“ณัฐเศรษฐี พิพัฒศุภมงคล” ในวิกฤตที่มีโอกาส

นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบันล้วนเคยผ่านประสบการณ์มานับครั้งไม่ถ้วน บางคนล้มลุกคลุกคลานกว่าจะยืนหยัดได้ เฉกเช่นผู้บริหารหนุ่มคนนี้ ณัฐเศรษฐี พิพัฒศุภมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีซีเอส เชียงใหม่ จำกัด ที่ผ่านอุปสรรคด้วยใจที่มุ่งมั่นและอดทนทำให้วันนี้เขาได้ก้าวสู่การเป็นผู้บริหารด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ดังตั้งใจ

พื้นเพคุณณัฐเศรษฐีเป็นคนเชียงใหม่จบมัธยมจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัยและศึกษาต่อที่คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ช่วงที่ศึกษาอยู่ในปีที่ 3 ได้ย้ายมาเรียนในสาขาวิชาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพราะเป็นสาขาวิชาเปิดใหม่ ประกอบกับความชื่นชอบและสนใจในสายงานนี้อยู่แล้ว จากนั้นประมาณปี 2549 ได้เปิดบริษัทพัฒนาธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์กับเพื่อนที่กรุงเทพฯ ในนามบริษัท บีซีเอส เชียงใหม่ จำกัด

ระหว่างที่เรียนและรับงานไปด้วยนั้นคุณแม่ของเกิดล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง เป็นเหตุให้ต้องหยุดเรียนเพื่อกลับมาดูแลแม่ที่เชียงใหม่เขาจึงนำต่อยอดธุรกิจ โดยรับซื้อขายที่ดิน, รับเหมาก่อสร้าง, รีโนเวทอาคาร และในปีถัดมาได้เปิดธุรกิจเต็นท์รถในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด เชียงใหม่ บอสคาร์ บริเวณสี่แยกปอยหลวง

ชีวิตที่ดูเหมือนจะดีขึ้นก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อสูญเสียคุณแม่อันและต้องรับภาระหนี้สินของทางบ้านด้วยประสบการณ์และความสามารถด้านดีเวลลอปเมนท์ที่มีอยู่จึงตัดสินใจกู้เงินมาซื้อที่ดินจากคุณป้ากระทั่งปี 2555 เริ่มพัฒนาที่ดินกว่า 6 ไร่เศษเป็นบ้านจัดสรรในชื่อโครงการ Eternity Home จำนวน 20 ยูนิตและอาคารพาณิชย์อีก 7 ยูนิต ย่านอำเภอสันกำแพง แม้จะเป็นโครงการขนาดเล็กอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 15 กิโลเมตร แต่เห็นถึงศักยภาพของทำเลที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย ท่ามกลางชุมชนที่เงียบสงบ ห่างไกลความวุ่นวายซึ่งยังเป็นที่ต้องการของตลาดกลุ่มนี้อยู่มาก

นอกจากนี้ในอนาคตยังมีแผนที่จะลงทุนบนย่านสันกำแพงอีกหนึ่งแห่งที่ยังคงเป็นรูปแบบโครงการเป็นบ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์ โดยรอให้โครงการแรกก่อสร้างแล้วเสร็จ ส่วนการลงทุนในทำเลตัวเมืองเชียงใหม่นั้นเน้นงานก่อสร้างและรีโนเวทอาคารเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นงานที่ชอบและถนัด

“ผมว่าโอกาสมีอยู่ทุกที่แต่อยู่ที่เราจะสามารถคว้าและมีความพร้อมที่จะเริ่มหรือไม่ตอนผมเริ่มเพราะมองเห็นโอกาสแต่ยังไม่พร้อมเรื่องเงินทุน ต้องดิ้นรนเสาะหาด้วยตัวเองผมชอบการลงทุน ชอบอ่านหนังสือมันเลยทำให้รู้อะไรเยอะขึ้นและใส่ใจกับสิ่งที่ทำมากขึ้นด้วย” คุณณัฐเศรษฐีกล่าว

ผู้บริหารหนุ่มบอกอีกว่าแม้ตอนนี้จะเป็นเพียงบริษัทเล็กๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักแต่งานทุกชิ้นที่เขาได้ลงมือทำถือว่ามาจากความตั้งใจจริงพร้อมยึดหลักการทำธุรกิจที่ว่า“ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน”เพราะในปัจจุบันจะมีช่องทางทำธุรกิจที่ไม่โปร่งใส แต่เขาก็เชื่อว่าการมีความซื่อสัตย์ต่อกันจะรักษาความสัมพันธ์และค้ำจุนธุรกิจให้แข็งแกร่งและยาวนานที่สุด

เส้นทางชีวิตของ “ณัฐเศรษฐี” ที่ผ่านมาแม้จะเจอกับอุปสรรคแต่ก็ไม่คิดย่อท้อ เพราะเชื่อว่าคนที่จะประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องประกาศว่าตัวเองเก่งมากแค่ไหน เพียงลงมือทำด้วยความตั้งใจ จริงใจและซื่อสัตย์ ไม่นานวันความสำเร็จนั้นก็จะปรากฏให้เห็นอย่างแน่นอน...

ดิ เอเทอนิตี้โฮม