<p><strong>งูเหลือมเข้าบ้าน</strong>จัดการอย่างไรนี่คงเป็นปัญหาที่หลายๆ คนสงสัย เพราะว่าในปัจจุบันมีข่าวงูเหลือม หรืองูประเภทต่างๆ เข้ามาในบ้านพักอาศัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสาเหตุการเข้ามาภายในบ้านของงูเหลือมก็มีเกิดจากปัจจัย และก็วิธีต่างๆ ในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของแต่ละบ้าน ในบทความนี้ลองมาดูกันว่าวิธีป้องกันไม่ให้งูเหลือมเข้ามาในบ้านนั้นมีวิธีอะไรบ้าง</p>
<h2>1. จัดการสภาพรอบบ้านให้เรียบร้อย</h2>
<p>ถ้าสภาพรอบๆ บ้านรก มีลักษณะเป็นป่าหญ้า หนองน้ำ ซึ่งเป็นลักษณะทางธรรมชาติที่งูเหลือม และงูชนิดต่างๆ ชอบอาศัย และเมื่อมีงูเหลือมมาอาศัยอยู่ที่บริเวณข้างบ้าน ความเสี่ยงที่งูเหล่านั้นจะเข้ามาในบริเวณบ้านของเราจึงมีสูงมากขึ้นตามไปด้วย</p>
<p>ดังนั้นถ้าบริเวณรอบๆ บ้านมีสภาพเป็นป่าซึ่งเหมาะจะเป็นที่อยู่อาศัยของงู ให้ทำการถาง หรือตัดหญ้า หรือวัชพืชต่างๆ ให้เรียบร้อย ไม่มีความรกทึบ ซึ่งเมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปจนไม่เหมาะที่งูจะเข้ามาอาศัยก็จะลดความเสี่ยงของการที่จะมีงูเหลือมเข้ามาภายในบ้านได้</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451101605-จัดการสภาพรอบบ้าน.jpg" alt="จัดการสภาพรอบบ้าน" /></p>
<h2>2. บ้านไม่รกงูไม่ชอบ</h2>
<p>นอกจากสภาพรอบๆ บ้านที่รกจนเหมาะจะเป็นที่อยู่อาศัยของงูแล้ว บริเวณภายบ้านถ้าไม่มีการจัดให้เป็นระเบียบ มีความรก มีมุมอับสายตา มีความมืด มีความชื้น ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ก็ทำให้บ้านเหมาะสำหรับเป็นที่อาศัยของงูเหลือมเช่นกัน&nbsp;<br />เพื่อป้องกันไม่ให้งูเหลือม และงูชนิดอื่นๆ เข้ามาอาศัยภายในบริเวณบ้านก็ควรหมั่นทำความสะอาดบ้าน จัดบ้านให้โล่งโปร่ง ไม่เหมาะกับสภาพการอาศัยของงู เพราะว่าถ้าสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยงูเหลือมก็ไม่อยากมาอาศัยอยู่ในบ้านของเรานั่นเอง&nbsp;</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451126456-บ้านไม่รก.jpg" alt=" บ้านไม่รก" width="1020" height="765" /></p>
<h2>3. จัดการแหล่งอาหารของงู</h2>
<p>การที่งูเหลือมเข้ามาในบ้านนั้นอาจเป็นเพราะว่างูเหลือมได้เข้ามาหาอาหารนั่นเอง เนื่องจากภายในบ้านนั้นมีแหล่งอาหารของงู ไม่ว่าจะเป็น หนู กบ คางคก ไก่ แมว หมา หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้จากข่าวที่มีงูเหลือมเข้ามากินสัตว์เลี้ยงภายในบ้านค่อนข้างบ่อย แต่ในความเป็นจริงแล้วสัตว์ที่งูชอบเข้ามากินไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่เป็นสัตว์อื่นๆ อย่างเช่น หนู กบ คางคก เป็นต้น</p>
<p>การป้องกันไม่ให้งูเหลือมเข้ามาหาอาหารภายในบ้านของเรานั้นทำได้โดยการจัดการแหล่งอาหารของมันนั่นเอง โดยพยายามทำความสะอาดบ้าน ทำความสะอาดสวน ไม่ให้มีหนู กบ คางคก มาอาศัยอยู่ เพราะเมื่อไม่มีอาหารจูงใจงูก็ย่อมไม่เข้ามาหาอาหารนั่นเอง</p>
