาวน์ก็ให้ระบุไปด้วย แต่ไม่ต้องระบุค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่นอกเหนือลงไป อย่างค่าส่วนกลาง หรือเงินเก็บเพิ่มเติมเป็นกองทุนโครงการ ตัวอย่าง เช่น หากเราซื้อคอนโดราคา 5,000,000 บาท เงินจอง 50,000 บาท ค่าทำสัญญา 50,000 บาท เงินดาวน์ 10% คือ 500,000 บาท ก็นำค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปหักออกจาก 5 ล้านบาท ก็จะคงเหลือส่วนต่างที่จะต้องชำระในวันโอน และเป็นจำนวนเงินที่จะต้องระบุในสัญญา คือ 5,000,000 - 50,000 - 500,000 บาท จะคงเหลือราคาในวันโอนคือ 4,450,000 บาท
ทั้งนี้ ต้องระบุค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์ 2% โดยคิดจากราคาเต็ม ค่าบำรุงส่วนกลาง หรือเงินกองทุนส่วนกลางคอนโด (ถ้ามี) ลงไปในสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด รวมทั้งระบุให้ชัดเจนว่าผู้จะซื้อหรือผู้จะขาย เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ยกเว้นกรณีผู้จะซื้อกู้สินเชื่อจากธนาคาร ไม่จำเป็นต้องระบุในสัญญาจะซื้อจะขาย
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1610423624843-ค่าใช้จ่าย.jpg" alt="ค่าใช้จ่าย" width="1020" height="765" /></h2>
<h2>3. เงื่อนไขในการซื้อขาย</h2>
หากซื้อขายห้องชุดที่โครงการเปิดขายเป็นรอบพิเศษ ซึ่งยังต้องรอการอนุมัติ EIA หรือ Environmental Impact Assessment Report โดยโครงการนั้น ๆ ยังรอการตรวจสอบเรื่องผลกระทบกับชีวิต และสภาพแวดล้อมรอบ ๆ บริเวณโครงการ ก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่า มีการระบุในสัญญาจะซื้อจะขายด้วยหรือไม่ ในเรื่องของการรับผิดชอบการเปลี่ยนแปลงรูปแบบโครงการ รูปแบบและขนาดห้อง คุณภาพวัสดุ ซึ่งข้อมูลนี้จะส่งผลต่อเรื่องการผิดสัญญาได้ และยังต้องตรวจสอบของแถมต่าง ๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ขนาด จำนวน กำหนดส่งมอบตอนไหน การติดตั้งเป็นอย่างไร ซึ่งควรจัดทำเป็นรายละเอียดแนบท้ายสัญญาจะซื้อจะขายไว้ด้วย หรือหากเป็นการซื้อขายคอนโดมือสอง ก็ให้ระบุรายละเอียดต่าง ๆ ลงไปด้วย เช่น สภาพปัจจุบันของห้องเป็นอย่างไร มีการตกแต่งก่อนส่งมอบหรือไม่ ใครรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนั้น ๆ หรือมีทรัพย์สิน หรือเฟอร์นิเจอร์ใด ๆ ที่มาพร้อมการขายห้องด้วยหรือไม่
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1610423654498-เงื่อนไขในการซื้อขาย.jpg" alt=" เงื่อนไขในการซื้อขาย" width="1020" height="765" /></h2>
<h2>4. การรักษาสิทธิ์ และการบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายคอนโด</h2>
จะเกิดขึ้นได้จากกรณีที่ผู้จะซื้อกู้สินเชื่อไม่ผ่าน หรือไม่สามารถทำการโอนกรรมสิทธิ์จากสำนักงานที่ดินได้ ทำให้อยากขอยกเลิกสัญญา และต้องการขอเงินคืน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต้องระบุไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายด้วย กรณีของฝ่ายผู้จะซื้อ เช่น ในสัญญาได้ระบุไว้ว่า หากผู้จะซื้อได้รับหนังสือปฏิเสธการให้สินเชื่อจากธนาคาร จำนวนกี่แห่ง หรืออื่น ๆ ตามที่ได้ระบุไว้ ฯลฯ
