พฤกษา ปรับพอร์ตธุรกิจ เพิ่มสัดส่วนคอนโด ยกเครื่องการพัฒนา-ขายโครงการแนวราบ หวังโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกยอดขาย-รายได้ติดลบ มั่นใจทั้งปียังเป็นไปตามแผน
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ว่า ในครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายรวม 24,376 ล้านบาท ลดลง 6.8% จากช่วงเดียวกันของปี 2560 และมีรายได้ 19,282 ล้านบาท ลดลง 6.1% โดยมีกำไรสุทธิ 2,426 ล้านบาท ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกของปี 2560 ซึ่งสาเหตุที่บริษัทมียอดขายและรายได้ลดลง เนื่องจากได้มีการปรับพอร์ตธุรกิจ และปรับปรุงคุณภาพโครงการก่อนจะไม่เร่งเปิดโครงการใหม่
ทั้งนี้การปรับพอร์ตธุรกิจจะมีการปรับสัดส่วนคอนโดให้มากขึ้น เพื่อให้สอกดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยในครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการคอนโดใหม่อีก 10 โครงการ รวมทั้งปีจะมีคอนโดเปิดตัวรวม 12 โครงการ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน การปรับปรุงคุณภาพโครงการก่อนเปิดขายจะทำให้ต้องชะลอการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบออกไป 9 โครงการ รวมมูลค่า กว่า 8,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 26 โครงการ มูลค่า 19,900 ล้านบาท ส่วนในครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 42 โครงการ มูลค่ารวม 41,500 ล้านบาท ซึ่งยังมั่นใจว่า ตลอดทั้งปี ยอดขาย และรายได้จะยังเป็นไปตามเป้าที่วางไว้
สำหรับโครงการไฮไลท์มีหลายโครงการทั้งในกลุ่มธุรกิจพรีเมียม และกลุ่มธุรกิจแวลู อาทิ เดอะรีเซิร์ฟ สาทร ภัสสร บางนา-วงแหวน เดอะไพรเวซี่ จตุจักร และ พฤกษาวิลล์ รามคำแหง-วงแหวน โดยจะใช้กลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ที่เน้นคุณภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ สร้างความแตกต่างของโปรดักต์ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการใช้สื่อดิจิตอลในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ ในกลุ่มทาวน์เฮาส์จะมุ่งรักษาความเป็นเจ้าตลาดทาวน์เฮาส์อย่างต่อเนื่อง และจะขยายตลาดในเซ็กเมนต์ 3-5 ล้านบาท และขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดในหัวเมืองใหญ่ และในเขต EEC มากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทยังได้เพิ่มช่องทางการขาย New Sales Channel อีก 3 ช่องทางได้แก่ “โบรกเกอร์” ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าคอนโดมิเนียมที่เป็นชาวต่างชาติได้มากยิ่งขึ้น “B2B” การมอบส่วนลดพิเศษกับองค์กรพันธมิตรกับพฤกษา ปัจจุบันมีองค์กรที่เป็นพาร์ทเนอร์แล้วถึง 1,314 แห่ง (รวมบริษัทในเครือ) โดยในครึ่งปีแรกมียอดขายจากสองช่องทางใหม่นี้ คิดเป็นสัดส่วนถึง 28% ของยอดขายทั้งหมด และอีกช่องทางการขายที่เพิ่มขึ้นได้แก่ Pruksa Member ที่เน้นให้สมาชิกพฤกษาแนะนำผู้ซื้อ ซึ่งผู้แนะนำจะได้รับสิทธิพิเศษตามเงื่อนไขที่กำหนด ที่ผ่านมาพบว่า 47% ของลูกค้าที่ถูกแนะนำจะซื้อที่อยู่อาศัยของพฤกษา และที่สำคัญเรามีฐานข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าขนาดใหญ่มากกว่า 1 ล้านข้อมูล ซึ่งจะช่วยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างๆ ที่อยู่ในฐานข้อมูลเพื่อผลักดันยอดขายได้ดียิ่งขึ้น
ด้านความคืบหน้าของการลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลวิมุต คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 ซึ่งระหว่างนี้มีแผนเปิดคลีนิค “บ้านหมอวิมุต” ซึ่งเป็นคลินิกที่เปิดให้บริการรักษาโรคทั่วไป รวมถึงให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกับผู้อาศัยในชุมชน เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต่อยอดจากโรงพยาบาลวิมุต โดยจะเปิดโครงการนำร่องให้บริการที่แรกในย่านรังสิต คลอง 3 จ.ปทุมธานี ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งย่านรังสิตถือเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ และมีโครงการของพฤกษาอยู่เป็นจำนวนมาก และจะขยายไปยังชุมชนอื่นต่อไปในอนาคต
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท แวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลังจะมีการปรับพอร์ตเน้นเปิดโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น เพื่อเป็นการวางเป้าหมายรายได้ในระยะยาว โดยจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 10 โครงการ คิดเป็น 40% ของพอร์ตรวมทั้งหมด ซึ่งมีหลากหลายทำเลทั้งใจกลางเมืองย่านธุรกิจและตามแนวรถไฟฟ้า คาดว่าจะช่วยเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มคอนโดได้มากยิ่งขึ้น ในส่วนของบ้านเดี่ยวจะเน้นการสร้างความแตกต่างทั้งในด้านของดีไซน์ ฟังก์ชั่น สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้มากที่สุด
ในครึ่งปีหลังนี้จะมีการรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ พลัมคอนโด ปิ่นเกล้า สเตชั่น, พลัมคอนโด รามคำแหง สเตชั่น, เออร์บาโน่ ราชวิถี และแชปเตอร์วัน อีโค รัชดา-ห้วยขวาง มูลค่าราว 12,200 ล้านบาท ประกอบกับแนวโน้มของอัตราการปฏิเสธธนาคารของลูกค้าพฤกษาในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในระดับต่ำเพียง 4.6% จากกลยุทธ์บ้านพร้อมขาย (Ready to Move in) และ Pre-Approve ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ จึงคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน