พฤกษาสู้ศึกทาวน์เฮาส์ ขยายธุรกิจทุกเซ็กเมนต์รักษาแชมป์ หวังโกยรายได้ 2.3หมื่นล.

พฤกษาหวั่นดอกเบี้ยขาขึ้น-คู่แข่งโหมบุก ฉุดแชมป์ตลาดทาวน์เฮาส์ งัดกลยุทธ์รักษาแชมป์

นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท เปิดเผยว่า จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้นช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับกำลังซื้อในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลาง-ล่าง โดยเฉพาะตลาดทาวน์เฮาส์ระดับกลางล่าง ทำให้บริษัทต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการหลายรายพยายามแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด

ทั้งนี้ บริษัทได้นำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้นในการก่อสร้างบ้าน มาเสริมการก่อสร้างบ้านด้วยระบบพรีคาสต์ รวมถึงเน้นการให้บริการหลังการขาย เช่น การนำระบบโฮมออโตเมชั่นมาใช้ การทำพื้นที่ส่วนกลางให้มีโคเวิร์กกิ้ง สเปซ การวางเสาเข็มพื้นที่บริเวณหลังบ้านล่วงหน้า หากลูกค้าต้องการจะต่อเติมพื้นที่ครัว การนำนวัตกรรมบ้านหายใจได้หรือออกแบบให้มีอากาศไหลเวียน การก่อสร้างทาวน์เฮาส์ล่วงหน้า รูปแบบ Ready to Move in เพื่อให้ลูกค้าสามารถจองและโอนได้ทันทีภายใน 1 เดือน นำมาใช้แก้ปัญหา ให้ผู้ซื้อสามารถตรวจสอบความสามารถในการซื้อกับสถาบันการเงิน เพื่อลดปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อที่ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วน 16-17%

ปัจจุบันบริษัทมีทาวน์เฮาส์ที่อยู่ระหว่างการขาย 117 โครงการ มูลค่า 1 แสนล้านบาท โดยในปีนี้เปิดโครงการใหม่ 44 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 19 โครงการ ส่วนครึ่งปีหลังจะเปิด 25 โครงการ

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเจาะกลุ่มไปยังทาวน์เฮาส์ระดับราคา 5-7 ล้านบาท และ 7-10 ล้านบาทมากขึ้นด้วย โดยยังคงรุกตลาดระดับกลาง ราคา 1.5-2 ล้านบาท และ 2-3 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำตลาดในระดับราคานี้อยู่แล้ว และจะพัฒนาตลาดในระดับราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ พร้อมกับยังมีแผนรุกตลาดต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดหัวเมืองรอง อาทิ เชียงราย พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น สงขลา รวมไปถึงในจังหวัดอีอีซี ที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยวและนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีมูลค่าตลาดใหญ่เกือบ 6 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินรวมไว้ 1.6 หมื่นล้านบาท ใช้ซื้อที่ดินสำหรับทาวน์เฮาส์ 8,000 ล้านบาท

สำหรับมูลค่าตลาดรวมอสังหาฯ กรุงเทพฯ และปริมณฑลปี 2561 ตลาดรวมจะอยู่ที่ 4.7 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 11% แบ่งเป็นตลาดทาวน์เฮาส์อยู่ที่ 8.8 หมื่นล้านบาท โตขึ้น 14% โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขาย 1.9 หมื่นล้านบาท ตลาดต่างจังหวัดอีก 3,000 ล้านบาท รวมเป็น 2.2 หมื่นล้านบาท และยอดรับรู้ รายได้ 2.3 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มธุรกิจ ทาวน์เฮาส์ ถือเป็นรายได้หลักของบริษัท

ที่มา : posttoday