กรณีของผู้จะขายผิด เช่น กรณีโครงการไม่ผ่านการตรวจ EIA รูปแบบห้องไม่ตรงตามที่กำหนดไว้ มีการลดคุณภาพของวัสดุก่อสร้าง ไม่ตรงตามที่ระบุกันไว้ ฯลฯ
ในกรณีแบบนี้ส่วนใหญ่แล้ว หากผู้จะซื้อผิดสัญญา โดยเกิดเปลี่ยนใจจะไม่ซื้อ โดยไม่มีเงื่อนไขในสัญญาประกอบ ผู้จะขายหรือโครงการจะไม่คืนเงิน
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1610423640742-การรักษาสิทธิ์.jpg" alt="การรักษาสิทธิ์" width="1020" height="765" /></h2>
<h2>5. ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์</h2>
เป็นการตกลงระหว่างผู้จะซื้อและผู้จะขาย ในการลงนามร่วมกัน ในการยินยอมและเห็นพ้องต้องกันในเรื่องกำหนดการ วันที่ ที่จะโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดิน เช่น ทำสัญญาจะซื้อจะขายเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 และโอนกรรมสิทธิ์ไม่เกิน 30 วัน คือภายในวันที่ 16 กันยายน 2563 ในกรณีที่ผู้จะซื้อเป็นชาวต่างชาติ ให้จัดทำสัญญาจะซื้อจะขายเป็นภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เพิ่มอีก 1 ภาษาด้วย นอกจากนั้น ผู้จะซื้อและผู้จะขายควรจะต้องเซ็นกำกับ ในสัญญาจะซื้อจะขายทุกหน้า และหากในกรณีที่ซื้อขายผ่านนายหน้า ก็ให้นายหน้าเซ็นกำกับไว้ด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นข้อตกลงในสัญญาของผู้จะซื้อจะขาย และพยาน
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1610423669404-การโอนกรรมสิทธิ์.jpg" alt="การโอนกรรมสิทธิ์" width="1020" height="765" /></h2>
<h2>6. เอกสารสำคัญที่ต้องใช้แนบท้ายสัญญา</h2>
จะเป็นรายละเอียดที่ไม่สามารถระบุลงในสัญญาจะซื้อจะขายได้ครบถ้วน เช่น สำเนาบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง หรือสำเนาจดทะเบียนนิติบุคคล สำเนาหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อช.2) หรือโฉนด สำเนาใบเสร็จรับเงินการชำระเงินจอง เงินดาวน์ รายการสิ่งของต่าง ๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสิ่งของอื่น ๆ ที่จะขายพร้อมคอนโด
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1610423684948-เอกสารใช้แนบท้ายสัญญา.jpg" alt="เอกสารใช้แนบท้ายสัญญา" width="1020" height="765" />
สัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด หรือคอนโดมิเนียมนั้น จัดทำขึ้นเพื่อแสดงเจตนา ในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้เกิดผลบังคับใช้ในทางกฎหมาย ในการซื้อขายห้องชุดอย่างถูกต้อง รายละเอียดต่าง ๆ ที่ควรระบุไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายนั้นเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อรักษาและปกป้องผลประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขาย เพื่อไม่ให้เกิดความไม่เป็นธรรม และกลายเป็นกรณีพิพาทในภายหลังได้นั่นเอง

รู้จักกับสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดจำเป็นต้องมีหรือไม่

สัญญาซื้อขายที่ดินไม่มีโฉนด กับเรื่องที่ควรรู้ก่อนซื้อขายที่ดิน

ที่ดินเป็นทรัพย์สินที่ใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ นอกจากจะมีมูลค่าสูง เป็นการสร้างความมั่นคงให้ชีวิตแล้ว ยังเป็นเครื่องแสดงฐานะของคนในสังคมอีกด้วย การทำงานหนักเพื่อเก็บออมเงินไว้ซื้อที่ดินสักแปลงเป็นเรื่องใหญ่ของคนโดยทั่วไป เมื่อตัดสินใจซื้อที่ดิน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อน ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการซื้อขาย การโอน และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ที่ผ่านมีหลายกรณีที่เกิดข้อพิพาทถกเถียง หรือถึงขั้นฟ้องร้องกันถึงโรงถึงศาล หากไม่อยากให้เกิดปัญหา ควรต้องรู้ก่อนว่า ค่าโอนที่ดิน ใครจ่าย เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ก่อนซื้อที่ดิน&nbsp;
<h2>4 ประเภทหนังสือแสดงสิทธิ์ที่ดิน&nbsp;</h2>
ก่อนการตัดสินใจซื้อที่ดิน เราต้องรู้ก่อนว่าที่ดินที่เราสนใจอยากซื้อ หรือตัดสินใจซื้อ เป็นที่ดินประเภทไหน ทั้งนี้ เพราะเอกสารสิทธิ์ที่ดินมีหลายประเภท และบางประเภทอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง หากไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีก็จะทำให้เราเสียเปรียบ ถูกหลอก หรือแม้กระทั่งถูกโกงได้ และอีกประการหนึ่งก็คือป้องกันไม่ให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายเสียประโยชน์ โดยจะมีหนังสือแสดงสิทธิ์ที่ดิน 4 ประเภท คือ
<h3>1. โฉนดที่ดิน หรือ น.ส.4</h3>
เป็นเอกสารใช้แสดงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ที่สามารถซื้อ ขาย โอน จำนอง ค้ำประกันได้ตามกฎหมาย โดยขั้นตอนการโอนต้องยื่นคำร้องและจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดิน เพื่อให้ได้สิทธิ์การเป็นเจ้าของที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
<h3>2. ใบจอง หรือ น.ส.2</h3>
เป็นเอกสารสิทธิ์ที่ทางราชการออกให้ เพื่อครอบครองที่ดินเป็นการชั่วคราว สำหรับให้ประชาชนได้นำที่ดินไปใช้ประโยชน์ภายในเวลาที่กำหนด โดยผู้ที่ได้รับเอกสารสิทธิ์ดังกล่าว ต้องนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ตามที่ทางราชการกำหนดไว้ และหากภายในช่วงเวลานั้นไม่ได้ดำเนินการตามสิทธิ์ ทางราชการก็สามารถยกเลิกและตัดสิทธิ์ พร้อมกับนำไปมอบให้กับผู้อื่นได้
<h3>3. หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือ น.ส.3</h3>
เป็นเอกสารรับรองจากทางราชการว่าให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ โดยเมื่อได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินแล้ว ผู้ได้รับ น.ส.3 สามารถยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่ดินได้ ซึ่งก็เท่ากับว่าจะได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์หลังจากที่มีการออกโฉนดที่ดินแล้ว สามารถนำที่ดินไปซื้อ ขาย โอน และจำนองได้
<h3>4. ใบไต่สวน หรือ น.ส.5</h3>
เป็นเอกสารประกอบการสอบสวนเพื่อออกโฉนดที่ดิน ซึ่งหมายถึงการสำรวจรังวัดที่ดิน มีผู้ครอบครองที่ดินเป็นผู้ชี้แนวเขต โดยเจ้าหน้าที่ที่ดินจะสอบสวนรายละเอียดว่าใครเป็นเจ้าของ ได้ที่ดินมาอย่างไร เมื่อใด มีหลักฐานเอกสารหรือไม่ หากไม่มีผู้คัดค้าน เจ้าหน้าที่ที่ดินก็ใส่ชื่อผู้แสดงตนหรือผู้ครอบครองที่ดิน พร้อมกับบันทึกรายละเอียดลงในใบไต่สวน และนำไปใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการขอออกโฉนดที่ดินนั่นเอง
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597832451131-ขั้นตอนการซื้อที่ดิน.jpg" alt="ขั้นตอนการซื้อที่ดิน" /></h2>
<h2>ค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินคืออะไร</h2>
ค่าธรรมเนียมในการโอนที่ดิน เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในวันนัดหมายโอนกรรมสิทธิ์ ส่วนจะมีอะไรบ้าง จำนวนมากน้อยเท่าใด ก็ขึ้นอยู่กับขนาดที่ดิน และการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย จึงจำเป็นจะต้องตกลงกันให้ชัดเจนว่า ใครจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ส่วนไหนบ้าง เพราะค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นมีหลายประเภทด้วยกัน หากไม่ตกลงกันให้แน่นอนก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมา
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการโอนที่ดินจะมีหลายประเภท แตกต่างกันตามรูปแบบการโอน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
<h3>1. การโอนที่ดินเพื่อการซื้อขาย</h3>
จะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนอง ค่าอากรแสตมป์ ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
<h3>2. การโอนที่ดินเป็นมรดก&nbsp;</h3>
<ul>
<li>ผู้รับมรดกเป็นผู้สืบสันดาน เช่น บุตร หลาน เหลน คู่สมรส ค่าธรรมเนียมการโอน 0.5%</li>
<li>ผู้รับมรดกเป็นญาติพี่น้อง เช่น พี่ น้อง ลูกบุญธรรม จะมีค่าธรรมเนียมในการโอน 2% รวมถึงจะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก เช่น ค่าคำขอ ค่าประกาศมรดก ค่าจดทะเบียนผู้จัดการมรดก</li>
