ปัจจุบันการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ชอบลงทุนในคอนโดมิเนียม ที่ผู้ลงทุนคาดหวังจะได้ผลตอบแทนจากราคาที่ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วเฉลี่ยปีละ 5-10% หรือมากกว่านั้นในทำเลแนวรถไฟฟ้า หรือได้ผลตอบแทนจากการเช่าในแต่ละเดือนที่ปัจจุบันผลตอบแทนอยู่ในระดับ 3-7% ต่อปี ขึ้นอยู่กับศักยภาพของทำเล
แต่ก็มีหลายกรณีที่เป็นปัญหาจากการล่อลวงของกลุ่มคนที่เห็นช่องทางหาผลประโยชน์จากนักลงทุนที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูล เงื่อนไข รูปแบบการลงทุนที่ชัดเจน กรณีตัวอย่างของกลลวงการลงทุนนี้ นายจักรพงษ์ เมษพันธุ์ หรือโค้ชหนุ่ม โค้ชด้านการลงทุนชื่อดัง ได้กล่าวในรายการ รู้ใช้เข้าใจเงิน ทาง FM 96.5 เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา สรุปว่า
มีภัยจากการลงทุนลวงที่เกิดระบาดกันมากเป็นลักษณะของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นการไปลงทุนจริงๆ โดยใช้ชื่อให้ดูตื่นเต้น เช่น ลงทุนโดยไม่ต้องใช้เงิน ลงทุนด้วยเงิน 0 บาท เป็นต้น เป็นการโฆษณาเพื่อชักชวนให้คนไปลงทุน เพียงแค่ให้นำสลิปต์เงินเดือนมาใช้สำหรับกู้เงินซื้อคอนโดก็จะได้ผลตอบแทนเป็นเงิน 3-4 แสนบาท พร้อมกับได้เป็นเจ้าของคอนโด หรือบางรายเสนอให้ผลตอบแทนเป็นหลักล้านบาท และยังรับประกันค่าเช่า เพื่อนำเงินค่าเช่านั้นไปผ่อนคอนโดได้อย่างสบายๆ
กล้าพูดได้เลยว่า ถ้าคนๆ หนึ่งไปเจอการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนได้ดีขนาดนั้น เขาคงไม่บอกคนอื่นหรอก เขาคงลงทุนเองไปแล้ว ที่บอกว่าเป็นการลงทุนจริง เพราะเขาเอาสลิปเงินเดือนเราไปกู้เงินจริงๆ และได้คอนโดจริงๆ เงินส่วนต่างก็สามารถทำได้หลายวิธี เช่น กู้เพิ่มจากวงเงินที่สามารถกู้ได้ ทำให้มีเงินส่วนเกินให้หลักแสนหรือเป็นหลักล้านบาททำให้คนลงทุนรู้สึกดีใจที่ได้เงินเยอะ
การชักชวนลงทุนในลักษณะนี้มักจะทำกับคนที่มีภาระหนี้ อาจเป็นหนี้จากบัตรเครดิต โดยเสนอให้นำสลิปเงินเดือนมากู้เงินลงทุนคอนโดแล้วจะได้ผลตอบแทนไปโปะหนี้ แต่กลับได้หนี้เพิ่มจากหนี้หลักหมื่นหลักแสนกลายมาเป็นหนี้หลักล้านบาทจากการกู้เงินซื้อคอนโด
กรณีที่เจอถือเป็นเคสใหญ่โดยมีการชักชวนให้ไปซื้อคอนโดที่จังหวัดภูเก็ตถึง 4 ห้อง โดยมีผลตอบแทนจูงใจว่าจะได้เงินทันทีห้องละ 250,000 บาท 4 ห้องรวมเป็น 1 ล้านบาท แต่เป็นการซื้อที่เกินกำลัง ต้องผ่อนเดือนละประมาณ 15,000 บาทต่อห้อง โดยมีการการันตีว่าจะมีคนเช่า แต่ปรากฏว่าพอเอาเข้าจริงๆ กลับไม่มีคนเช่า ก็ต้องผ่อนเองและแบกภาระหนี้ไว้ทั้งหมด
คนกลุ่มนี้จะทำ 2 ทางคือ รับเป็นนายหน้าให้กับโครงการคอนโดเองชวนคนมาซื้อ โดยอาจจะมีไฟแนนซ์ร่วมด้วยถึงสามารถทำเรื่องกู้ที่เกินวงเงินจากราคาห้องจริงๆ ได้ โดยที่ห้องราคา 2.3-2.5 ล้านบาท แต่นายหน้าสามารถทำให้กู้ได้ 3 ล้านบาท ซึ่งจริงๆ แล้วเงินส่วนต่างที่ได้มานั่นก็คือเงินกู้ของเราเองไม่ใช้ผลตอบแทนที่ได้มาจากไหน ความหมายของคำโฆษณาที่บอกว่า กู้ซื้อเสร็จจะรับเงินเป็นล้าน เงินล้านที่เราได้มาก็คือเงินกู้ของเราที่ต้องรับภาระผ่อนต่อไปนั่นเอง
ดังนั้น ห้องราคา 2.3-2.5 ล้านบาท แต่สามารถกู้ได้ห้องละ 3 ล้านบาท เงินส่วนเกินห้องละ 5-7 แสนบาท แต่เอามาให้เรา 2.5 แสนบาท ส่วนที่เหลือนายหน้าก็เป็นคนเอาไปเองนั่นเป็นเด้งที่ 1 และไปรับเด้งที่ 2 เป็นค่านายหน้าจากโครงการที่สามารถหาลูกค้าให้ได้ และสุดท้ายแต่ละห้องที่กู้มากลับไม่มีคนเช่ากลายเป็นว่าเงินที่ได้มาต้องเอามาทยอยผ่อนค่าห้องจนเงินหมด
"ไม่ใช่เคสเดียวที่เจอแบบนี้ มีมากกว่า 1 เคสที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน ซึ่งถือเป็นการลงทุนลวงที่ล็อคทุกทางไว้หมดแล้ว เพราะเราไม่สามารถขายห้องออกไปได้เนื่องจากราคาขายจะได้ต่ำกว่าเงินที่กู้มาจึงขายทิ้งไม่ได้ ได้แต่วิ่งหาผู้เช่า เพื่อแบ่งเบาภาระในการผ่อนออกไป
ทั้งหมดเกิดจากความใจร้อนในการลงทุน โดยไม่ศึกษาการลงทุนนั้นเลยถูกกลลวงการลงทุนที่จัดฉากไว้ แล้วเอาผลตอบแทนมาล่อลวงให้รู้สึกตื่นเต้นไปกับผลตอบแทนที่ได้ โดยลืมศึกษาการลงทุนให้ละเอียด จนเกิดเป็นปัญหา จึงอยากจะฝากเตือนว่า การลงทุนมันไม่ง่าย เราไม่รู้เรื่อง คิดว่าเป็นแค่การเอาเงินไปลงทุน แล้วเราก็ได้สินทรัพย์ได้ผลตอบแทนกลับมาซึ่งมันไม่ง่ายอย่างนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเยอะมาก ซึ่งควรจะศึกษาการลงทุนให้ละเอียด
เรื่องดังกล่าวนายสมศักดิ์ ชุติศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี.ซี.พี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด บริษัทตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรณีลงทุนโดยไม่ต้องใช้เงิน เป็นการชักชวนผู้ลงทุนให้ไปลงทุนคอนโด พร้อมๆ กัน หลายๆ ห้อง โดยห้องที่นำมาขายอาจจะได้ส่วนลดพิเศษจากโครงการ เสนอขายผ่านนายหน้า หรือ กลุ่มที่เป็นคนแนะนำด้านการลงทุน นำไปกู้พร้อมๆ กันหลายแบงก์ในเวลาเดียวกันทำให้แบงก์ไม่มีข้อมูลภาระการผ่อนของผู้กู้ ทำให้สามารถกู้เงินได้พร้อมกันหลายห้อง แล้วนำเงินส่วนต่างของราคาที่ได้มาจ่ายเป็นค่าการันตีผลตอบแทนให้นักลงทุน แต่พอหาผู้เช่าไม่ได้ ก็ทำให้นักลงทุนมีปัญหาไม่สามารถผ่อนต่อไปได้
คนที่ใช้วิธีการนี้ล่อลวงคนที่ต้องการลงทุนและได้ผลตอบแทนที่ดีมาแล้วหลายราย ดังนั้น การลงทุนจึงมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนจึงต้องศึกษาให้รอบครอบก่อนตัดสินใจลงทุน อย่าเอาผลประโยชน์ที่จะได้เป็นตัวนำการลงทุน มิเช่นนั้นก็อาจจะเกิดความเสียหายขึ้นได้