วิศรุต ปัญญาภิญโญผล เผยกลยุทธ์ ลงทุนอสังหาฯ

การตื่นตัวของการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมา ทำให้สถาบันการเงินต่างให้ความสนใจกับตลาดภูมิภาคมากขึ้น ธนาคารเกียรตินาคิน หนึ่งในสถาบันการเงินน้องใหม่ของภาคเหนือที่มีกลยุทธ์ด้วยความแตกต่าง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตรงจุด จนมีเสียงตอบรับจากนักลงทุนภาคเหนือภายใต้การขับเคลื่อนของผู้บริหารหนุ่มไฟแรง คุณวิศรุต  ปัญญาภิญโญผล ผู้อำนวยการการตลาดสินเชื่อ ฝ่ายสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สายสินเชื่อธุรกิจ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ที่มาเผยกลยุทธ์และทิศทางการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของภาคเหนือใน HBG ฉบับนี้

การทำตลาดภูมิภาคของธนาคารเกียรตินาคินเป็นอย่างไรบ้าง ?

ธนาคารเกียรตินาคิน สถาบันการเงินทางเลือกใหม่ มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้มีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งหลังจากได้เข้ามาทำตลาดในภูมิภาคช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เราถือเป็นน้องใหม่สำหรับตลาดในภูมิภาคนี้ แต่การตอบรับจากผู้ประกอบการทั้งขนาดกลางและขนาดเล็กซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหลักยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเชียงใหม่มีการเติบโตมาเป็นอันดับที่ 3 รองจากกรุงเทพฯ และชลบุรี แซงจังหวัดที่คิดว่าจะมีการเติบโตดีมากอย่างเช่น ภูเก็ต อีกทั้งพบว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่มีผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นหันมาลงทุนในรูปแบบคอนโดมิเนียมมากขึ้น ทำให้การพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างเปลี่ยนไปจากเดิมที่เน้นเป็นโครงการบ้านจัดสรร

เมื่อเปรียบเทียบสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกับตลาดภูมิภาค มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 60 ต่อ 40 โดยร้อยละ 80 เป็นการพัฒนาในแนวราบที่เหลือจะเป็นรูปแบบอาคารสูง กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่มีการลงทุนตั้งแต่ 2-3 โครงการ รวมถึงบริษัทมหาชนบางรายที่ตัดสินใจเข้ามาเป็นลูกค้าของธนาคารเกียรตินาคิน เชื่อว่าด้วยรูปแบบวิธีการและเครื่องมือที่ไม่เหมือนใคร โดยคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ จะทำให้ธนาคารเกียรตินาคินเป็นที่รู้จักและสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าได้

คุณวิศรุต  ปัญญาภิญโญผล ผู้อำนวยการการตลาดสินเชื่อ ฝ่ายสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สายสินเชื่อธุรกิจ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)

กลุ่มสินเชื่อและเครื่องมือทางการตลาดของธนาคารเกียรตินาคิน มีอะไรบ้าง?

สินเชื่อส่วนใหญ่ของธนาคารเกียรตินาคินเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ มีสัดส่วนกว่าร้อยละ 70 ของสินเชื่อทั้งหมด อีกร้อยละ 20 เป็นสินเชื่อธุรกิจ แบ่งออกเป็น 5 ธุรกิจ ได้แก่

1. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
2. ธุรกิจสินเชื่อธุรกิจอพาร์ตเมนต์
3. สินเชื่อธุรกิจขนส่ง
4. ธุรกิจเกี่ยวกับเต็นท์รถมือสองและผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ใหม่
5. สินเชื่อธุรกิจสั่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์

ที่เหลืออีกร้อยละ 10 เป็นสินเชื่อประเภทบริหารหนี้สิน อย่างเช่น บัตรเครดิต, บัตรกดเงินสด เป็นต้น

เนื่องจากธนาคารเกียรตินาคินเป็นธนาคารขนาดเล็ก แต่ได้ใช้ความเล็กและความคล่องตัวใกล้ชิดกับลูกค้าได้มากกว่าสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ซึ่งจะไม่แข่งขันด้วยอัตราดอกเบี้ย แต่จะใช้จุดแข็งเรื่องการให้บริการและความสะดวกทางด้านการเงิน รวมถึงการให้วงเงินที่ช่วยให้ลูกค้าทำธุรกิจได้อย่างคล่องตัว

นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือเสริมทางธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่แตกต่างไปจากสถาบันการเงินอื่นๆ อาทิ การมีทีมงานที่ปรึกษา ด้านสถาปนิก ที่จะให้คำแนะนำตั้งแต่การเลือกทำเล การซื้อขายที่ดิน การออกแบบ งานก่อสร้าง ไปจนถึงด้านงานขายและการตลาด และยังเป็นตัวกลางสั่งซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างผ่านโปรแกรมที่เรียกว่า Supplier Program โดยการรวมออเดอร์สินค้าของผู้ประกอบการหลายๆ รายเพื่อให้ได้ปริมาณการสั่งซื้อที่มากขึ้น แล้วสั่งซื้อจากบริษัทผู้ผลิตในนามธนาคาร ทำให้สามารถต่อรองราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป ผู้ประกอบการก็จะมีต้นทุนการผลิตที่ลดลง

อีกทั้งมีบริการที่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบออนไลน์ รวมถึงการจัดอบรมสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับด้านอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก

วางเป้าหมายและแผนรองรับการขยายตัวของตลาดภูมิภาคไว้อย่างไร ?

ปัจจุบันธนาคารเกียรตินาคินมีสาขาให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 90 สาขาทั่วประเทศ จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่สี่แยกข่วงสิงห์ สามารถทำธุรกรรมทางการเงินทุกรูปแบบ และด้วยจำนวนสาขาที่ครอบคลุมทุกจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ณ ปัจจุบันสามารถรองรับและให้บริการลูกค้าค่อนข้างเพียงพอ ส่วนมูลค่าสินเชื่อในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ อย่างภูเก็ต ชลบุรี อยู่ที่ประมาณ 3-5 พันล้านบาทต่อปี

ตลาดในภูมิภาคที่มีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว เฉลี่ยประมาณ 1 พันล้านบาทต่อปี โดยตั้งเป้าไว้สำหรับกลุ่มลูกค้ารายใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายใน 1 ปีจากนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1 พันล้านบาท ส่วนแผนรองรับการเปิด AEC ธนาคารเกียรตินาคินจะเน้นการเข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการให้มากที่สุด โดยขยายทีมงานลงพื้นที่เพื่อทำความรู้จักและแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการอย่างเข้าถึงและครอบคลุมในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะหัวเมืองทุกภูมิภาค

โอกาสที่ผู้ประกอบการรายใหม่จะเข้าสู่ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์มีมากน้อยเพียงไร ?

ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เนื้อหอมมากโดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่ ภาคเหนือบางจังหวัดยังมีพื้นที่ที่น่าลงทุนเหลืออยู่มากเมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ ชั้นในเพราะดินหายากและราคาสูง ดังนั้นหัวเมืองในต่างจังหวัด ยังคงมีทำเลคุณภาพและราคาที่ดินยังไม่สูงมากอยู่ ทำให้ผู้ประกอบการทั้งเก่าและใหม่มีโอกาสเข้าสู่ธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกมาก

อีกทั้งปัจจัยเสริมจากเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มโต ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอย มีกำลังซื้อมากขึ้นรวมถึงนโยบายจากรัฐบาลที่ช่วยหนุน ประกอบกับการลงทุนด้านอื่นๆ ทำให้คนมุ่งสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยตามมา ซึ่งในปัจจุบันหลายธนาคารมีนโยบายสนับสนุนธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่จะแตกต่างกันในนโยบายว่าจะเน้นในเรื่องใดเป็นสำคัญ

แม้นักลงทุนบางคนอาจมองว่าวงจรของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีขึ้นๆ ลงๆ และมีความเสี่ยง แต่ธนาคารเกียรตินาคินเห็นว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะประสบความสำเร็จได้อยู่ที่กุญแจสำคัญ 4 ประการ คือ การเลือกทำเลที่ถูกต้อง, รูปแบบโครงการ, ราคาที่เหมาะสม และการมีเงินทุนที่พร้อม หากมีองค์ประกอบทั้งสี่ข้อนี้แล้วเชื่อว่าไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรย่อมมีทางออกเสมอ และนอกจากความพร้อมของผู้ประการที่ต้องมีแล้ว การมีพาร์ตเนอร์ที่มีความมั่นคงและพร้อมที่จะก้าวไปกับธุรกิจของคุณได้ก็เป็นที่สำคัญ

การเริ่มต้นทำธุรกิจ เงินทุนถือปัจจัยสำคัญที่จะมาสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างคล่องตัวมากที่สุด สถาบันการเงินก็เป็นเหมือนเพื่อนร่วมธุรกิจของคุณ อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกเลือกเพื่อนร่วมทางในรูปแบบไหน ที่เขาจะเป็นทั้งเพื่อนร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมแก้ไข และประสบความสำเร็จไปพร้อมกับคุณ...