<p>ส่วนบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงอย่างเช่นไก่ นก หมา แมว ให้ทำกรง หรือทำคอกเลี้ยงสัตว์เหล่านั้นให้แข็งแรง ไม่ให้งูเหลือมสามารถเข้ามากินสัตว์เลี้ยงได้ ซึ่งการทำคอกให้แข็งแรงนั้นเป็นการลดความเสี่ยงที่จะสูญเสียสัตว์เลี้ยง อีกทั้งงูเมื่อรู้ว่าไม่สามารถเข้ามาหาอาหารได้ก็จะไม่เข้ามารบกวนอีก</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451176585-จัดการแหล่งอาหาร.jpg" alt="จัดการแหล่งอาหาร" width="1020" height="765" /></p>
<h2>4. ใช้กลิ่นไล่งูเหลือม &nbsp;</h2>
<p>งูเหลือม หรืองูชนิดอื่นๆ นั้นเป็นสัตว์ที่ใช้กลิ่นในการดำรงชีวิต ในการออกล่า ดังนั้นประสาทสัมผัสเรื่องกลิ่นของงูจะไวมาก การป้องกันไม่ให้งูเหลือมเข้าบ้านสามารถทำได้โดยนำสิ่งต่างๆ ที่กลิ่นรุนแรงอย่างเช่นน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว น้ำมันก๊าด น้ำมันสน ไปราดบริเวณรอบๆ บ้าน หรือจุดเสี่ยงที่ติดว่างูเหลือมจะเข้ามาในบ้านได้ เมื่องูเหลือมได้กลิ่นฉุนของน้ำมันเหล่านั้นก็จะไม่เข้ามาวุ่นวายภายในบ้านอย่างแน่นอน&nbsp;</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451202284-กลิ่นไล่งู.jpg" alt="กลิ่นไล่งู" width="1020" height="765" /></p>
<h2>5. ให้สัตว์เลี้ยงเฝ้าบ้าน</h2>
<p>การมีสัตว์เลี้ยงอย่างเช่นหมา หรือแมวไว้ในบ้านก็สามารถช่วยไล่งูเหลือมที่จะเข้ามาภายในบ้านได้เหมือนกัน เนื่องจากหมา และแมวเหล่านั้นจะเตือนเจ้าของ หรือไล่กัดสัตว์แปลกหน้าที่เป็นอันตรายอย่างงูอยู่แล้ว แต่กรณีที่เป็นงูเหลือมที่มีขนาดใหญ่สัตว์เลี้ยงเหล่านั้นอาจจะกลายเป็นเหยื่อของงูเหลือมได้เหมือนกัน ดังนั้นเจ้าของบ้านจึงควรใส่ใจเมื่อสัตว์เลี้ยงมีอาการผิดปกติ มีอาการต้องการไล่สิ่งแปลกปลอมออกจากบริเวณบ้านทุกครั้ง</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451225985-สัตว์เลี้ยงเฝ้าบ้าน.jpg" alt="สัตว์เลี้ยงเฝ้าบ้าน" width="1020" height="765" /></p>
<h2>6. กำมะถันกันงู</h2>
<p>กำมะถันก็เป็นสารเคมีอีกหนึ่งชนิดซึ่งมีกลิ่นที่งูเหลือม รวมไปถึงงูชนิดอื่นๆ ไม่ชอบ ดังนั้นการโรยผงกำมะถันไว้รอบๆ บ้าน หรือนำกำมะถันผสมน้ำ แล้วนำไปราดในบริเวณต่างๆ ที่มีความเสี่ยงอย่างเช่น ข้างรั้ว ท่อระบายน้ำ ท่อน้ำทิ้ง เมื่องูเหลือมได้กลิ่นกำมะถันก็จะไม่เข้ามาใกล้บริเวณนั้นเลย</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451252228-กำมะถัน.jpg" alt="กำมะถัน" width="1020" height="765" /></p>
<h2>7. น้ำยาล้างห้องน้ำก็ใช้ได้</h2>
<p>หลายคนอาจจะได้เห็นข่าวงูเลื้อยเข้ามาทางระบบท่อน้ำทิ้ง จนมาโผล่ที่ชักโครกกันมาบ้าง ซึ่งวิธีการป้องกันไม่ให้งูเข้ามาถึงในบ้านทางชักโครกนั้นก็แสนจะง่าย เพียงใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ หรือน้ำยาทำความสะอาดชักโครกใส่เทใส่คอห่านเป็นประจำงูเหลือมก็จะไม่เข้ามาอย่างแน่นอน เนื่องจากสารเคมีเหล่านั้นมีกลิ่นฉุนซึ่งเป็นกลิ่นที่งูไม่ชอบ เมื่อมีกลิ่นของสารเคมีเหล่านี้อยู่ในระบบน้ำเสียของบ้านงูเหลือมก็จะไม่เข้าบ้าน</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451275095-น้ำยาล้างห้องน้ำ.jpg" alt="น้ำยาล้างห้องน้ำ" width="1020" height="765" /></p>
