ด้วยเพราะซัพพลาย(Supply)ที่ดินในเมืองหรือกรุงเทพชั้นในที่จะถูกนำมาพัฒนานั้นเหลือน้อยอีกทั้งยังราคาได้ขยับเพิ่มขึ้นสูง ส่งผลให้ทั้งราคาของ Residential และ Office ให้เช่าในเมืองปรับราคาขึ้นสูงมาอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 10 % และ5 % (ตามลำดับ) ดังนั้น Home Office ที่อยู่ตามรอยต่อพื้นที่กรุงเทพชั้นในนั้นจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ จุดประกายให้ดิเวลลอปเปอร์หน้าใหม่ บริษัท แลนด์มาร์ค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เปิดตัวโครงการ The Element Rama 9 จุดขาย
โฮมออฟฟิศหรู 5 ชั้น บนทำเลที่มีศักยภาพสูงสุด เดินทางสะดวกไม่ว่าจะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ อโศก ทองหล่อ เอกมัย ใช้เวลาเพียง 15 นาที ใกล้ the nine พัฒนาภายใต้คอนเซปต์ “home office design Modern Luxury” รองรับพนักงานได้ประมาน 25-30 คน ที่จอดรถ 6-8 คัน เริ่มต้นที่ 26.9 ล้านบาท ที่ตอบโจทย์ ไทยแลนด์ 4.0
ธนะสิทธิ์ เฟื่องไพศาล กรรมการผู้จัดการบริษัท แลนด์มาร์ค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า “โครงการ The Element Rama 9” เกิดจากความตั้งใจที่จะทำให้โครงการนี้ตอบโจทย์สำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ผู้ที่ต้องการขยายธุรกิจในทำเลที่มีศักยภาพแบ่งพื้นที่ใช้สอยเพื่อทำงานและอยู่อาศัยอย่างลงตัวรองรับพนักงานได้ประมาน 25-30 คน พร้อมกับ Design Modern Luxury โดยใช้รูปทรงสีเหลี่ยมเรียบง่าย แต่เพิ่มมิติให้ตัวอาคารด้วยการใช้วัสดุที่หลากหลาย ทั้งเหล็ก ปูน กระจก และไม้ มีพื้นที่ธรรมชาติในบ้านหลายส่วน เริ่มจากชั้น1 เป็นที่จอดรถซึ่งจอดรถได้ถึง 6-8 คันและส่วนของ Reception เพื่อใช้ต้อนรับผู้มาติดต่อ ชั้น 2 ออกแบบให้มีระเบียงกว้างกระถางต้นไม้ที่มีความลึกพอปลูกต้นไม้ใหญ่ได้ เพื่อบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติที่ร่มรื่นในส่วนชั้นสำนักงาน รวมถึง ชั้น3,4 พื้นที่ ภายในที่เว้นไว้สำหรับปรับพื้นที่ให้เข้ากับความต้องการการใช้งานให้ตรงกับลักษณะของธุรกิจที่ทางลูกค้าต้องการ ชั้น 5 หรือชั้นบนสุดที่เป็นส่วน Master Bedroom จะมีระเบียงขนาดใหญ่สำหรับจัดสวนชั้นดาดฟ้า เพื่อพักผ่อนหย่อนใจในสวนได้อย่างเป็นส่วนตัว
ที่นี่ “โครงการ The Element Rama 9” มีจุดเด่นดังนี้
1. “ทำเล” ที่ตั้งโครงการอยู่ถนนพระราม 9 ตัดใหม่เดินทางสะดวกไม่ว่าจะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ อโศก ทองหล่อ เอกมัย ใช้เวลาเพียง 15 นาที ใกล้ เดอะ ไนน์ พระราม 9 เพียง 150 เมตร และยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ มอเตอร์เวย์ ทางด่วนพระราม 9 และทางด่วนศรีรัชอีกด้วย อนาคตยังมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างรถไฟฟ้าถึง 3 สายมาเติมเต็มความสมบูรณ์ให้ทำเลนี้ในอนาคตอันใกล้ โดยรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว – สำโรง (คาดว่าแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563) ,รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน บางซื่อ – หัวหมาก (คาดว่าแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน – มีนบุรี (คาดว่าแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2566)
2. คุณภาพของสินค้า…และดีไซน์“ตอบโจทย์”นักธุรกิจรุ่นใหม่ จากที่ Research ข้อมูลพบว่าพื้นที่ละแวกนี้มีคนทำ office ในบ้านค่อนข้างมากแต่เป็นการดัดแปลงพื้นที่ตัวบ้านมาเป็นออฟฟิศซึ่งทำให้พื้นที่ใช้สอยไม่ลงตัวนัก การดีไซน์ “โครงการ The Element Rama 9” ให้ได้ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้สอยทั้งพื้นที่ใช้สอยเพื่อทำงานและอยู่อาศัยอย่างลงตัว และการเลือกใช้วัสดุอุปรณ์ที่มีคุณภาพเพิ่มมิติให้กับตัวอาคารสร้างความแตกต่างอย่างมีสไตล์ จึงตอบโจทย์นักธุรกิจรุ่นใหม่ หรือผู้ที่ต้องการขยายธุรกิจในทำเลที่มีศักยภาพ
3. ความเหมาะสมของ “ราคา” ด้วยเพราะถนนเส้นนี้อยู่ใกล้ย่านอโศก ทองหล่อ เอกมัย เขตุ CBD ที่มีการปรับขึ้นของราคาที่ดินอย่างต่อเนื่องทุกๆปี ที่นี่ “โครงการ The Element Rama 9” ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรอยต่อของย่านธุรกิจและที่อยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ จึงคุ้มค่าทั้งในวันนี้และในอนาคตที่จะลงทุนเป็นเจ้าของ โดยเปลี่ยนค่าเช่าเป็นการผ่อนธนาคาร ตอบโจทย์รสนิยมเหนือระดับของนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ ที่ต้องการสร้างความสมดุลชีวิตที่ลงตัว ทั้ง Working life และ Serenity Living ด้วยการจัดสรรพื้นที่เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ผสานรูปแบบสถาปัตยกรรม ที่สอดคล้องกับธรรมชาติ
“ผมมองว่าคนที่ทำธุรกิจ size m ที่มีกำลังซื้อและอยากขยายธุรกิจหรือมองหา ที่ทำงานในทำเลที่ดีและอยู่อาศัยในที่เดียวกันอย่างลงตัวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันนั้นยังมีอีกมากและตัดสินใจไม่ยากที่จะเปลี่ยนจากการจ่ายค่าเช่าเป็นผ่อนกับทางธนาคารเพื่อซื้อขาด” ธนะสิทธิ์ กล่าวพร้อมกับระบุว่า Product นี้น่าจะรองรับความต้องการในตลาดนี้ได้เป็นอย่างดี โดยหลังบริษัทฯ เปิดตัวโครงการฯ เมื่อ เดือน สิงหาคมปี2559 ได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ “ขณะที่ยังเป็นดิน ราคาเริ่มต้นที่ 22.9 ล้านบาท โดยปัจจุบันการก่อสร้าง Home Office ในเฟสแรกจำนวน 14 หลังเกือบแล้วเสร็จ ได้ปรับราคาเริ่มต้นเป็น 26.9 ล้านบาท ตามกลไกตลาดและราคาที่ดินในย่านดังกล่าวที่ขยับตัวสูงขึ้นมาก”
สำหรับโครงการ The Element Rama 9 (ดิ เอเลเมนท์ พระราม 9) มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท พื้นที่โดยรวม 4 ไร่ เฟสแรก 2 ไร่ เพียง 14 ยูนิต ขณะนี้ปิดการขายได้แล้ว 50% ของทั้งโครงการ ด้าน product segment เป็น Home office หรือ Luxury home ระดับ high end รองรับกลุ่มเป้าหมายที่มองเห็นถึงศักยภาพของที่ดินและมีกำลังซื้อสูง จุดขาย The Latest Masterpiece on the best location ผลงานระดับพรีเมี่ยมบนทำเลศักยภาพผืนสุดท้าย ลักษณะเป็นโฮมออฟฟิศ 5 ชั้น ระดับพรีเมี่ยม สไตล์ Modern Luxury พร้อมลิฟท์ส่วนตัว ใจกลางพระราม 9 ห่างจาก เดอะ ไนน์ เพียง 150 เมตร ตอบโจทย์รสนิยมเหนือระดับของนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ ที่ต้องการสร้างความสมดุลชีวิตที่ลงตัว ทั้ง Working life และ Serenity Living ด้วยการจัดสรรพื้นที่เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ผสานรูปแบบสถาปัตยกรรม ที่สอดคล้องกับธรรมชาติ
ชั้น 1 เปิดให้เห็นความกว้างของส่วนต้อนรับ ด้วยดีไซน์ที่เรียบโก้จากเส้นสายและวัสดุ หน้ากว้าง 7.5 เมตร พร้อมที่จอดรถ 6-8 คัน พร้อมส่วน Reception Space เมื่อเข้ามาในอาคาร
ชั้น 2 พื้นที่ Working Space ให้รูปแบบการทำงานที่เปิดโล่ง ตอบโจทย์และรองรับการจัดสรรพื้นที่ เพื่อการทำงานได้หลากหลายรูปแบบ, ระเบียงกว้าง ใช้งานได้จริง โดดเด่นด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น
ขั้น 3 พื้นที่สำหรับห้องประชุมที่จะรับรองลูกค้าระดับ Exclusive และ Executive Office ของเจ้าของธุรกิจ แยกเป็นสัดส่วน ครบทุกฟังก์ชัน, ศูนย์กลางที่สร้างสมดุลของบริษัทสู่ความสำเร็จกับลูกค้าที่หลากหลาย, Meeting Area
ห้องประชุมที่ลงตัว จุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์ ผลงานที่ดีเพื่อพัฒนาต่อยอดความสำเร็จอย่างมั่นคง
ชั้น 4-5 มุมพักผ่อนส่วนตัว Eternity & Personal Life ที่มีสไตล์ Modern & Leisure ปรับโหมดการพักผ่อนส่วนตัวอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อคุณภาพชีวิตที่เหนือกว่า, โครงการฯ ที่นี่แบ่งชั้น 4 เป็นส่วนห้องรับประทานอาหารขนาด 10 ที่นั่งและห้องครัวขนาดพอดี ที่จัดสรรพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัว ส่วนชั้น 5 ชั้นสูงสุดเหนือระดับ คือ ห้องนอนหลัก ใหญ่กว้างขวาง ดีไซน์เพื่อการใช้ชีวิตอย่างเต็มรูปแบบ
นาย พนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าทำเลบริเวณพระราม 9, รามคำแหง, ประดิษฐ์มนูธรรม (เอกมัย-รามอินทรา)และศรีนครินทร์ นับเป็นทำเลศักยภาพแห่งใหม่ของการพัฒนาโฮมออฟฟิศ เนื่องจากใกล้ตัวเมืองและเป็นเขตรอยต่อของย่านธุรกิจ ย่านรัชดา, พระราม9, ทองหล่อและสุขุมวิท อีกทั้งใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์, มอเตอร์เวย์, ทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนศรีรัช โดยทำเลนี้ยังใกล้ห้างสรรพสินค้า เดอะไนน์พระราม9, เดอะมอลล์รามคำแหง และโรงพยาบาลชั้นนำอย่าง โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์, โรงพยาบาลรามคำแหง รวมถึงสถานศึกษาสำคัญ เช่น มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต, มหาวิทยาลัยรามคำแหง, มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าถึง 3 สายที่เข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับทำเลนี้ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง (คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563), รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน บางซื่อ-หัวหมาก (คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-มีนบุรี (คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2566)
สำหรับอุปทานตลาดโฮมออฟฟิศบริเวณพระราม 9 – รามคำแหง – ประดิษฐ์มนูธรรม – ศรีนครินทร์ จากปี 2554 จนถึง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปี 2561 มีจำนวนอุปทานสะสมทั้งสิ้น 1,461 หน่วย โดยปีที่มีอุปทานเข้าสู่ตลาดมากที่สุดในปี 2557 ซึ่งมีโครงการโฮมออฟฟิศเปิดใหม่ถึง 512 หน่วย จากผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายเล็กในตลาด อย่างไรก็ตาม อุปทานใหม่ตั้งแต่ปี 2558 – 2560 อยู่ในระดับคงตัวเฉลี่ย 215 หน่วยต่อปี ในขณะที่ 2 เดือนแรกของปี 2561 นั้น มีอุปทานใหม่เข้ามาในพื้นที่ศึกษาเพียง 8 ยูนิต เป็นที่น่าสังเกตุว่าเฉพาะปี 2557 อุปทานกว่า 60% อยู่ในพื้นที่รามคำแหง-ประดิษฐ์มนูธรรม คาดการว่าเกิดจากความตื่นตัวของผู้ประกอบการที่ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มในช่วงสองปีก่อนหน้านี้
รูปภาพ 1 อุปทานสะสมของโครงการโฮมออฟฟิศบริเวณพระราม 9-รามคำแหง-ประดิษฐ์มนูธรรม -ศรีนครินทร์
ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
รูปภาพ 2 อุปทานสะสมของโครงการโฮมออฟฟิศบริเวณพระราม 9-รามคำแหง-ประดิษฐ์มนูธรรม-ศรีนครินทร์ ตั้งแต่ปี 2554 – ก.พ. 2561 แบ่งตามพื้นที่
ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกลงไปที่อุปทานใหม่เฉพาะโฮมออฟฟิศระดับไพร์ม ซึ่งมีราคาขายต่อยูนิต 20 ล้านบาทขึ้นไป มีเพียง 149 ยูนิตเท่านั้นที่เปิดตัวระหว่างปี 2554 – ก.พ. 2561 โดย 47% ของอุปทานใหม่ทั้งหมดตั้งอยู่ในทำเลพระราม 9 ในขณะที่อีก 42% และ 11% ตั้งอยู่ในทำเลรามคำแหง-ประดิษฐ์มนูธรรม และศรีนครินทร์ ตามลำดับ ซึ่งโฮมออฟฟิศระดับไพร์มนี้ทั้งหมดตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังจุดต่างๆของเมืองได้อย่างสะดวกสบาย รายล้อมไปด้วยสาธารณูปโภคสาธารณูปการครบครัน มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 450 - 1,140 ตร.ม. เนื้อที่ดินขนาดตั้งแต่ 39 – 120 ตร.ว.ต่อยูนิต และมีหน้ากว้างเฉลี่ย 6-11 ม. ส่วนใหญ่มีลิฟต์โดยสาร สวน รวมถึงมีพื้นที่จอดรถได้มากกว่า 6 คันต่อยูนิต
รูปภาพ 3 อุปทานโฮมออฟฟิศระดับไพร์ม ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปต่อยูนิต ในพื้นที่พระราม 9 - รามคำแหง – ประดิษฐ์ มนูธรรม - ศรีนครินทร์ 2554 - ก.พ. 2561
ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
ด้านอุปสงค์โฮมออฟฟิศที่เปิดขายในย่านพระราม 9-รามคำแหง-ประดิษฐ์มนูธรรม-ศรีนครินทร์นั้น ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ซื้อ โดยโครงการที่เปิดตัวระหว่างปี 2556 – เดือนกุมภาพันธ์ปี 2561 มีอัตราการขายเฉลี่ย ณ ปัจจุบันประมาณ 80% ในขณะที่โครงการที่เปิดตัวระหว่างปี 2554 – 2555 นั้นปิดไปการขายไปหมดแล้ว ส่วนโครงการที่เปิดตัวใหม่ในปี 2560 มีอัตราการขายเฉลี่ยประมาณ 70% และด้านแนวโน้มตลาดที่บ่งชี้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโฮมออฟฟิศเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการมีสำนักงานขนาดเล็กของตนเอง ในทำเลใกล้ศูนย์กลางธุรกิจและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายอื่นๆ
รูปภาพ 4 อุปสงค์โดยเฉลี่ย ณ สิ้น ก.พ. 2561 ของโครงการโฮมออฟฟิศบริเวณพระราม 9-รามคำแหง-ประดิษฐ์มนูธรรม-ศรีนครินทร์ ที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2554 – ก.พ. 2561 แบ่งตามพื้นที่
ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
ตาราง 1 ราคาขายเริ่มต้นโดยเฉลี่ยของโครงการโฮมออฟฟิศบริเวณพระราม 9-รามคำแหง-ศรีนครินทร์ แบ่งตามปีที่เปิดตัว (หน่วย: บาท/ตารางเมตร)
ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
ในด้านราคาขายเริ่มต้นโดยเฉลี่ยของโครงการโฮมออฟฟิศที่เปิดตัวใหม่ ณ ปี 2560 ในพื้นที่ศึกษา อยู่ที่ตารางเมตรละประมาณ 50,300 บาท โดยโครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พระราม 9 มีราคาขายเริ่มต้นโดยเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ประมาณ 67,500 บาท ในขณะที่โครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่รามคำแหงและศรีนครินทร์ มีราคาขายเริ่มต้นโดยเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ประมาณ 34,600 บาท และ 49,000 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเฉพาะโฮมออฟฟิศระดับไพร์มในพื้นที่ศึกษา ซึ่งมีราคาขายต่อยูนิตตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป และเปิดตัวในปี 2560 มีระดับราคาขายเริ่มต้นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 63,300 ต่อตารางเมตร
รูปภาพ 5 ค่าเช่าและอัตราการเช่าของตึกสำนักงานในพื้นที่พระราม 9 – รัชดาภิเษก (เฉพาะตึกใหม่อายุไม่เกิน 10 ปี)
ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
เมื่อวิเคราะห์รวมไปถึงตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าในพื้นที่เดียวกัน โดยพิจารณาเฉพาะตึกที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี พบว่าอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึงปีละ 6% และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี การเป็นเจ้าของโฮมออฟฟิศจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ประกอบการ เนื่องจากช่วยลดต้นทุนค่าเช่าพื้นที่สำนักงาน และควบคุมค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดีในระยะยาว
#######################
หมายเหตุ : เกี่ยวกับ คุณธนะสิทธิ์ เฟื่องไพศาล กรรมการผู้จัดการบริษัทแลนด์มาร์ค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
จุดเริ่มต้นมาจากผมได้เริ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยการซื้อขายปล่อยเช่าคอนโดเพื่อเก็งกำไรมากว่า 10ปี และขยายธุรกิจจากนั้นโดยลงทุนทำ Apartment ย่านลาดพร้าว หลังจากนั้นได้เริ่มพัฒนาที่ดินย่านบางนาเป็นโครงการ Condominium ภายใต้ชื่อ Landmark residence @abac bangna เนื่องจากเห็นศักยภาพของทำเลซึ่งใกล้กับมหาลัยเอแบค ทำให้เจอกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและมีรสนิยมที่ดีในการเลือกที่อยู่อาศัย สอดคล้องกับ Product ที่เราตั้งใจพัฒนาให้ถูกใจคนกลุ่มนี้จึงทำให้เกิดผลตอบรับอย่างดี หลังจากนั้น ผมได้เข้าร่วมทุนกับบริษัท fifth development พัฒนาโครงการ fifth avenue เป็นอาคารพาณิชย์และ Home office จำนวนทั้งหมด 144 ยูนิต แบ่งเป็น อาคารพาณิชย์ 126 ยูนิต และ โฮมออฟฟิศ 18 ยูนิต สถานะโครงการปัจจุบันรับรู้รายได้แล้วกว่า 90% ประกอบกับมีเพื่อนแนะนำที่ดินแปลงนี้มาเสนอซึ่งทางผมเองได้วิเคราะห์แล้วว่าเหมาะที่จะทำ Product นี้มาก จึงเกิดเป็น บริษัท Landmark Development ซึ่งผมมีความตั้งใจที่จะพัฒนา Product Segment เดียวกันอีกต่อไปในอนาคตโดยใช้ประสบการณ์ที่สะสมมาตลอดการทำงานของผมและทีมงานเพื่อพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าของเราอย่างดีที่สุด
ผลงานความสำเร็จในแต่ละโครงการฯ ที่ผ่านมา ได้แก่ โครงการ grace city park apartment ย่านลาดพร้าว โชคชัย, โครงการ Landmark Residence condominium ย่าน abac บางนา ร่วมทุนกับ บริษัท fifth development พัฒนาโครงการ fifth avenue ladkrabang เป็นอาคารพาณิชย์หน้านิคมลาดกระบัง พร้อมผุด The Element Rama 9 ทาวน์โฮมหรู เจาะตลาดออฟฟิศ รองรับกลุ่มเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ เป็นโครงการฯ ล่าสุด