</ul>
<h3>3. การโอนที่ดินโดยยกให้ญาติพี่น้อง&nbsp;</h3>
<ul>
<li>โอนให้ลูกที่ชอบด้วยกฎหมาย จะมีค่าธรรมเนียม ค่าอากรแสตมป์ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจะได้รับการยกเว้นกรณีที่มูลค่าที่ดินไม่เกิน 20 ล้านบาท และหากเกินจะเสียภาษี 5% ของมูลค่าที่เกิน</li>
<li>โอนให้ลูกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หมายถึงพ่อแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส หรือไม่จดทะเบียนรับรองบุตร จะมีค่าธรรมเนียม ค่าอากรแสตมป์ หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมตามอัตราของกรมสรรพากร</li>
<li>โอนให้สามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรส จะมีค่าธรรมเนียม ค่าอากรแสตมป์ หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา</li>
<li>โอนให้ญาติพี่น้อง มีค่าธรรมเนียม ค่าอากรแสตมป์ หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา</li>
</ul>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597832474034-ค่าธรรมเนียม.jpg" alt="ค่าธรรมเนียม" width="1020" height="765" /></h2>
<h2>ค่าโอนที่ดิน ใครควรเป็นคนจ่าย</h2>
ในการตกลงซื้อขายที่ดิน มักจะมีคำถามที่จะต้องเกิดขึ้นทุกครั้งว่า ค่าโอนที่ดินใครควรเป็นคนจ่าย เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ประกอบการตัดสินใจ เพราะถือว่าเป็นต้นทุนราคาที่ดินด้วยนั่นเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วคำว่าค่าโอน ประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าโอน ค่าภาษี ค่าอากร ค่าธรรรมเนียม
ซึ่งในการซื้อขายที่ดินทั่วไปแล้ว ผู้ขายควรเป็นผู้ออกค่าโอน นอกจากค่าโอนยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าจดจำนอง ค่าภาษี ค่าธรรมเนียม ฯลฯ จะเป็นการตกลงกันเองว่าผู้ซื้อหรือผู้ขายจะเป็นคนรับผิดชอบ หรือจะแบ่งกันจ่ายคนละครึ่งก็ได้ ซึ่งที่สามารถทำเช่นนี้ได้ เนื่องจากไม่ได้กำหนดในกฎหมายว่าใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเหล่านี้ จึงทำให้อนุโลมได้ว่าผู้ซื้อและผู้ขายสามารถตกลงกันได้ จึงเท่ากับว่าก่อนการตัดสินใจก็ควรจะต้องทราบค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้ชัดเจนก่อน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหากันในภายหลัง
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597832495504-ใครควรเป็นคนจ่าย.jpg" alt="ใครควรเป็นคนจ่าย" width="1020" height="765" /></h2>
<h2>ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ในการซื้อที่ดินที่ควรรู้</h2>
ในการซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ณ วันนัดหมายการโอนที่สำนักงานที่ดิน ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องเตรียมงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เช่น ค่าอากร ค่าธรรมเนียม ค่าภาษีเงินได้ ค่าจดจำนอง ซึ่งต้องคำนวณเบื้องต้นก่อน เพื่อจะได้เตรียมเงินเป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ให้พอดี หรือสำรองไว้กรณีฉุกเฉิน โดยมีรายละเอียดดังนี้
<ul>
<li>ค่าธรรมเนียมในการโอน จะมีอัตรา 2% จากราคาประเมินหรือราคาขาย โดยราคาใดสูงกว่าก็เลือกราคาประเมินที่ราคาสูงกว่าในการนำมาคิดค่าธรรมเนียม</li>
<li>ภาษีธุรกิจเฉพาะ อัตรา 3.3% ของราคาซื้อขาย หากราคาต่ำกว่าราคาประเมินให้ใช้ราคาประเมินในการคำนวณ</li>
<li>ค่าอากรแสตมป์ อัตรา 0.5% ของราคาซื้อขาย กรณีที่จ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะตามข้อ 2 แล้ว ไม่ต้องจ่ายค่าอากรแสตมป์เพิ่ม</li>
<li>ภาษีรายได้บุคคลธรรมดา เป็นการคิดอัตราการจัดเก็บภาษีรายได้ตามที่กรมสรรพากรกำหนด</li>
<li>ค่าจดจำนอง กรณีที่ซื้อขายแล้วจำนองกับสถาบันการเงินต่าง ๆ อัตรา 1% ของมูลค่าจำนอง หรือมูลค่าวงเงินกู้</li>
<li>ค่าคำขอโอนที่ดิน</li>
<li>ค่าอากร</li>
<li>ค่าพยาน</li>
</ul>
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597832515133-ค่าธรรมเนียมอื่นๆ.jpg" alt="ค่าธรรมเนียมอื่นๆ" width="1020" height="765" />
การเป็นเจ้าของที่ดินสักแปลง นอกจากต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ รอบด้าน ก่อนตัดสินใจซื้อแล้ว ยังต้องรู้ถึงขั้นตอนว่า ค่าโอนที่ดิน ใครจ่าย เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ป้องกันปัญหาต้องเสียค่าโง่ เพื่อจะได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ มีโฉนดที่ดินเป็นทรัพย์สินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ค่าโอนที่ดิน ใครจ่าย เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ก่อนซื้อที่ดิน

สัญญาต่างๆ

รวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายบ้าน คอนโด และที่ดิน

ดาวน์โหลดได้ที่นี่&gt;&gt;

โฮมบายเออร์ไกด์ เชียงใหม่ ฉบับ กันยายน 2562

โฮมบายเออร์ไกด์ เชียงใหม่ ฉบับ สิงหาคม 2562

ดาวน์โหลดได้ที่นี่&gt;&gt;

&nbsp;

Guest

บทความทั้งหมด