Baania
Baania
จังหวัด
ประเภทประกาศ
ประเภทอสังหาริมทรัพย์
ราคา

ไร่ชา ป่าเมี่ยง และทะเลหมอก ที่ “ม่อนเงาะ”

31/10/2012
x
คลิกที่นี่ เพื่อฟังบทความ

เริ่มเข้าสู่หน้าหนาว HBG จะพาท่านผู้อ่านขึ้นดอย อาบลมห่มฟ้า เพื่อไม่ให้เสียชื่อเมืองแห่งขุนเขา แถมยังเป็นสถานที่ Unseen ใกล้เมือง ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ในช่วงนี้ยังรับประกันได้ถึงความสด เพราะยังเป็นที่รู้จักน้อยมาก

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มีจุดชมวิวชื่อว่า “ม่อนเงาะ” ที่นี่ไม่ได้ปลูกเงาะแต่อย่างใด แต่เป็นภาษาของชาวม้ง คำว่า “ม่อนเงาะ” คือลักษณะของม่อนดอยที่เรียงตัวกัน 3 ลูก เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการกางเต็นท์บนยอดดอย สามารถเดินไปมาถ่ายรูปได้ แต่ห้ามโดดไปโดดมาเหมือนนินจาเพราะว่ามันสูงมาก ตรงยอดของม่อนเงาะนี้มองเห็นม่อนแจ่ม ภูเชียงดาว และห้วยน้ำดังได้สบายๆ

ตรงยอดของม่อนเงาะนี้มองเห็นม่อนแจ่ม ภูเชียงดาว และห้วยน้ำดังได้อย่างสบาย

ม่อนเงาะตั้งอยู่ในอำเภอแม่แตง มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,420 เมตร มองเห็นได้ 360 องศา จากยอดดอยลงมาสู่หมู่บ้านของคนเมืองเรียกว่า “ชุมชนบ้านเหล่า” ชุมชนนี้มีอาชีพทำเมี่ยงมากว่า 200 ปี เมี่ยงในที่นี้ก็คือชาสายพันธุ์อัสสัมนั่นเอง ความแตกต่างก็คือเมี่ยงจะใช้ส่วนใบใหญ่ แต่ชาจะใช้เฉพาะยอด

เมี่ยงหรือชาสายพันธุ์อัสสัม อาชีพหลักของ“ชุมชนบ้านเหล่า”

ในหมู่บ้านมีโฮมสเตย์ด้วยกัน 8 หลัง เข้าพักได้ประมาณ 48 คน (มีข้อแม้ว่าเขาให้แยกชายหญิงด้วยนะ) โฮมสเตย์ก็คือบ้านของคุณลุงคุณป้าในหมู่บ้าน พักอาศัยกันเหมือนลูกเหมือนหลาน ตื่นนอนตอนเช้าก็ช่วยกันทำกับข้าว คุณป้าคุณลุงทานอะไร คนมาพักก็ทานแบบนั้น อ้อ! ตอนเช้าก็สามารถตื่นมาใส่บาตร หากมีฝีมือทำอาหารก็เข้าครัวได้เลย

บรรยากาศโฮมสเตย์ ภายในหมู่บ้าน

ช่วงสายหน่อยก็เข้าไปเก็บชากันในไร่ บางทีอาจเจอหนอน “ชินเมโจได” เพราะว่าเขาไม่ใช้สารเคมีเนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ ทั้งยังมีโครงการหลวงม่อนเงาะเข้ามาดูแล จนเป็นแหล่งผลิตฟักทองญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุด ส่วนพืชอื่นๆ ก็มีกล้วยไม้ซิมบิเดียม (Cymbidium) วานิลลา สตรอเบอรี่ กาแฟ เป็นต้น

บรรยากาศไร่ชาในตอนเช้า

กลับมาที่เรื่องของเมี่ยง ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องเด็ดที่ไม่ควรพลาดของที่นี่ หากมาแล้วไม่ได้ดูวิธีการทำเมี่ยงถือว่าคุณพลาดแล้วล่ะ เมี่ยงคือของว่างของคนเหนือที่เอาไว้รับแขก ไว้อม เคี้ยวตุ้ยๆ (ใส่เกลือเล็กน้อยจะเปรี้ยวๆ เค็มๆ) เป็นอาหารที่บอกถึงวัฒนธรรม วิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชาวเหนือได้เป็นอย่างดี ถึงขนาดที่ว่าในอดีตมีม้าต่างเมี่ยงค้าขายกันข้ามดอยเป็นลูกๆ เลยทีเดียว

ฉะนั้นการทำที่ใส่เมี่ยงหรือที่เรียกกันว่ากระทอเมี่ยง จึงพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ชาวบ้านมีรายได้เป็นกอบเป็นกำก็เพราะเมี่ยงและไร่ชา เช่น เกษตรกรตัวอย่าง “ลุงเดช รังสี” ที่ทำไร่ชาและไร่สวนผสมอื่นๆ มีรายได้ต่อปีอย่างงาม ไร่ชาลุงเดชยังเป็นโฮมสเตย์ นอนกันตรงนอกชาน เช้ามาชมพระอาทิตย์และสายหมอก เบื้องล่างเป็นไร่ชาเขียวๆ ชุ่มฉ่ำ สามารถเดินเล่นเผาผลาญแคลอรีได้ดีไม่น้อยเลยสำหรับหนาวนี้

บรรยากาศวิวสวยๆบนยอดม่อนเงาะ

การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกับปาย จากตัวเมืองมุ่งสู่เส้นเชียงใหม่-ฝาง ทางหลวงหมายเลข 107 ก่อน ถึงตลาดแม่มาลัยให้เลี้ยวซ้ายตามทางหลวงหมายเลข 1095 แม่มาลัย-ปาย ประมาณกิโลเมตรที่ 12 จะพบวัดสบเมิง เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงชนบท มีทางแยกขวามือเป็นเส้นทางสบเมิง-เมืองก๋าย-บ้านเหล่า ประมาณ 7กิโลเมตร

ที่พักมีทั้งโฮมสเตย์และบ้านพักของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ ซึ่งสามารถจอดรถได้ที่นี่ จากนั้นจึงใช้บริการรถขนเมี่ยงของชาวบ้าน (เหมาะมากเพราะมีที่ยึดเกาะ เส้นทางขึ้นดอยค่อนข้างลาดชันและเป็นหลุม)

- ราคาบ้านพักของศูนย์ 700บาทต่อ 2 ท่าน (มีจำนวน 5 หลัง)

- จุดชมวิวสามารถกางเต็นท์และรองรับนักท่องเที่ยวได้ 50 คน

- เต็นท์ของชุมชนหลังละ 150 บาท (หากนำมาเองคิดราคาหลังละ 50 บาท ส่วนเต็นท์โดมหลังละ 100บาท

- ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ โทร.0-5331-8308, 08-1783-9278

- ไร่ชาลุงเดช รังสี โทร.08-1163-3765

 

 

ขอบคุณ: ผู้นำพาบุกเบิกเส้นทาง สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)

31/10/2012

ประกาศยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร

โครงการยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร