วิเคราะห์ราคาขาย-เช่าคอนโดสี่พระยา บางรัก

ครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีข่าวสารอสังหาฯ มากมาย ทั้งการกระหน่ำโปรฯ กระตุ้นการขาย การปรับเปลี่ยนทิศทางของแบรนด์อสังหาฯ การที่ธนาคารปล่อยแพ็คเกจสินเชื่อต่างๆ และที่ดูจะสร้างความสับสนและกังวลที่สุดก็คือข่าวเรื่องประกาศ LTV&nbsp; ของธนาคารแห่งประเทศไทยนั่นเอง ข่าวสารเหล่านี้ส่งผู้ต่อความสนใจและความต้องการ (Demand) ของผู้บริโภคทั้งสิ้น&nbsp;

วันนี้ Baania นำข้อมูลความสนใจในโครงการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ - ปริมณฑลในช่วงเดือน มกราคม - พฤษภาคม 2562 จากฐานข้อมูลเทคโนโลยี B pulse เป็นการเฝ้าจับตาอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ด้วย Robot เพื่อการเข้าใจในสถานการณ์ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งพบว่า พื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับการค้นหาทางโลกออนไลน์มากที่สุด โดยกวาดไป 44% และรองลงมาคือนนทบุรี และสมุทรปราการ ตามลำดับ 
<img alt="" src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/Screen Shot 2562-07-24 at 17.33.42.png" style="height:680px; width:1203px" /> 
จากภาพจะเห็นว่าจังหวัดที่ได้รับการค้นหา 3 อันดับแรก เป็นจังหวัดที่มีความพร้อมในการอยู่อาศัย เป็นพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาแล้ว ทั้งการคมนาคม แหล่งงานสำคัญ และสิ่งอำนวยความสะดวก ที่สำคัญที่อาศัยมีหลากหลายรูปแบบและมีจำนวนมาก รวมถึงตัวแบรนด์อสังหาฯ ก็มีการประชาสัมพันธ์ทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคด้วย

ความสนใจโครงการที่อยู่อาศัย 
<img alt="" src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/Screen Shot 2562-07-24 at 17.34.13.png" style="height:640px; width:1085px" />

เมื่อมาเจาะพื้นที่ที่ผู้บริโภคสนใจเทียบกับปีที่แล้ว(2561) ในช่วงเดียวกันจะพบว่า พื้นที่ธรรมศาสตร์รังสิตได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นสูงที่สุดถึง 87% ส่วนหนึ่งมาจากการเป็นพื้นที่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งเป็นแหล่งสถานศึกษาสำคัญ และยังมีเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ที่จะมาลงในโซนนี้ อีกทั้งคาดว่าในปี 2563 รถไฟฟ้าสีแดงและสีเขียวเข้มจะเปิดให้บริการด้วย และอันพื้นที่ที่ดูจะร่วงจากความสนใจของผู้คนมากที่สุดก็คือ พื้นที่กิ่งแก้ว - บางนา ซึ่งร่วงมา 38%&nbsp; ด้วยทำเลที่เริ่มฮอต จึงส่งผลให้ราคาสูงขึ้นไม่เบา

และข้อมูลที่น่าสนใจหนึ่งก็คือพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เด่นขึ้นมาเท่าไร แต่พื้นที่รอบข้างกรุงเทพฯ คนกลับให้ความสนใจเพิ่มขึ้นมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น ธรรมศาสตร์รังสิต แพรกษา-สมุทรปราการและสำโรงที่ตัวเลขความสนใจเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนเริ่มสนใจพื้นที่รอบกรุงเทพฯ กันมากขึ้น ซึ่งอาจมาจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคมที่สะดวกขึ้น และราคาที่ต่ำลงมา เป็นต้น 
 
ปัจจัยที่สนับสนุนการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ปี 62 
<img alt="" src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/IMG_8842.JPG" style="height:1536px; width:1216px" /> 
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ทำการสำรวจความต้องการการซื้อที่อยู่อาศัยปี 2562 ของผู้เข้าร่วมมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 40 ในเรื่องของปัจจัยที่สนับสนุนการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย พบว่า 
อันดับที่ 1 ทำเล เช่น ที่ตั้งโครงการมีการคมนาคมที่สะดวก ใกล้แหล่งความเจริญ ใกล้สถานที่สำคัญ&nbsp; 
อันดับที่ 2 การบริการ เช่น การรักษาความปลอดภัย ระบบสาธารณูปโภค บริการหลังการขาย 
อันดับที่ 3&nbsp; ราคา เช่น ราคา โปรโมชั่น ของแถม 
อันดับที่ 4 การก่อสร้าง เช่น แบบบ้านสวย การจัดวางพื้นที่ใช้สอย วัสดุ 
อันดับที่ 5 สินเชื่อ เช่น อัตราดอกเบี้ยเหมาะสม วงเงินกู้

 
จากภาพรวมที่เล่ามาทั้งหมดสามารถสรุปได้ว่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคเริ่มที่จะให้ความสนใจค้นหาบ้านในพื้นที่โดยรอบกรุงเทพฯ กันมากขึ้น โดยปัจจัยที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อเป็นอันดับต้นๆ ก็คือเรื่องของทำเลและพื้นที่ตั้งของโครงการนั่นเอง หากใครที่กำลังสนใจเรื่องข้อมูลความต้องการของผู้ซื้ออยู่ล่ะก็สามารถอ่านได้ที่ <a href="https://baania.com/th/articles/10867/10868" target="_blank">Baania.com</a>

ความสนใจในการซื้อที่อยู่อาศัยไทยครึ่งปีแรก ปี 62

จากขนาดพื้นที่ &nbsp;ศักยภาพด้านการลงทุน และตัวเลขรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากร อยู่ที่ประมาณ​107,607 บาท (ตัวเลขปี 2559) ทำให้ “ขอนแก่น” เป็นหนึ่งในจุดหมายจังหวัดน่าลงทุน โดยเม็ดเงินนั้นทั้งจากนักลงทุนท้องถิ่นและจากกรุงเทพฯ​และปริมณฑล

วันนี้ขอนแก่น มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่เกิดขึ้นมากกว่า 6 แห่ง เช่น เซ็นทรัลขอนแก่น เป็นต้น ในส่วนตลาดที่อยู่อาศัยก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ส่องทำเลบ้านขายดี สองจังหวัดภาคอีสาน “ขอนแก่น-มหาสารคาม” พบจากจำนวนหน่วยที่พัฒนาสามารถ “ขายได้” เกินครึ่ง

ทำเลบ้านจัดสรร ในจังหวัดขอนแก่นที่ขายดีมากที่สุด 5 อันดับแรก โดยดูจากสัดส่วนที่ขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการ ได้แก่ 1.ทำเลท่าพระ ขายได้ร้อยละ 94.2 มูลค่าขายได้ 737 ล้านบาท

&nbsp;2.ทำเล ม.ขอนแก่น ร้อยละ 70.5 มูลค่าที่ขายได้ 3,042 ล้านบาท

3.ทำเลกสิกร-ทุ่งสร้าง ขายได้ร้อยละ 67.1 มูลค่าที่ขายได้ 593 ล้านบาท

4. ทำเลบึงหนองโคตร ขายได้ร้อยละ 65.7 มูลค่าที่ขายได้ 1,201 ล้านบาท และ 5) ทำเลบึงแก่นนคร ขายได้ร้อยละ 64.2 มูลค่าที่ขายได้ 3,060 ล้านบาท

ส่วนทำเลอาคารชุด ในจังหวัดขอนแก่นที่ขายดี วัดจากสัดส่วนที่ขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการ และเรียงลำดับจากสัดส่วนที่ขายได้มากที่สุด ได้แก่

ทำเลกสิกร-ทุ่งสร้าง ขายได้ร้อยละ 78.2 มูลค่าขายได้ 84 ล้านบาท , ทำเล ม.ขอนแก่น ขายได้ร้อยละ 76.4 มูลค่าที่ขายได้ 1,703 ล้านบาท, ทำเลบึงแก่นนคร ขายได้ร้อยละ 70.9 มูลค่าที่ขายได้ 1,627 ล้านบาท และทำเลบึงหนองโคตร ขายได้ร้อยละ 59.1 มูลค่าที่ขายได้ 256 ล้านบาท

รายงานจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ พบว่า &nbsp;โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดขอนแก่น มีจำนวน 65 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 7,531 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 27,216 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 2,921 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 10,767 ล้านบาท

แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 54 โครงการ มีจำนวนหน่วย 5,491 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 22,077 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 2,379 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 9,298 ล้านบาท โครงการอาคารชุด จำนวน 11 โครงการ มีจำนวนหน่วย 2,040 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 5,139 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 542 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 1,470 ล้านบาท

หน่วยเหลือขายโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด จำนวน 2,921 หน่วย เป็นบ้านเดี่ยวมากที่สุด ร้อยละ 48.4 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 - 5 ล้านบาท รองลงมาเป็นอาคารชุดร้อยละ 18.6 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 1.5 - 2 ล้านบาท เป็นบ้านแฝดร้อยละ 17.3 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2 – 5 ล้านบาท เป็นทาวน์เฮ้าส์ร้อยละ 10.7 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท เป็นอาคารพาณิชย์ ร้อยละ 4.5 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 - 5 ล้านบาท ที่เหลือเป็นที่ดินเปล่า ตามลำดับ

&nbsp;

ส่องทำเลฮอต “มหาสารคาม”

โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดมหาสารคาม มีจำนวน 23 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 2,182 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 6,373 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 933 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 2,551 ล้านบาท

จากตัวเลขดังกล่าว แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 19 โครงการ มีจำนวนหน่วย 1,949 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 6,074 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 779 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 2,334 ล้านบาท และโครงการอาคารชุด จำนวน 4 โครงการ มีจำนวนหน่วย 233 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 299 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 154 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 217 ล้านบาท

หน่วยเหลือขายโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด จำนวน 933 หน่วย เป็นบ้านเดี่ยวมากที่สุด ร้อยละ 40.0 &nbsp;โดยมากเกาะกลุ่ม ในระดับราคา 3 - 5 ล้านบาท

รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ ร้อยละ 38.2 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท เป็นอาคารชุด ร้อยละ 16.5 ส่วนใหญ่เกาะกลุ่มราคาในระดับราคา 1 – 1.5 ล้านบาท แยกเป็นอาคารพาณิชย์ ร้อยละ 3.6 &nbsp;เกาะกลุ่มในระดับราคา 5 – 7.5 ล้านบาท ที่เหลือเป็น ที่ดินเปล่าตามลำดับ

ทำเลบ้านจัดสรรขายดีในจังหวัดมหาสารคาม วัดจากสัดส่วนที่ขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการ และเรียงลำดับจากสัดส่วนที่ขายได้มากที่สุด ได้แก่ ทำเลเมืองมหาสารคาม ขายได้ร้อยละ 65.5 มูลค่าขายได้ 2,865 ล้านบาท และทำเลกันทรวิชัย ขายได้ร้อยละ 51.5 มูลค่าที่ขายได้ 876 ล้านบาท ตามลำดับ

ส่วนทำเลอาคารชุดได้แก่ ทำเลเมืองมหาสารคาม ขายได้ร้อยละ 39.6 มูลค่าขายได้ 61 ล้านบาท และทำเลกันทรวิชัย ขายได้ร้อยละ 22.8 มูลค่าที่ขายได้ 20 ล้านบาท ตามลำดับ

รายงานสรุปผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยของทั้ง “ขอนแก่น-มหาสารคาม” เป็นตัวเลขที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2561

&nbsp;

ส่องกำลังซื้อบ้าน ‘ขอนแก่น-มหาสารคาม’

‘สีลม-สามย่าน’ กำลังจะเปลี่ยนไป  

Market Report

แม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ในบ้านเราดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มีอะไรการันตีว่าประเทศไทยจะไม่มีโอกาสเข้าระยะที่ 3 ของการแพร่ระบาด แล้วสถานพยาบาลในบ้านเราเพียงพอต่อการให้บริการหรือไม่ ถ้ามองดูตัวอย่างจากต่างประเทศที่มีการระบาดหนัก โรงพยาบาลเดิมมักจะไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ แล้วจะทำยังไงหากเกิดปัญหานี้ในไทย จะให้สร้างโรงพยาบาลใหม่ก็อาจจะไม่ทันการณ์ Baania ขอแนะนำแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ด้วย "CURA" ตู้คอนเทรนเนอร์ที่ถูกเปลี่ยนสภาพมาเป็นห้องดูแลผู้ติดเชื้อ ซึ่งจะมีหน้าตาเป็นยังไงมาดูกันครับ
<h2>CURA คืออะไร?</h2>
CURA เป็นตู้คอนเทรนเนอร์ที่ถูกดัดแปลงมาให้เป็นห้องดูแลผู้ติดเชื้อ (Intensive-Care Units, ICU) โดยคำว่า CURA มาจากคำว่า "Connected Units for Respiratory Ailments" และเป็นคำว่า "รักษา" ในภาษาลาติน CURA ถูกออกแบบโดยสตูดิโอของสถาปนิกขาวอิตาลี Carlo Ratti Associati และ สถาปนิก Italo Rota รวมไปถึง สตูดิโอวิศวกร Jacobs และ ดิจิตอลสตูดิโอ Squiny/Opera ผู้ผลิตวีดีโออธิบายแนวคิดของโปรเจคนี้ รวมไปถึงทีมงานอื่นๆจากอีกหลายแห่ง โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาเพื่อตอบสนองความขาดแคลนห้องดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลและต้องการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1587448655890-CURA-3.jpg" alt="" width="1020" height="442" />
CURA ถูกสร้างขึ้นจากตู้คอนเทรนเนอร์ขนาดยาว 6.05 กว้าง 2.44 เมตร และสูง 2.59 เมตร ยูนิตต้นแบบถูกสร้างและติดตั้งครั้งแรกที่เมืองตูริน อิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่มีการระบาดของเชื้อโควิด-19 ค่อนข้างมาก
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1587448688978-CURA-2.jpg" alt="" />
ไอเดียเบื้องต้นของ CURA คือการสร้างสิ่งก่อสร้างชั่วคราวที่สามารถติดตั้งได้จำนวนมากๆคล้ายกับเต็นท์พยาบาลแต่ผลิตด้วยวัสดุที่ดีขึ้นและสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสได้ (biocontainment with negative pressure) โดยยูนิตแต่ละยูนิตตะถูกสร้างขึ้นด้วยตู้คอนเทรนเนอร์ที่ถูกนำกลับมาใช้งานใหม่ โดยออกแบบให้เป็นห้อง Negative Pressure Room สำหรับการใช้เป็นห้องพักสำหรับผู้ติดเชื้อ อาทิ Ebola, Sars รวมถึง Covid-19 ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กันในโรงพยาบาลและห้องแล็ปทั่วไป ตามมาตรฐาน Airborne Infection Isolation Rooms (AIIRs) และการที่มันเป็นตู้คอนเทรนเนอร์อยู่แล้ว ทำให้สามารถขนส่งด้วยเรือและรถบรรทุกได้ง่าย
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1587448755952-CURA-6.jpg" alt="" width="1020" height="491" />
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1587448713028-CURA-1.jpg" alt="" width="1020" height="549" />
แต่ละยูนิตสามารถใส่อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อทำเป็นห้องรักษาหรือห้องพักต่างๆได้ ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับยูนิตอื่นเพื่อทำเป็นยูนิตที่ใหญ่ขึ้นได้ด้วย โดยสามารถวางยูนิตต่อเพิ่มออกมาจากโรงพยาบาลเดิมในพื้นที่โล่งอย่างที่จอดรถและสวนหรือวางยูนิตแยกออกมาในสนามของโรงพยาบาลเพื่อให้สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพิ่มมากขึ้น
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1587448780165-CURA-4.jpg" alt="" width="1020" height="576" />
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1587448799499-CURA-5.jpg" alt="" width="1020" height="365" />
CURA เป็นโปรเจคที่ไม่แสวงหากำไรและเปิดให้ทุกคนและทุกประเทศสามารถนำไอเดียของ CURA ไปใช้เพื่อรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดต่างๆได้ โดยคนที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ <a href="https://curapods.org/" target="_blank" rel="noopener">https://curapods.org</a> ซึ่งจะมีไฟล์บอกรายละเอียดต่างๆรวมทั้งแบบก่อสร้างที่สามารถนำไปใช้จริงได้ให้ดาวน์โหลดกันได้ด้วย ก็นับว่าน่าสนใจมากทีเดียว อาจจะตอบโจทย์ได้มากกว่าการสร้างอาคารในโรงพยาบาลเพิ่มเติมก็ได้
ที่มา:
<ul>
<li><a href="https://curapods.org/" target="_blank" rel="noopener">https://curapods.org</a></li>
<li><a href="https://www.dezeen.com/2020/03/24/shipping-container-intensive-care-units-coronavirus-covid-19-carlo-ratti/" target="_blank" rel="noopener">https://www.dezeen.com</a></li>
</ul>

แก้ปัญหาโรงพยาบาลไม่เพียงพอด้วย "CURA" รับมือ Covid-19

ปัจจุบัน ฟู้ดทรัค (Food Truck) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมของคนที่อยากเปิดร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยความที่มันสะดวกในการเคลื่อนย้ายร้านหรือการลดต้นทุนในการทำธุรกิจเมื่อเทียบกับการเปิดร้านแบบเดิมๆที่อาจมีค่าใช้จ่ายในการตกแต่งร้านเยอะกว่า อย่างไรก็ตามด้วยการที่มันยังเป็นรถยนต์ มันก็ย่อมมีการปล่อยควันจากท่อไอเสีย งั้นจะดีแค่ไหนถ้าฟู้ดทรัคจะหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม Baania&nbsp;ขอแนะนำโปรเจครักษ์โลกของทาง Nissan จะเป็นยังไงบ้าง มาดูกันครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/ICECREAM_VAN-1.jpg" alt="" />
<h2>ฟู้ดทรัคประเทศญี่ปุ่นที่ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า</h2>
Nissan ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับ Mackie's of Scotland ผู้ผลิตไอศกรีม ได้ร่วมมือกันออกแบบรถแวน e-NV200 รถไอศกรีมฟู้ดทรัคที่ปล่อยมลพิษเท่ากับศูนย์ (Zero-Emissions Vehicle : ZEV) โดยใช้พลังงานจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่และเป็นการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม โดยเมื่อเทียบกับโมเดลของรถยนต์รุ่นเก่านั้นจะใช้พลังงานจากน้ำมัน ทั้งยังต้องติดเครื่องไว้ตลอดเพื่อให้ตู้แช่เย็นสามารถทำงานได้ ทำให้เกิดมลพิษและการกระตุ้นให้เกิดภาวะเรือนกระจกที่กำลังเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ
<img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/ICECREAM_VAN-3.jpg" alt="" />
Kalyana Sivagnam ตำแหน่ง managing director ของ Nissan Motor Great Britain กล่าวเกี่ยวกับโปรเจคนี้ว่า "ไอศกรีม เป็นสิ่งที่ทำให้โลกนี้มีความสุข แต่ผู้บริโภคมีการระมัดระวังเพิ่มขึ้นถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการที่พวกเราผลิตมันขึ้นมา และสิ่งที่เราทำล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือโปรเจคนี้ซึ่งเป็นการสาธิตให้เห็นถึงกลยุทธ์ทางด้านรถยนต์อัจฉริยะของ Nissan และยิ่งไปกว่าการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและความก้าวหน้าในการผลิตแบตเตอรี่ เพื่อสร้างทางเลือกในการสร้างพลังงานสะอาดขึ้นมาใช้งานต่อไป สิ่งที่ผู้บริโภคอาจจะคิดไม่ถึงจากการลดการปล่อยควันจากท่อไอเสียรถยนต์และการใช้พลังงานหมุนเวียนที่นำกลับมาใช้ใหม่ เราก็จะสามารถช่วยกันสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนได้"
รถ e-NV200 มีการใส่แบตเตอรี่ความจุ 40 kWh มาไว้ในรถสำหรับให้พลังงานรถยนต์ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆในรถใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่เรียกว่า&nbsp;"Nissan Energy ROAM" แบตเตอรี่แบบ Portable ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้และสามารถชาร์ทพลังงานเข้าไปซึ่งจะเชื่อมต่อกับแผงโซล่าเซลล์ที่ติดอยู่บนหลังคารถ โดยออกแบบมาให้ใช้แบตเตอรี่ 2 ก้อน ที่จะความจุ 1.4 kWh และ ปล่อยพลังงานได้ 1 kW โดย Nissan Energy ROAM จะเปิดตัวในยุโรปในปี 2019 นี้พร้อมประกาศราคา ซึ่งจะมีประโยชน์มากสำหรับใครที่ต้องการพกพาแบตเตอรี่ไปใช้ข้างนอก เช่น เวลาไปแคมป์หรือกิจกรรมต่างๆที่ต้องใช้ไฟฟ้าภายนอกบ้าน
<img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/ICECREAM_VAN-4.jpg" alt="" />
รถยนต์ฟู้ดทรัคที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและปล่อยมลพิษเป็นศูนย์นี้จะเปิดตัวที่งาน "Clean Air Day" ที่ประเทศอังกฤษ ในเดือนมิถุนายน 2019 นี้ และจะเปิดขายในฝั่งประเทศยุโรป พร้อมด้วยแบตเตอรี่รุ่นใหม่ ทั้งนี้ราคาจะประกาศต่อไป นอกจากนี้ Nissan ยังบอกอีกว่าลูกค้าได้ให้ความสำคัญกับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น และรถ e-NV200 ก็ได้รับการออเดอร์กว่าหมื่นคันแล้ว แสดงให้เห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นสำหรับการเลือกใช้รถยนต์ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงลดการก่อมลพิษซึ่งเป็นการช่วยรักษ์สิ่งแวดล้อมในอีกทางหนึ่งด้วย
<img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/ICECREAM_VAN-2.jpg" alt="" />
ในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจจะไม่ได้เห็นฟู้ดทรัคที่เป็นรถยนต์ที่วิ่งด้วยน้ำมันแต่จะเปลี่ยนมาใช้พลังงานจากไฟฟ้าแทนก็ได้นะครับ ถ้ามีผู้ผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกในราคาที่เทียบเท่ากับรถทั่วไปได้ มันก็คงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
<a href="https://baania.com/th/articles/10880/10882" target="_blank" rel="noopener"><img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/CTA_TECH_TREND.png" alt="" /></a>
ที่มาบทความและรูปภาพ:
<a href="https://electrek.co/2019/06/24/nissan-electric-van-zero-emission-ice-cream-truck" target="_blank" rel="noopener">https://electrek.co/2019/06/24/nissan-electric-van-zero-emission-ice-cream-truck</a>

“Nissan e-NV200” ฟู้ดทรัคที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนน้ำมัน

"เพราะเรื่องการกินเป็นเรื่องใหญ่" ปัจจุบันกระแสรักสุขภาพกำลังเป็นที่สนใจของสังคม หลายคนจึงให้ความสำคัญกับการทานอาหารมากขึ้น ยิ่งกับผู้สูงอายุยิ่งต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขึ้นเพราะเป็นวัยที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคเบาหวานหรือโรคอื่นๆตามมา การเลือกทานอาหารจึงต้องมีการควบคุมปริมาณและเลือกทานแต่ของที่มีประโยชน์ Baania มีเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่นที่จะช่วยให้การทานอาหารของคุณและครอบครัวเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นและแถมยังเป็นอาหารที่รักสุขภาพอีกด้วย
ทานให้ถูกสัดส่วนด้วยเครื่องวัดแคลอรี่อาหาร
<img style="height: 861px; width: 1020px;" src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/JAPAN_TECH_FOREAT-6.jpg" alt="CaloRieco " />
CaloRieco เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้คุณทราบถึงสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และแคลอรี่โดยรวมของอาหาร พัฒนาโดยคุณ Hiroyuki Kaizo และ Kazuhiro Ochi จากประเทศญี่ปุ่น มันถูกพัฒนามาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเบาหวานให้สามารถจัดการอาหารที่ทานให้มีปริมาณที่เหมาะสมและสำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วนเพื่อสุขภาพ อุปกรณ์นี้ทำงานด้วยการใช้รังสีอินฟราเรทซึ่งสามารถช่วยตรวจสอบอาหารได้อย่างแม่นยำและใช้เวลาไม่นาน ช่วยลดความยุ่งยากจากเดิมที่ต้องมีการชั่งตวงอาหาร
นอกจากนี้ CaloRieco ยังถูกออกแบบให้สามารถเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นในมือถือหรือโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยคุณบันทึกข้อมูลอาหารที่คุณทานในแต่ละวัน รวมทั้งการแนะนำอาหารและแคลอรี่ที่คุณต้องการในแต่ละวัน ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นพัฒนาเพื่อนำมาใช้จริง
ใครเบื่ออาหารเหลว ลองเครื่องทำให้อาหารนุ่มลง
<img style="height: 861px; width: 1020px;" src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/JAPAN_TECH_FOREAT-2.jpg" alt="DeliSofter" />
DeliSofter เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยทำให้อาหารนุ่มขึ้น พัฒนาโดยคุณ Tokie Mizuno, Megumi Ogawa และ Masaru Toya จากประเทศญี่ปุ่น มันถูกพัฒนามาสำหรับผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถทานอาหารที่มีลักษณะแข็งหรือต้องทานเฉพาะอาหารเหลวสามารถทานและกลืนอาหารได้ง่ายมากขึ้น สามารถทานเนื้อสัตว์อย่างหมูและปลาได้โดยที่หน้าตาของอาหารไม่เปลี่ยนไป ทำให้พวกเขาสามารถรวมรับประทานอาหารพร้อมกับเพื่อนและครอบครัวโดยที่ไม่ต้องแยกไปทานอาหารแบบอื่น ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็ก สามารถวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัวหรือพักพาไปสำหรับมื้ออาหารนอกบ้าน โดยสามารถปรับระดับความนุ่มของอาหารที่ต้องการได้และใส่อาหารได้พร้อมกันถึง 3 จานเลยทีเดียว
ทำซุปมิโซะทานด้วยตัวเอง ร่วมแบ่งบันสูตรอาหาร
<img style="height: 460px; width: 1020px;" src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/JAPAN_TECH_FOREAT-3.jpg" alt="Ferment 2.0 " />
Ferment 2.0 เป็นรูปแบบการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพด้วยการเลือกทานมิโซะที่มีการพัฒนารูปแบบให้คุณสามารถสั่งซื้อและทำเองได้ที่บ้าน โดยมิโซะ เป็นเครื่องปรุงรสที่ทำมาจากถั่วเหลืองและธัญพืชที่ผ่านกรรมวิถีหมักและบ่มจนได้ที่ ในมิโซะมีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยสลายและการดูดซึมโปรตีน ทั้งยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย นักพัฒนาจากญี่ปุ่นและพาร์ทเนอร์จาก Marukome Co.,Ltd. ร่วมกันพัฒนา &ldquo;Misoball&rdquo; หรือมิโซะปั้นก้อน ที่สามารถทำได้ง่ายๆด้วยตัวเองและทานได้ง่ายเพียงเติมน้ำร้อนลงไป
<img style="height: 574px; width: 1020px;" src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/JAPAN_TECH_FOREAT-5.jpg" alt="Ferment 2.0 " />
ขั้นตอนง่ายๆเริ่มต้นจากการสั่งซื้อ Miso Making Kit Deliver Service ชุดเริ่มต้นที่จะมีมิโซะและวัตถุดิบพื้นที่ใช้ทำมิโซะ และเมื่อลงทะเบียนกับกลุ่ม Miso Ball Club ก็จะได้เครื่องวัดอุณหภูมิสำหรับการหมักมิโซะที่สามารถเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นที่จะคอยบอกสถานะของมิโซะ ก่อนจะนำมิโซะไปปั้นเป็นก้อนกลมๆเก็บไว้เตรียมรับประทาน ซึ่งเราสามารถผสมวัตถุดิบต่างๆเข้ากับมิโซะบอลได้อีกหลากหลาย โดยสามารถเลือกสั่งเซ็ตวัตถุต่างๆที่เขาจัดมาให้ก็ได้ หรือจะค้นหาสูตรผสมจากกลุ่มที่พูดคุยผ่านกลุ่มแชทที่สมาชิกจะนำสูตรมาแชร์กัน รวมทั้งการหาสูตรจากอินเตอร์เน็ตหรือหนังสือสูตรก็มีขายตามร้านทั่วไป ช่วยให้คุณและครอบครัวเกิดความสนุกสนานในการทำอาหาร ได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และสร้างสังคมคนทานอาหารเพื่อสุขภาพขึ้นมา
<img style="height: 921px; width: 1020px;" src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/JAPAN_TECH_FOREAT-4.jpg" alt="Ferment 2.0 " />
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการนำเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะช่วยให้คุณและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตและเป็นคนรักสุขภาพมากยิ่งขึ้น ใครที่กำลังลังเลไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี ลองเริ่มจากการลดการทานอาหารที่หวาน มัน เค็ม และงดพวกน้ำหวานน้ำอัดลมก่อน รับรองว่าจะช่วยคุณได้เยอะแน่นอน แล้วอย่าลืมออกกำลังกายควบคู่ไปกับการทานอาหารด้วยนะครับ
<a href="https://baania.com/th/articles/10880/10882" target="_blank" rel="noopener"><img style="height: 200px; width: 1020px;" src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/CTA_TECH_TREND.png" alt="อ่านบทความ Tech &amp; Trends เพิ่มเติมได้ที่นี่" /></a>
ที่มาบทความและรูปภาพ:
<a href="https://gccatapult.panasonic.com/en/ideas/calorieco.php" target="_blank" rel="noopener">https://gccatapult.panasonic.com/en/ideas/calorieco.php</a> <a href="https://gccatapult.panasonic.com/en/ideas/delisofter.php" target="_blank" rel="noopener">https://gccatapult.panasonic.com/en/ideas/delisofter.php</a> <a href="https://gccatapult.panasonic.com/en/ideas/ferment2.php" target="_blank" rel="noopener">https://gccatapult.panasonic.com/en/ideas/ferment2.php</a>

ทานอาหารแบบคนรักสุขภาพกับเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น

ชิคาโก้เป็นเมืองใหญ่ที่ขึ้นชื่อไปด้วยตึกและอาคารที่มีประวัติยาวนาน ผสมผสานความคลาสสิคละความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างเป็นระบบระเบียบ และโดดเด่นไม่แพ้เมืองอื่นๆ ด้วย Skyline อันเลื่องชื่อ ฉะนั้นแล้วเราจึงพลาดไม่ได้ที่จะพาคุณไปชมสถาปัตยกรรมอันสวยงามตามริมแม่น้ำในแบบ Chicago Architecture River Cruise ด้วยเรือของ Shoreline Sighseeing ซึ่งสามารถเลือกขึ้นได้จาก ในตัวเมือง Michigan Avenue หรือ Navy Pier โดยทริปของเราในวันนี้เริ่มขึ้นจากที่ Michigan Avenue ที่อยู่เพียงไม่กี่ก้าวจาก Apple Michigan Avenue ใจกลางเมืองครับ &nbsp; <img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/chicago_michigan_ave_pioneer_court_front_entrance.0.jpg" alt="" />
<img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/chicago_michigan_ave_front_entrance_glass_detail.jpg" alt="" />
Apple Store แห่งนี้ได้รับการออกแบบด้วยโจทย์ที่ท้าทายมาก นั่นคือการเชื่อม North Michigan Avenue, Pioneer Court และแม่น้ำชิคาโก้เข้าด้วยกัน และสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ใหม่ของ Apple ที่ต้องการให้พื้นที่แห่งนี้เป็นที่ซึ่งประชาชนสามารถเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจ และเสริมทักษะให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมที่ทางร้านจัดขึ้นได้ <img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/IMG_2376.jpg" alt="" />
และแล้วก็ถึงเวลาที่เรือของเราจะออกจากท่า Michigan Avenue จะมีแลนด์มาร์คที่สำคัญอะไรบ้างนั้น ไปดูพร้อมกันเลยครับ <img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/1_42.jpg" alt="" />
<ul>
<li>Navy Pier&nbsp;สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของชิคาโก้&nbsp;อยู่บริเวณทะเลสาบมิชิแกน มีชิงช้าสวรรค์ให้นั่งเพื่อดูทัศนียภาพสวยๆ หรือจะล่องเรือชมทะเลสาบมิชิแกนก็มีบริการครับ</li>
<li>Aon Center&nbsp;ได้รับการออกแบบโดยบริษัทสถาปนิก เอ็ดเวิร์ด ดูเรล สโตนและหุ้นส่วน เพอร์กินส์แอนด์วิล ตัวอาคารได้รับการบริหารจัดการโดย โจนส์ แลงจ์ ลาแซล ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ภายในอาคารด้วย เอออนเซนเตอร์เดิมเป็นสำนักงานใหญ่ของเอออนและเอโมโค แต่ปัจจุบันมีเพียงการดำเนินงานของเอออนที่ยังคงมีสำนักงานใหญ่ที่นี่ ด้านการออกแบบมีความคล้ายคลึงกับตึกเฟิสต์คะเนเดียนเพลซ (ตึกที่สูงที่สุดในแคนาดา) ในเมืองโทรอนโต แคนาดา โดยความแตกต่างหลักมีเพียงตำแหน่งของหน้าต่างภายนอกเท่านั้น</li>
</ul>
 <a href="http://baania.com/th/bangkok" target="_blank" rel="noopener"><img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/Bangkok_1.jpg" alt="" /></a>
<ul>
<li>John Hancock Center เป็นตึกระฟ้าในอเมริกาซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 24 ของโลก โดยมีความสูง 344 เมตร หรือ 1,127 ฟุต และมีทั้งหมด 100 ชั้น มีพื้นที่กว่า 2 แสน 6 หมื่นตารางเมตร ซึ่งใช้เป็นที่พักอาศัย ภัตตาคารและสำนักงาน​</li>
</ul>
<img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/2_62.jpg" alt="" />
<ul>
<li>NBC Tower ตึกสำนักงาน NBC ที่มีความสูงถึง 627 ฟุตและมีทั้งหมด 37 ชั้น&nbsp;</li>
<li>Chicago Tribune Tower&nbsp;เป็นหนังสือพิมพ์รายวันของบริษัททริบูนพับบลิชชิงก่อตั้งใน ค.ศ. 1847 เดิมมีชื่อว่า "เวิลส์เกรเทสต์นิวส์เปเปอร์" (ต่อมาเป็นชื่อของสถานีวิทยุและโทรทัศน์&nbsp;WGN)&nbsp;ชิคาโกทริบูนเป็นหนังสือพิมพ์รายวันที่มีนักอ่านมากที่สุดในชิคาโกและบริเวณเกรตเลกส์&nbsp;และเป็นหนังสือพิมพ์อันดับที่แปดในสหรัฐอเมริกา มีความโดดเด่นไม่แพ้ใครเลยครับ</li>
<li>Wrigley Building ตึกของบริษัทหมากฝรั่งชื่อดัง Wrigley&nbsp;ตึกปูด้วยกระเบื้องขาว ยิ่งตอนกลางคืนกระเบื้องจะสะท้อนไฟ จนกลายเป็นตึกขาวสว่างเห็นได้ชัดเจน</li>
</ul>
<img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/3_39.jpg" alt="" />
<ul>
<li>Leo Burnett Building ด้วยความสูง&nbsp;50 ชั้น หรือกว่า&nbsp;635 ฟุต สร้างขึ้นในปี 1989&nbsp;มีความโดดเด่นจากการออกแบบหน้าต่างที่เรียกได้ว่าเป็นสไตล์แบบชิคาโกของแท้</li>
<li>IBM Building ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง&nbsp;Ludwig Mies van der Rohe ซึ่งเขาได้เสียชีวิตก่อนที่ตึกจะถูกสร้างขึ้น&nbsp;มีจำนวนทั้งหมด 52 ชั้น ตั้งอยู่ริมแม่น้ำชิคาโก&nbsp;</li>
</ul>
<a href="http://baania.com/th/chiang-mai" target="_blank" rel="noopener"><img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/ChiangMai_0.jpg" alt="" /></a>
<ul>
<li>Marina City เป็นตึกที่ผสมผสานทั้งที่อยู่อาศัยและการค้า สร้างเสร็จในปี 1968 ด้วยรูปทรงที่สวยงามแปลกตา มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก</li>
<li>LaSalle-Wacker Building &nbsp;หนึ่งใน skyscrapper ที่มีความสูงถึง&nbsp;41 ชั้น หลายๆ ท่านอาจจะเคยเห็นตึกนี้จากในภาพยนต์ดังอย่างเช่น&nbsp;Batman Begins&nbsp;</li>
</ul>
<img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/4_26.jpg" alt="" />
<ul>
<li>Reid Murdoch Building สร้างขึ้นในปี 1941 มีทั้งหมด 7 ชั้นและได้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์แห่งชาติอเมริกันว่าเป็นตึกเก่าแก่แห่งหนึ่งในปี 1975</li>
<li>Merchandise Mart เคยถูกจัดอันดับให้เป็นตึกที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 1930 ด้วยขนาด&nbsp;4,000,000 ตารางฟุต&nbsp;</li>
<li>333 West Wacker&nbsp;ตึกสูงชันที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเงาสะท้อนอันสวยงามจากตัวอาคารที่ตั้งอยู่บนแนวโค้งแม่น้ำชิคาโก</li>
<li>Montgomery Ward Complex ก่อนเคยเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท&nbsp;Montgomery Ward และได้รับการจารึกไว้ให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในปี 1978&nbsp;</li>
</ul>
<img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/5_18.jpg" alt="" />
<ul>
<li>Fulton House &nbsp;จากที่เป็นโกดังห้องเย็นสำเร็จรูป&nbsp;ถูกปรับให้เป็นที่อยู่อาศัย&nbsp;สร้างขึ้นในปี&nbsp;1898 โดย&nbsp;Frank B. Abbott&nbsp;</li>
<li>Boeing World Headquarters ตึกสูง 36 ชั้นอยู่ออกไปทางทิศตะวันตกของเมืองชิคาโก และเคยได้รับรางวัลนวัตกรรมดีเด่นจากจากสมาคมวิศวกรโครงสร้าง</li>
<li>Willis Tower หรือเซียรส์ทาวเวอร์&nbsp;(Sears Tower) เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกระหว่างปี&nbsp;พ.ศ. 2517&nbsp;ถึง&nbsp;พ.ศ. 2541&nbsp;ก่อนที่จะถูกทำลายสถิติโดยเปโตรนาสทาวเวอร์&nbsp;ซึ่งเป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก เซียรส์ทาวเวอร์มีความสูง 442 เมตร หรือ 1,451 ฟุต และมีทั้งหมด 110 ชั้น ปัจจุบันสูงเป็นอันดับที่ 4 ของโลก นับว่าเป็นตึกที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปชมวิวจากบนตึกเพราะจะสามารถเห็นเมืองชิคาโกได้แบบสุดลูกหูลูกตา สวยงามมากๆ ครับ&nbsp;</li>
</ul>
<a href="https://baania.com/th/listing" target="_blank" rel="noopener"><img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/CTA บ้านมือสอง-01.jpg" alt="" /></a>
หากใครที่ได้แวะเวียนมาที่เมืองชิคาโก เราขอแนะนำว่าห้ามพลาดกิจกรรมนี้เป็นอย่างยิ่งครับ เพราะคุณจะได้ชมเมืองในรูปแบบที่เจาะลึก พร้อมกับไกด์ผู้มีความรู้และเรื่องราวความเป็นมาของตึกเหล่านี้อย่างละเอียดและสามารถสร้างเสียงหัวเราะให้กับคุณระหว่างการเดินทาง และการล่องเรือชมเมืองของเราก็จบด้วยความประทับใจครับ <a href="https://baania.com/th/articles/10880" target="_blank" rel="noopener"><img src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/tech trends-02.jpg" alt="" /></a> ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: archdaily.com, apple.com

ชมสุดยอดสถาปัตยกรรมไปกับ "Chicago Architecture River Cruise"

Tech & Trends

3 คาเฟ่สายชิล ปักหลักพิกัดไหนเยอะในกรุงเทพฯ

อสังหาฯ เชียงใหม่ปีนี้ มีคนค้นหาบ้านน้อยลงกว่าปีก่อน
ตั้งแต่เข้าสู่ปี 2563 เป็นต้นมา ต้องบอกว่าตลาดอสังหาฯ ในเชียงใหม่ซบเซายาว ตามกำลังซื้อของประชาชนที่หดตัวลง เมื่อมาผสานกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำเอาเชียงใหม่ที่พึ่งการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยเฉพาะชาวจีน จึงทำให้อสังหาฯ ในเชียงใหม่ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เรามาดูพฤติกรรมผู้บริโภคเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่กันครับว่า คนหาบ้านที่เข้า baania.com ตั้งแต่มกราคม-กรกฎาคม 2563 เขาคือใคร ค้นหาอะไร และพื้นที่ยอดนิยมในเชียงใหม่คือที่ไหน
<h2>การค้นหาที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ &nbsp;7 เดือนแรกของปี 2563</h2>
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1600052503456-ภาพรวม.jpg" alt="ตลาดอสังหา เชียงใหม่" width="1020" height="547" /> จากสถิติผู้เข้าชม baania.com พบว่า ความสนใจที่อยู่อาศัยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 ในเชียงใหม่มีผู้คนเข้าชมที่อยู่อาศัยน้อยลงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งสาเหตุนั้นอาจมาจากปรับตัวลดลงมาตั้งแต่ปี 2562 ที่ได้รับปัจจัยลบจากสถานการณ์เศรษฐกิจในไทย รวมถึงสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และมาตรการควบคุมเงินทุนไหลออกนอกประเทศของจีน และเมื่อเข้าสู่ปี 2563 ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เชียงใหม่ที่พึ่งพาธุรกิจท่องเที่ยวเป็นหลักได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้คนไม่มั่นใจที่จะซื้อที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ทั้งซื้ออยู่เองและซื้อเพื่อลงทุน เพราะยังคาดเดาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้
<h2>กลุ่มผู้สนใจเข้าชมที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่</h2>
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1600053011933-เพศ.jpg" alt="ตลาดอสังหา เชียงใหม่" width="1020" height="547" /> สำหรับกลุ่มผู้สนใจที่เข้าชมที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่บน baania.com ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงถึง 70% ในขณะที่เพศชายมี 30% เท่านั้น โดยกลุ่มอายุส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 25-44 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยทำงานเป็นหลัก มีกำลังซื้อ และมีความสามารถในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้และใช้ระยะเวลาการผ่อนสูงสุดอยู่ในช่วงเวลาที่ธนาคารกำหนดได้อย่างเต็มที่
สำหรับพื้นที่ที่คนค้นหาหรือเข้าชมมากที่สุดจะเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในเชียงใหม่ถึง 49% รองลงมาเป็นกรุงเทพมหานคร &nbsp;35% และอันดับต่อมาคือเชียงราย ชลบุรี และนครสวรรค์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นกลุ่มคนในพื้นที่ และกลุ่มคนเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการที่พักตากอากาศหรือลงทุนอสังหาฯ ก็เป็นได้
<h2>ความสนใจตามประเภทที่อยู่อาศัย</h2>
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1600052687846-ประเภท.jpg" alt="ตลาดอสังหา เชียงใหม่" width="1020" height="529" /> จากสถิติผู้เข้าชม baania.com พบว่า ความสนใจอสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบนั้นได้รับความสนใจมากที่สุด โดยเฉพาะบ้านที่มีคนค้นหาถึง 77% รองลงมาเป็นคอนโด 18% และทาวน์โฮมมีคนค้นหาเพียง 5% เท่านั้น ซึ่งต้องบอกว่าที่เชียงใหม่ จำนวนโครงการบ้านเดี่ยว หรือบ้านแฝดมีจำนวนมากที่สุด รองลงมาเป็นคอนโดมิเนียม และทาวน์โฮม ตามลำดับ ทำให้การค้นหาบน baania.com มีจำนวนบ้านมากที่สุด&nbsp;
<h2>ช่วงราคาที่คนสนใจ</h2>
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1600052706449-ช่วงราคา.jpg" alt="ตลาดอสังหา เชียงใหม่" width="1020" height="680" /> สำหรับช่วงราคาที่คนสนใจนั้น จากสถิติผู้เข้าชม baania.com พบว่าความสนใจอสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 มีช่วงราคายอดนิยมที่คนสนใจนั้นคือ 1-2 ล้านบาท ทั้งบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโดก็มีช่วงราคาเดียวกัน แต่กลุ่มราคาที่น่าสนใจคือกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งตามข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่สำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2562 พบว่า ตลาดที่อยู่อาศัยหลักในจังหวัดเชียงใหม่คือบ้านเดี่ยว โดยกลุ่มราคาที่ขายได้ดีจะอยู่ใน 2 กลุ่มระดับราคา คือ 2-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนโครงการจัดสรรเหลือขายจำนวนมาก ส่งผลให้คนที่ค้นหาก็ค้นหามากขึ้นตามไปด้วย
<h2>แบบบ้านจัดสรรที่คนสนใจ</h2>
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1600052727973-แปลนห้อง.jpg" alt="ตลาดอสังหา เชียงใหม่" width="1020" height="594" /> ในส่วนของแบบบ้านยอดฮิตที่คนค้นหาเยอะ บ้านและทาวน์โฮมแบบ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนต้องการบ้านที่มีขนาดกว้าง และมีการจัดสรรปันส่วนต่างๆ โดยกลุ่มคนที่สนใจอาจจะเป็นกลุ่มครอบครัวขยาย จึงต้องการเน้นจำนวนห้องนอนเยอะ และห้องน้ำเยอะ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีพื้นที่ทำกิจกรรมอื่นๆ และมีพื้นที่ส่วนตัวไปด้วย
สำหรับคอนโดแบบยอดนิยมคือแบบ 1 ห้องนอนหรือ Studio ซึ่งคาดว่าจะกลุ่มนักลงทุน หรือกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยอยู่ใกล้สถานศึกษา แหล่งงาน เป็นต้น
<h2>5 พื้นที่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในเชียงใหม่</h2>
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1600052788231-พื้นที่.jpg" alt="ตลาดอสังหา เชียงใหม่" width="1015" height="564" /> สำหรับพื้นที่ในเชียงใหม่ที่ผู้คนนิยมค้นหามากสุดใน baania.com พบว่าความสนใจอสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 ได้แก่
<h3>อันดับ 1 พื้นที่สุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่</h3>
ตำบลที่มีความเจริญสูง อยู่ใจกลางเมือง เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ มีวัดพระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ สวนสัตว์เชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งรายล้อมไปด้วยคอนโดจำนวนมาก
<h3>อันดับ 2 พื้นที่หนองจ๊อม อำเภอสันทราย</h3>
เป็นตำบลเดือนทางเข้าและออกนอกเมืองได้สะดวก เพราะเป็นตำบลที่อยู่ติดกับตัวเมือง จึงมีการพัฒนาโครงการจัดสรรตามแนวถนนเชียงใหม่-พร้าว ที่สามารถเข้าเมืองสะดวกแล้วยังออกนอกเมืองไปนครสวรรค์ด้วยทางหลวงหมายเลข 1 และไปลำพูนด้วยทางหลวงหมายเลข 11&nbsp;
<h3>อันดับ 3 พื้นที่ต้นเปา อำเภอสันกำแพง</h3>
ตำบลต้นเปา เป็นศูนย์รวมหัตถกรรมอันเลื่องชื่อ แหล่งรวมศิลปวัฒนธรรมอันงดงาม และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญหลากหลาย รายล้อมไปด้วยธรรมชาติแวดล้อมที่ร่มรื่น มีการเดินทางที่สะดวกด้วยถนนสันกำแพงสายใหม่(ทางหลวงหมายเลข 1317) และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1006 (เชียงใหม่ &ndash; สันกำแพง) จึงมีโครงการบ้านจัดสรรอยู่เป็นจำนวนมาก
<h3>อันดับ 4 พื้นที่หนองหาร อำเภอสันทราย</h3>
อีกตำบลในอำเภอสันทราย ที่มีทำเลดี ใกล้เมืองไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และรายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญต่างๆในอำเภอแม่โจ้ &nbsp;จำเป็นอีกทำเลหนึ่งที่มีศักยภาพในการเดินทาง และการอยู่อาศัย
<h3>อันดับ 5 พื้นที่แม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่</h3>
อีกตำบลที่มีความสะดวกในการอยู่อาศัยและท่องเที่ยว เพราะเป็นที่ตั้งของสถานที่มีชื่ออย่างอุทยานหลวงราชพฤกษ์ และเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เดินทางเข้าสู่ตัวเมืองชั้นในได้ง่ายด้วยทางหลวงเชียงใหม่&ndash;ฮอด (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108) ถนนเลียบคลองชลประทาน (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 121) และถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ทำให้รายล้อมไปด้วยบ้านจัดจัดสรรจำนวนมาก
หวังว่าข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่จาก baania.com ตั้งแต่มกราคม-กรกฎาคม 2563 ว่าเขาคือใคร ค้นหาอะไร และพื้นที่ยอดนิยมในเชียงใหม่คือที่ไหน จะช่วยให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ หรือนักลงทุนอสังหาฯ นำไปเป็นประโยชน์ในการวางแผนการตลาดของตัวเองได้นะครับ
 ขอบคุณข้อมูล <a href="https://www.reic.or.th/News/RealEstate/442172" target="_blank" rel="noopener">ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์</a>&nbsp;

Guest

Trends & Data