เศรษฐกิจฟื้นกระจายตัว ปลุกตลาดบ้านกลาง-ล่างคืนตลาด ออริจิ้น พลิกแผนเตรียมผุดโครงการทาวน์เฮ้าส์-คอนโดรับหลังเห็นสัญญาณตลาดเริ่มฟื้นตัว แอล.พี.เอ็น.ยันพร้อมลุยเตรียมทบทวนแผนลงทุนปี 62
4 ผู้บริหารแห่งอาณาจักรออริจิ้น
แม้ในปีนี้ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จะประกาศแผนลงทุนมูลค่าแสนล้านบาท ด้วยการโฟกัสไปที่ตลาดระดับบนหรือลักซ์ชัวรี่มากขึ้น แต่เมื่อจับสัญญาณเศรษฐกิจแล้วเริ่มเห็นว่า ตลาดบ้านระดับกลาง-ล่างกำลังจะกลับมา และเตรียมที่จะขยายการลงทุนในตลาดเซ็กเมนต์นี้ในปีหน้า สอดคล้องกับเจ้าตลาดระดับกลาง-ล่างอย่าง แอล.พี.เอ็น.ที่เตรียมจะกลับมาเช่นกัน
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า หากในปีนี้เศรษฐกิจโตได้ตามเป้าหมายที่ 4% เชื่อว่ากำลังซื้อผู้บริโภคในกลุ่มกลาง-ล่างจะเริ่มฟื้นตัวไม่เกินกลางปีหน้า ทำให้บริษัทเตรียมแผนที่จะเปิดโครงการรองรับตลาดกลุ่มนี้อยู่หลายโครงการทั้งที่เป็นคอนโดมิเนียม และทาวน์เฮ้าส์ ในทำเลส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ที่มีการเปิดหน้าดินใหม่ในหลายทำเล
"ถ้าเศรษฐกิจขยายตัวได้ดี 2 ปีติด คือเมื่อปีที่แล้ว และในปีนี้ กำลังซื้อในกลุ่มกลาง-ล่าง ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในตลาดบ้านจะกลับมาไม่เกินกลางปีหน้า บริษัทจึงต้องเตรียมแผนรองรับไว้ โดยจะพัฒนาทั้งโครงการคอนโดมิเนียม และทาวน์เฮ้าส์ ในราคา 2 ล้านบาทบาทบวกลบ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนตลาดในปีหน้ากลับไปเป็น ตลาดกลาง-ล่าง 60% และตลาดบน 40% จากปีนี้สัดส่วนกลุ่มบนจะยังอยู่ที่ 60% และกลาง-ล่าง 40%"
สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทนับจากนี้จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม โครงการบ้านแนวราบ โครงการร่วมทุนกับต่างชาติ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้หมุนเวียน รวมถึงมีธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์อย่างครบถ้วนมูลค่ารวมกันประมาณ 1 แสนล้านบาท
“ปี 2560 เป็นปีที่เราเริ่มก้าวสู่การเดินหน้าธุรกิจใหม่ๆ นอกจากธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียม นับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป จะเป็นปีที่เราขับเคลื่อนธุรกิจใหม่อย่างเต็มกำลัง ทุกธุรกิจจะหยั่งรากฐานและเป็นฟันเฟืองสำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน” พีระพงศ์ กล่าว
สำหรับแผนการพัฒนาโครงการในปีนี้บริษัทจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสผสานกับโครงการคอนโดมิเนียม 3 ทำเล เพื่อสร้างโครงการแฟล็กชิพภายใต้คอนเซ็ปต์ “พาร์ค ออริจิ้น คอมเพล็กซ์” รวมมูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาท ในทำเลใจกลางเมือง ได้แก่ ทำเลทองหล่อ มูลค่าโครงการ 37,000 ล้านบาท ทำเลพร้อมพงศ์ มูลค่าโครงการ 23,000 ล้านบาท ทำเลพญาไท 10,000 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ด้านการอยู่อาศัยของโลกที่ผู้บริโภคต้องการโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างครบวงจร ขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทด้วย
สำหรับปี 2561 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 14 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 10 โครงการ มูลค่า 26,000 ล้านบาท และโครงการบ้านแนวราบ 4 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ขณะที่วางเป้ายอดขายไว้ที่ 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ราว 43% เป้ารายได้ที่ 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ราว 67%
ด้าน นายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะผู้ดูแลด้านการร่วมทุน กล่าวว่า ที่ผ่านมา บริษัทมีพาร์ทเนอร์หลักคือบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ ร่วมทุนในโครงการคอนโดมิเนียมแล้ว 5โครงการ และโครงการโรงแรมอีก 1 โครงการ ในอนาคต บริษัทยังเปิดกว้างโอกาสในการร่วมทุนในธุรกิจประเภทอื่นๆ ทั้งโครงการแนวราบ คอมมูนิตี้มอลล์ สำนักงานให้เช่า ไปจนถึงธุรกิจแวร์เฮาส์ โดยในปีนี้จะมีโครงการร่วมทุนอีก 3 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท และคาดว่าระยะยาวจะมีรายได้ที่เกิดจากธุรกิจร่วมทุนราว 20-30% ของรายได้รวม
ขณะที่ นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ กรรมการผู้จัดการโครงการแนวราบ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ภายในปี 2561-2565 บริษัทตั้งเป้าจะเปิดตัวโครงการใหม่ เน้นทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และทำเลระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มูลค่ารวมกว่า 45,000 ล้านบาท และสร้างรายได้กลับมายังบริษัทในช่วง 5 ปีดังกล่าวกว่า 31,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 3 เซ็กเมนท์ ได้แก่ ทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ ราคา 3-5 ล้านบาท บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ราคา 5-8 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว ราคา 8-20 ล้านบาท สำหรับปี 2561 จะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท
นางจตุพร ผิวขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น วัน บริษัทในเครือออริจิ้นที่พัฒนาธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่า เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ สำนักงานเช่า คอมมูนิตี้มอลล์ จะช่วยสร้างรายได้กลับมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับทุกสภาพเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ยังมีธุรกิจบริการที่จะช่วยเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภค สำหรับธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ ตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี จะมีจำนวนห้องพักอยู่ในระดับท็อปเท็นของเมืองไทย ขณะที่ในแง่ธุรกิจบริการ เราตั้งเป้าว่าจะเติบโตจนมีเซอร์วิสเชนของตัวเอง
ทั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 4.1% และจะกระจายตัวมากขึ้น ฐานรายได้ของประชากรในภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรกรรมจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการ มองว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนจะคลายตัวลง โดยเฉพาะหนี้จากการผ่อนรถยนต์ในโครงการลดยนต์คนแรก เริ่มหมดลง จะทำให้เริ่มมีการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อในระดับกลาง-ล่างเริ่มฟื้นตัว
ด้าน โอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ประเมินไว้ก่อนนี้ว่า ตลาดบ้านในระดับกลาง-ล่างน่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2562 ซึ่งตามแผนของแอล.พี.เอ็น.ในปี 2561 ยังคงขยายตลาดในระดับกลางบนเป็นหลัก เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโต แต่ก็ยังทิ้งตลาดระดับกลาง-ล่าง ซึ่งในปี 2562 จะทบทวนแผนการลงทุนอีกครั้ง