เล็งร่วมทุน กคช. ตั้งบริษัทร่วมพัฒนาเมือง

บริษัทพัฒนาเมืองเล็งร่วมทุนเซมโก้บริษัทลูกการเคหะฯ ตั้งบริษัทร่วมพัฒนาเมือง นำร่องระบบขนส่งมวลชนคาด 3 เดือนได้ข้อสรุป
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันนักธุรกิจท้องถิ่นได้รวมตัวจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทพัฒนาเมือง (City Development :CD) ขึ้นรวม 14 จังหวัด และคาดว่าจะถึงสิ้นปี 2561 จะมีการจัดตั้งบริษัทพัฒนาเมืองประมาณ 20 แห่ง
นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดที่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทพัฒนาเมืองกับบริษัทเซมโก้ บริษัทลูกของการเคหะแห่งชาติ (กคช.)เพื่อดำเนินการพัฒนาเมืองร่วมกัน โดยจะเริ่มที่การพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ของจังหวัดที่มีความพร้อมก่อน เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น  ภูเก็ต เป็นต้น โดยคาดว่าอีก 3 เดือนจะได้ความชัดเจน 
ทั้งนี้จะเน้นการพัฒนาในจังหวัดที่มีความพร้อมอย่างเช่น เชียงใหม่ที่มีการนำร่องโครงการสมาร์ทบัส จากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ผ่านนิมมานเหมินท์และเมืองเก่า  ซึ่งเป็นการดำเนินการโดยบริษัท รีเจียนนอล ทรานซิสท์ คอร์เปอร์เรชั่น (RTC) เป็นบริษัทร่วมทุนของบริษัทพัฒนาเมือง ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้บริหารเครือข่ายพัฒนาเมืองหลายจังหวัด เพื่อพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในเขตเมืองและการพัฒนาเศรษฐกิจรอบพื้นที่สถานีขนส่งมวลชน(TOD)
สำหรับในปีนี้จะมีการขยายร่วมมือไม่ว่าจะกับกรมการขนส่งทางบก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พัฒนาระบบขนส่งมวลชนในหัวเมืองหลัก 5 แห่ง เช่น สระบุรี ระยอง และอุดรธานี เป็นต้น 
นอกจากนี้ เรื่องของบิ๊กดาต้าจะมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับการพัฒนาเมือง จึงควรมีดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อให้บริษัทพัฒนาเมืองสามารถนำข้อมูลเหล่านี้พัฒนาแพลตฟอร์ม สร้างแอพพลิเคชั่นขึ้นมาใช้งานร่วมกันซึ่งจะทำให้สามารถติดตาม คำนวณ ประเมินผลโครงการที่จะพัฒนาว่ามีความคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ เป็นต้น อีกทั้งประชาชนในพื้นที่ควรมีส่วนรวมแชร์ข้อมูลสร้างการรับรู้ร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาเมืองและพัฒนาเมืองไปด้วยกัน
นายพรนริศ กล่าวอีกว่า การแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่กินส่วนแบ่งตลาดประมาณ 81% โดยในปีนี้จะมีการพัฒนาโครงการของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 29 บริษัท รวมกว่า 6.1 แสนล้านบาท ขณะที่ความต้องการซื้อบ้านมีอยู่จำกัด ผู้ประกอบการจึงต้องขยายเป้าหมายไปทำตลาดกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็น เจนเนอเรชั่น y ซึ่งยังมีอายุน้อย โดยการพัฒนาสินค้าให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้ ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กต้องหันไปเจาะตลาดเฉพาะมากขึ้น 
สำหรับตลาดในช่วง 2 เดือนกว่าที่ผ่านมา มีโครงการเปิดตัวกันมาก ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ดีขึ้นมาก  อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูภาครัฐว่าจะสามารถกระตุ้นความเชื่อมั่นให้เพิ่มขึ้นได้หรือไม่ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หากสามารถเดินหน้าลงทุนได้ ก็จะยิ่งสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนได้อีกมาก และจะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจกระจายลงไปสู่คนระดับกลาง-ล่างมากยิ่งขึ้น