เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นแบบไหนให้ประหยัดค่าไฟ

หน้าร้อนมาเยือน เตือนใจทุกครั้งว่าค่าไฟฟ้าจะต้องแพง แพง และแพง แต่จะให้ประหยัดให้ทนร้อนเปิดพัดลมก็เอาไม่อยู่ ไม่เปิดแอร์ก็ทนไม่ไหว แล้วจะเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะเปิดแอร์แล้วประหยัดค่าไฟได้ บทความนี้มีเทคนิคใช้เครื่องปรับอากาศให้ประหยัดค่าไฟฟ้ามาแนะนำให้อากาศก็เย็น เงินในกระเป๋าก็เย็นอยู่ครบมาบอกเล่ากันครับ

1. เปิดพัดลมไล่ความร้อนก่อนเปิดแอร์

เราควรเปิดพัดลมไล่ความร้อนภายในห้องก่อนที่จะเปิดแอร์ทุกครั้ง เพื่อเครื่องปรับอากาศไม่ทำงานหนักเกินไปจนเปลืองค่าไฟฟ้า โดยเมื่อเปิดพัดลมจนอุณหภูมิปกติแล้ว ก็ค่อยๆ เปิดเครื่องปรับอากาศไปพร้อมๆ กับพัดลม โดยแนะนำว่าควรเปิดอยู่ที่อุณหภูมิ 27-28 องศาเซลเซียส เมื่อรู้สึกว่าเย็นคงที่แล้วก็ค่อยปิดพัดลมครับ โดยในระหว่างที่เปิดแอร์ควบคู่กับพัดลมนั้นจะช่วยให้ความเย็นจากแอร์กระจายไปทั่วห้อง วิธีนี้จะลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศให้เบาลงและไม่เปลืองค่าไฟได้ครับ

2. ตั้งอุณหภูมิที่ 26-28 องศาเซลเซียส

สมัยก่อนเราอาจจะจำกันว่าอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส คืออุณหภูมิที่ประหยัดไฟที่สุด แต่ในปัจจุบันมีการแนะนำว่าให้ปรับเพิ่มอุณหภูมิเป็น 26-28 องศาเซลเซียส ถ้าหากลองเปิดแล้วยังรู้สึกสบายตัวอยู่ แนะนำให้เปิดที่อุณหภูมินั้นครับ เพราะวิธีนี้จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง ช่วยลดค่าไฟและประหยัดพลังงานได้ดี แต่หากลองแล้วไม่ไหว มันร้อนจริงๆ แนะนำให้เปิดเครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิเป็น 26-28 องศาเซลเซียสเฉพาะเวลากลางคืนดูก็ได้ครับ

3. ตั้งเวลาปิดเครื่องปรับอากาศ

สิ่งหนึ่งที่จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ดีที่สุด ก็คือการใช้ไฟให้น้อยครับ ฉะนั้นเราควรจำกัดเวลาในการเปิดเครื่องปรับอากาศให้น้อยที่สุด ด้วยการใช้โหมดตั้งเวลาปิดเครื่องปรับอากาศ เช่นเราอาจตั้งเวลาไว้ให้ปิดตอนตี 2 เพราะเวลานั้นอากาศภายนอกห้องน่าจะเย็นลงจนอยู่ได้อย่างสบายแล้ว ซึ่งก่อนนอนเราอาจเปิดพัดลมคู่กันไว้ จะได้ไม่ต้องคอยลุกมากลางดึกเพื่อปิดพัดลมและปิดเครื่องปรับอากาศกลางดึกให้รบกวนเวลานอนของเราครับ

4. ไม่ควรนำของร้อนหรือชื้นเข้าห้องตอนที่เปิดเครื่องปรับอากาศ

การนำของร้อนหรือของชื้นอย่างต้นไม้หรือเสื้อผ้าเปียกเข้าห้องตอนที่เปิดเครื่องปรับอากาศอยู่ จะทำให้ เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้นได้ครับ ซึ่งแน่นอนว่าค่าไฟฟ้าของเราก็จะแพงขึ้นด้วย โดยหลักการทำงานของเครื่องปรับอากาศนั้นนอกจากจะใช้พลังงาน 30% ในการลดอุณหภูมิห้องแล้ว ยังใช้พลังงานอีก 70% ในการกำจัดความชื้นให้อากาศในห้องแห้งด้วย ฉะนั้นการหลีกเลี่ยงไม่นำของชื้นและของร้อนเข้าในห้องตอนที่เปิดเครื่องปรับอากาศก็จะช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดค่าไฟฟ้าได้ด้วยครับ

5. เลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นตอนเปิดเครื่องปรับอากาศ

การเปิดเครื่องปรับอากาศ พร้อมกับการต้มน้ำร้อน ใช้เตาไฟฟ้า หรือรีดผ้า คือตัวเร่งให้เครื่องปรับอากาศจะต้องปรับอุณหภูมิและกำจัดความชื้นอย่างหนัก ส่งผลให้ค่าไฟที่แพงขึ้น ฉะนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการเปิดเครื่องปรับอากาศในขณะที่ทำกิจกรรมเหล่านั้นอยู่

6. ปิดเครื่องปรับอากาศก่อนออกจากห้อง

เราควรปิดเครื่องปรับอากาศก่อนออกจากห้องอย่างน้อย 30 นาทีถึง1 ชั่วโมง เพราะเครื่องปรับอากาศจะยังคงกระจายความเย็นในห้องได้อยู่ แถมยังประหยัดค่าไฟได้ดีอีกด้วย

7. ปิดไฟแล้วเปิดผ้าม่านรับแสงแทน

อย่างที่บอกไปว่าเครื่องปรับอากาศจะทำงานหนัก เมื่อเจอกับความร้อน ฉะนั้นไฟในห้องเรานั่นแหละครับคือความร้อนที่เราหลงลืมไป หากเราเปิดเครื่องปรับอากาศในเวลากลางวัน แนะนำว่าให้ปิดไฟ แล้วเปิดผ้าม่านให้แสงส่วงจากดวงอาทิตย์เข้ามาแทนที่ได้นะครับ แต่หากแดดจ้าร้อนแรงเกินไป ผมแนะนำว่าให้ปิดม่านบางส่วนเพื่อบรรเทาความร้อน และปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นนะครับ

8. ขนาดเครื่องปรับอากาศต้องเหมาะสมกับขนาดห้อง

หากเราใช้แอร์ตัวเล็กหรือใหญ่ไป BTU ไม่เหมาะสมกับขนาดของห้องแน่นอนว่าค่าไฟก็จะพุ่งกระฉูดแน่นอนครับ ฉะนั้นหากเครื่องปรับอากาศของเรา BTU น้อยกว่าพื้นที่ห้อง แนะนำว่าให้หาที่กั้นห้องเข้ามาช่วยครับ เพื่อจำกัดให้เครื่องปรับอากาศกระจายได้อย่างเหมาะสม ใครที่ไม่รู้ว่าเครื่องปรับอากาศของเราเหมาะสมกับขนาดห้องหรือไม่สามารถอ่านบทความแอร์กี่ BTU ถึงเหมาะกับห้องเราได้ครับ 

9. ปรับโหมดให้ถูก

อีกตัวช่วยลดค่าไฟได้ดีคือการเลือกโหมดเครื่องปรับอากาศให้ถูกต้องนะครับ เพราะหลายครั้งที่เราตั้งอุณหภูมิที่ 26-28 องศาเซลเซียสแล้วรู้สึกว่าความเ้นไม่พอดี แท้จริงแล้วอาจจะมาจากการปรับโหมดได้ตอบโจทย์ก็ได้นะครับ ซึ่งโหมดหลักมีความหมายคร่าวๆ ดังนี้

• Auto Mode โหมดการทำงานให้แบบอัตโนมัติ ซึ่งโหลดนี้เหมาะกับบ้านที่มีคนอาศัยอยู่เยอะๆ เพราะเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ พัดลมจะเร่งทำงานเพื่อให้ความเย็นอย่างรวดเร็วครับ
• Cool Mode โหมดนี้จะทำให้ห้องเย็นตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้อย่างคงที่ แต่อาจส่งผลให้แอร์ตัดหรือกระชากได้ครับ
• Dry Mode โหมดนี้จะเน้นลดความชื้นในอากาศ เหมาะกับห้องที่วางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ครับ ซึ่งจะรู้สึกได้ว่าความเย็นจะไม่เท่า Cool Mode แม้จะตั้งอุณหภูมิเท่ากัน
• Fan Mode โหมดนี้จะมีเพียงลมออกมาหรือเหมือนเปิดพัดลมนั่นเอง เหมาะกับคนที่ต้องการอากาศหมุนเวียน แต่ไม่ต้องการความเย็น
• โหมดประหยัดไฟ เครื่องปรับอากาศบางรุ่นจะมีโหมดประหยัดไฟ ซึ่งชื่อเรียกแต่ละยี่ห้อจะไม่เหมือนกันครับ เช่น Smart Saving Mode ซึ่งโหมดนี้ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเปิดใช้งาน เครื่องปรับอากาศจะทำงานแบบ Cool Mode แต่จะไม่กระชากไฟ และเสียงเบา แต่อาจทำให้เครื่องปรับอากาศเย็นช้าได้ครับ

10. กันร้อนให้คอมเพรสเซอร์ 

นอกจากจัดการภายในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศแล้ว ภายนอกห้องตรงคอมเพรสเซอร์แอร์ที่ติดอยู่ด้านนอกก็ต้องใส่ใจครับ ซึ่งหากเราวางคอมเพรสเซอร์ในจุดที่ไม่เหมาะสม เช่น ดาดฟ้า กลางแดด หรือวางติดผนังเกินไปก็ทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนัก ส่งผลให้เปลืองไฟได้ครับ ฉะนั้นก่อนจะติดตั้งควรเลือกวางให้เหมาะสม แต่หากติดตั้งไปแล้วแนะนำว่าให้นำต้นไม้มาวางใกล้ๆ หรือทำร่มบังแดดให้คอมเพรสเซอร์ครับ

11. ล้างเครื่องปรับอากาศ

ใครที่รู้สึกว่าทำไมเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ไม่เย็นสักที จึงพยายามลดอุณหภูมิลงให้ต่ำๆ จนกินไฟอย่างหนัก ที่จริงแล้วอาจมาจากความสกปรกก็ได้นะครับ โดยเราอาจเปิดฝาเครื่องปรับอากาศแล้วทำความสะอาดแผ่นกรองดูก่อน หากไม่ดีขึ้นให้ติดต่อช่างมาล้างเครื่องปรับอากาศให้จะดีกว่าครับ

หวังว่าหน้าร้อนปีนี้ใครที่คิดจะเปิดเครื่องปรับอากาศ แต่ไม่อยากเปลืองไฟ จะประหยัดค่าไฟลงได้ด้วย 11 เทคนิคเปิดเครื่องปรับอากาศแบบไหนให้ประหยัดค่าไฟที่เรานำมาบอกนะครับ