ไมด้าขยายลงทุนอสังหาปักธงอีอีซี-นครปฐม

ไมด้า กางแผนรุกธุรกิจอสังหาฯ ปักธงบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ นครปฐมและกาญจนบุรี พร้อมรุกอีอีซี ผุดคอนโดที่พัทยา ผนึกสิงคโปร์ขยายธุรกิจบริหารโรงแรม

นายวิสูตร เอี้ยวศิวิกูล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การท่องเที่ยวที่เติบโตได้ส่งผลต่อเนื่องให้กับภาคธุรกิจโรงแรม ในขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัย ยังคงไปได้ดี โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดโครงการแนวราบซึ่งทางไมด้ายังคงลงทุนพัฒนาโครงการในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจการขายและเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของไมด้ายังขยายตัวได้ดีด้วยปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่ขยายตัว และคาดว่าในปีนี้ ธุรกิจเช่าซื้อจะเติบโต 20%

สำหรับแผนลงทุนในปีนี้ จะมีมูลค่าโครงการรวมกันกว่า 5,000-5,300 ล้านบาท เน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นหลัก ได้แก่ โครงการในจังหวัดนครปฐม 3 โครงการ พัฒนาเป็น บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ มูลค่าโครงการละ 800-1,000 ล้านบาท หรือมูลค่ารวมประมาณ 2,400-3,000 ล้านบาท  ส่วนที่จังหวัดกาญจนบุรีมี 1 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว ระดับราคา 2-3 ล้านบาท มูลค่า 800 ล้านบาท  นอกจากนี้ จะพัฒนาโครงการในพื้นที่พัทยา เป็นคอนโดมิเนียมสูง 30 ชั้น บนเขาพระตำหนัก จำนวน 350 ยูนิต ขนาด 35-50 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาขาย 1.2-1.5 แสนบาทต่อตร.ม. มูลค่า1,500 ล้านบาท

นายวิสูตร เอี้ยวศิวิกูล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน)

"ไมด้ายังมีที่ดินรอการพัฒนาในจังหวัดนครปฐมไม่ต่ำกว่า 400 ไร่ ซึ่งบางแปลงสามารถพัฒนาได้เลย แต่บางแปลงติดเรื่องผังเมือง โดยแนวโน้มราคาที่ดินในนครปฐม ปรับตัวสูงขึ้นมาแปลงละ  2 ล้านบาทต่อไร่ รวมถึง เรายังมองหาที่ดินเพื่อการลงทุนในจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี "

ส่วนแผนการพัฒนาในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ล่าสุด บริษัทได้ร่วมลงทุนกับ กลุ่มเวลลิตี้ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริษัทบริหารจัดการธุรกิจด้านการบริการสำหรับโรงแรมและรีสอร์ท โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการร่วมทุนการพัฒนาโรงแรมภายใต้ชื่อ "อักษร ระยอง เดอะ เวลลิตี้ คอลเลคชั่น" บนทำเลหาดแหลมแม่พิมพ์ ทั้งนี้บริษัทได้ใช้งบร่วมลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท จัดตั้งบริษัท เอ็มดับบลิว เวลเนส เมเนจเม้นท์ จำกัด โดยบริษัทไมด้า ถือหุ้น 51% และกลุ่มเวลลิตี้ ถืออยู่ 49% โครงการโรงแรมใช้งบในการพัฒนาสูงกว่า 1,000 ล้านบาท และในอนาคตจะใช้งบลงทุนเพิ่มอีกกว่า 35 ล้านบาท สำหรับอุปกรณ์เพื่อสุขภาพและอื่นๆ

นายวิสูตร กล่าวถึงแนวโน้มรายได้ในปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 15-20% จากรายได้รวมปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกมีรายได้แล้ว 750 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าธุรกิจเช่าซื้อในปีนี้ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 55% ของพอร์ตรายได้ธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์จะมีสัดส่วนต่อรายได้รวมอย่างละ 20% 

ปัจจุบัน "ไมด้า" มีการพัฒนาโรงแรมรวมทั้งสิ้น 9 โรง (รวมโครงการที่จ.ระยอง) ทั้งนี้ บริษัทมีแผนนำโรงแรมทั้ง 9 แห่ง เข้ากองรีท คาดจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 6,000-7,000 ล้านบาท เพื่อระดมทุนพัฒนาโรงแรมแห่งใหม่ในอนาคต คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2562

ด้านนายแอนโธนี จู้ด ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง เอ็มดับบลิว เวลเนส เมเนจเม้นท์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารเวลลิตี้ กล่าวว่า จังหวัดระยองอยู่ในแผนของการพัฒนาเศรษฐกิจตามนโยบายการลงทุนอีอีซีจึงเข้ามาลงทุนโรงแรมร่วมกับไมด้าตามแผนงานก่อสร้างจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคมนี้ และในระยะ 12 เดือนข้างหน้า เป้าลูกค้ามาเข้าพักประมาณ 50% และปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราค่าห้องพักจะอยู่ที่ 3,000-3,500 บาทต่อคืน ถ้าร่วมโปรแกรมสุขภาพจะอยู่ที่ 60,000-70,000 บาท 

นอกจากนี้ ตามแผนแล้ว ภายในปี 2563 บริษัทเอ็มดับบลิวฯ จะมีโครงการลงทุนเบื้องต้น 4 โครงการ โดยในปี 2562 จะพัฒนาเพิ่ม ในภูเก็ต ได้แก่ โครงการ เดอะ พาโนรา รูปแบบคอนโดมิเนียม 6 อาคาร จำนวน 400 ห้อง และพูลวิลล่า 36 หลัง พัฒนาบนเนื้อที่ 25 ไร่ และ โครงการธาราปฐม เป็นบ้านไทยวิลล่าในนครปฐม คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2562
"เรากำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช  เขาหลัก จังหวัดกระบี่ และจังหวัดฉะเชิงเทรา  ซึ่งจะเป็นการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ทั้งการพัฒนาคอนโดมิเนียมและรีสอร์ท รวมไปถึงศูนย์สุขภาพอีกด้วย และมองการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในมาเลเซีย เวียดนาม จีน คาดว่าจะมีการเปิดตัวได้ในปี 2563-2564 "

Baania มี Line แล้วนะ
ติดตามเรื่องราวอสังหาริมทรัพย์แบบอินเทรนด์ ได้ทุกวันผ่าน Line ID @baania