“สมหวัง อัตประชา” ซื้อบ้านต้องได้บ้าน ไม่ใช่ซื้อบ้านได้อากาศ

ทีมงาน Baania มีโอกาสพูดคุยและนำเอาเรื่องราวของชายคนหนี่งที่กล่าวได้ว่ากว่าจะประสบความสำเร็จด้านอสังหาฯ ยืนอยู่ในกลุ่มแนวหน้าของเชียงใหม่ได้นั้น ผ่านบทพิสูจน์พบกับเรื่องราวหลากหลายบางแง่มุมของชีวิตยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจได้อีกด้วย บุคคลผู้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหนนั่นก็คือ คุณ สมหวัง อัตประชา ประธานกรรมการบริษัท สมหวังกรุ๊ป ที่ปักหมุดโครงการ “สมหวัง” ที่หากนับรวมทั้งหมดมีราว 40-50 โครงการ หลายพันยูนิตทั่วจังหวัดเชียงใหม่

เริ่มต้นธุรกิจจากเด็กขายหนังสือพิมพ์

คุณสมหวังเล่าว่าพื้นเพเดิมนั้นเป็นชาวอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เรียนหนังสือจบชั้นป.2 แล้วมาเรียนต่อที่วัดศรีดอนไชย เริ่มชีวิตอย่างแข็งแกร่ง ตั้งแต่เดินขายหนังสือพิมพ์ เล่มละ 1 บาท ลุยมาทุกอย่าง จนปัจจุบัน อายุย่าง 61 ปีก็ยังคงทำงานต่อเนื่อง ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มขึ้นในช่วงประมาณปี 2548 จนถึงปี 2562 รวม 14 ปี จากโครงการเล็กๆ กลางทุ่งนา จนปัจจุบันความเติบโตของโครงการเป็นแบบก้าวกระโดด ลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อแล้วอยู่เกือบทุกหลัง กลุ่มลูกค้าร้อยละ 90 เป็นคนในพื้นที่ อีกร้อยละ 10 เป็นต่างชาติและต่างจังหวัด

หากมองย้อนกลับไปจริงๆ แล้วไม่คิดว่าจะเข้าสู่เส้นทางอสังหาริมทรัพย์ เพราะเมื่อก่อนก็เป็นพ่อค้าขายของอยู่ในตลาดสมเพชร แต่นิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบลองตั้งแต่วัยรุ่น ขนาดพารามอเตอร์เห็นในโทรทัศน์เขาบินก็ยังอยากลอง สั่งซื้อมากจากฝรั่งเศสมาหัดเองบินเอง วันหนึ่งมันขึ้นไปอยู่บนฟ้าจะทำยังไงลงมา ซึ่งสมัยก่อนไม่มีครูต้องฝึกเองบินเอง จึงเริ่มต้นจากการไปช่วยงานของน้องชาย เลยคิดว่าน่าสนใจเมื่อได้ลงมือทำกลับกลายเป็นชอบจากนั้นจึงดำเนินธุรกิจมาจนถึงปัจจุบัน และยังได้ใช้พารามอเตอร์ให้เกิดประโยชน์ในการบินดูที่ดินอีกด้วย

มองให้ทะลุ ตัดสินใจให้เร็ว เน้นวิธีบริหารจัดการ

เทคนิคในการเลือกซื้อที่ดิน สำหรับตนแล้วนั้นที่ดินที่ใช่หรือไม่ใช่ มี 2-3 เรื่องที่จะนำมาพิจารณา คือ ราคาไม่แพง ทำเสร็จมีกำไรไหม ที่สำคัญต้องคิดว่าถ้าเราเป็นลูกค้ามิใช่ผู้ประกอบการ ต้องการซื้อบ้านหลังขนาดนี้ มีการคมนาคมสะดวก ถ้าเราสนใจแสดงว่านั่นคือใช่ นอกจากนั้นการซื้อขายที่ดินแต่ละผืนจะเร็วมาก เช่นโครงการ The S By Somwang หน้าตลาดสันป่าสัก อำเภอหางดง ใช้เวลาในการตัดสินใจใน 20 วินาที

จริงๆ แล้วไม่ใด้เป็นคนที่มีเงินเหลือ แต่จะใช้วิธีบริหารจัดการทั้งเรื่องที่ดินและการเงินมาช่วย อย่างการขาย โครงการ สมหวังพัฒนโรจน์ ตรงข้ามตลาดนัดขวัญเวียง ตึกแถว 20 ห้อง ขายพร้อมที่จอดรถหน้า-หลัง ราคา 1,xxx,xxx บาท ขายหมดแต่ไม่มีกำไรแถมขาดทุนนิดหน่อย แต่มีกำไรที่เป็นที่ดินด้านหลังทั้งหมด ปัจจุบันมี 2 โครงการขยายตัวได้แบบมีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการสมหวังรุ่งพิพัฒ และโครงการ The S By Somwang โครงการ “สมหวัง” เป็นบ้านราคาไม่แพง อยู่ในระดับ B+

ขยับจากบ้านสู่คอนโด เตรียมผุดอีก 27 ตึก

ปัจจุบันขยับสู่โครงการแนวสูง รูปแบบคอนโดมิเนียม ที่กำลังก่อสร้างแแห่งแรกขึ้น ในบริเวณโรงพยาบาลลานนา ชื่อโครงการ The s Tower (เดอะเอส ทาวเวอร์) จำนวนประมาณ 80 ยูนิต ถือเป็นโครงการนำร่อง โดยมองตลาดจากการที่โรงพยาบาลลานนาขยายตึกประกันสังคม จึงคิดว่าจะมีจำนวนพันกว่ายูนิตที่ต้องการที่อยู่อาศัย แต่เราสร้างคอนโด ราคา  1,500,000 บาท  พื้นที่ใช้สอย 30.5 ตารางเมตร มีห้องนอน ห้องนั่งเล่น จำนวน 80 ยูนิต และไม่ได้ทำการตลาด แต่สามารถขายได้เกินครึ่งจากการที่ไม่เคยสัมผัสในการทำคอนโดฯ การตอบรับของตลาดถือว่าใช้ได้ ต่อจากนั้นมีแผนก่อสร้างโครงการคอนโดฯ ในพื้นที่โครงการ The S By Somwang จำนวน 27 ตึกประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ระดับราคาประมาณ 1 ล้านบาท ไม่รวมเฟอร์นิเจอร์ที่ลูกค้าต้องตกแต่งเอง ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากบ้านประชารัฐ ของธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารออมสิน และรัฐบาลรองรับผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ทั้งนี้ลูกค้าทุกคนที่ให้ความไว้วางใจกับทุกโครงการบ้านสมหวัง “ซื้อบ้านต้องได้บ้าน มีน้ำ มีไฟ มิใช่ซื้อบ้านได้อากาศ” นี่เป็นสิ่งที่ยึดถือปฎิบัติ

บริหารแบบพี่น้อง ใช้ชีวิตให้สนุกกับการทำงาน

สำหรับหลักในการทำงาน ตนเองเป็นคนรักลูกน้องไม่เคยไล่ลูกน้องออก วันประชุมคนงานก่อสร้างกับตนถือว่าตัวเท่ากันคุยกันได้ทุกอย่าง และก็จะลุยทุกอย่างในโครงการกับทีมงาน แต่ก็จะมีทั้งข้อดีที่มีความมั่นคง ข้อด้อยคือเราอยู่แบบพี่ๆ น้องๆ การใช้ชีวิตทุกวันถือเป็นวันทำงาน เริ่มจากตื่นแต่เช้าไปซื้อผลไม้ให้กับภรรยา เพราะภรรยาเป็นแม่ค้าขายผลไม้ในตลาดสมเพชร ชีวิตทำงานไม่มีวันหยุด มีแต่พระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตก  บางครั้งทำงานจนลืม เช่น วันหยุดลูกน้องหยุดมาถึงสำนักงานเข้ามาทำงานที่ทำงานไม่ได้ มันถือว่าเป็นความเคยชิน มิใช่เรื่องลำบาก

อนาคตเมื่อเริ่มอิ่มตัวรุ่นต่อไปก็จะต้องเข้ามาดูแลและจะทำงานให้น้อยลงในเรื่องของการทำโครงการที่อาจจะน้อยลง หันไปบริหารเงินให้ทำงานแทน อาทิ การซื้อขายที่ดิน เพราะในสมัยก่อนชอบไปซื้อที่ของบังคับคดี ที่ดินในตอกซอกซอยจึงมีเก็บไว้เยอะ ก็จะเอาไว้ขาย เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ และเมื่อเราจากโลกนี้ไปทุกอย่างก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว ฉะนั้นจึงไม่ต้องคิดอะไรมากเลย

เรื่องราวการต่อสู้ของชายชื่อ สมหวัง อัตประชา ทั้งหมดในหน้ากระดาษนี้ เชื่อว่าจะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและแนวทางการดำเนินธุรกิจตลอดจนถึงการใช้ชีวิตในปัจจุบันกระทั่งวินาทีที่จากโลกนี้ไป ซึ่งแฝงไว้ด้วยแง่คิดหลายหลายและยังสามารถนำไปประยุกต์ไปใช้ได้เป็นอย่างดี...