<h2>8. โรยกรวดห้ามงูผ่าน</h2>
<p>ตามธรรมชาติของงูนั้นเป็นสัตว์ที่เคลื่อนที่โดยการเลื้อย และส่วนท้องของงูก็ไม่ได้เป็นส่วนที่แข็งแรงอะไรมากนัก ดังนั้นการโรยกรวดไว้ในพื้นที่ว่างรอบๆ ตัวบ้านถือว่าเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้งูเข้าบ้านได้อีกหนึ่งวิธี เนื่องจากท้องของงูเวลาเลื้อยเมื่อเลื้อยไปบนก้อนกรวดนั้นจะทำให้งูรู้สึกเจ็บ เหมือนกับที่คนเราเดินเท้าเปล่าบนก้อนกรวด เมื่องูรู้สึกว่าเลื้อยได้ลำบากก็จะเลื้อยไปทางอื่น โดยไม่เข้ามาในบบริเวณบ้าน</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451300618-โรยกรวดห้ามงู.jpg" alt="โรยกรวดห้ามงู" width="1020" height="765" /></p>
<h2>9. วิธีจัดการเมื่องูเข้าบ้าน</h2>
<p>หากเกิดกรณีที่งูเหลือม หรืองูชนิดอื่นๆ เข้ามาภายในบ้านแล้วนั้นสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือตั้งสติให้ดี อย่าโวยวาย ลนลาน และต้องถอยห่างจากบริเวณที่พบเห็นงูให้มากที่สุด จากนั้นให้ลองสังเกตดูว่าเป็นงูชนิดอะไร เป็นงูมีพิษ หรือไม่มีพิษ</p>
<p>สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อมีงูเหลือมเข้ามาในบ้านคือต้องมีสติ อย่าไปไล่ หรือทำร้าย ถ้าไม่มีความชำนาญอย่าพยายามจับงูด้วยตัวเองเป็นอันขาด ให้คอยดูว่างูนั้นเลื้อยไปหลบอยู่บริเวณไหน โดยเมื่อมีงูเข้าบ้านสามารถโทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาจัดการกับงูตัวนั้นได้ที่หมายเลข 199 ตลอด 24 ชั่วโมง&nbsp;</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451379580-วิธีจัดการเมื่องูเข้าบ้าน.jpg" alt="วิธีจัดการเมื่องูเข้าบ้าน" width="1020" height="765" /></p>
<p>จะเห็นได้ว่าปัญหาเรื่อง<strong>งูเหลือมเข้าบ้าน</strong>นั้นเป็นเรื่องที่ควรระวัง และควรหาทางป้องกันด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีงูเหลือมเข้าบ้าน เพราะว่าถ้ามีงูเหลือมเข้ามาภายในบ้านแล้วอาจจะทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้พักอาศัย หรือสัตว์เลี้ยงได้ ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการปัญหางูเหลือมเข้าบ้านคือการป้องกันนั่นเอง&nbsp;</p>

วิธีป้องกันไม่ให้งูเหลือมเข้ามาในบ้านมีวิธีอะไรบ้าง?

<p>กิ้งกือนั้นแม้จะเป็นสัตว์ที่ดูไม่น่ามีพิษภัย แต่ก็เป็นสัตว์ที่หลายคนไม่ชอบ วันนี้เรามีวิธีกำจัดกิ้งกือไม่ให้เข้ามาในบริเวณต่างๆ ภายในบ้านนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การใช้สิ่งต่างๆ จากธรรมชาติ ไปจนถึงใช้สารเคมีต่างๆ เพื่อจัดการกิ้งกือโดยเฉพาะ ในบทความนี้ลองไปดูกันว่ากิ้งกือนั้นสามารถใช้อะไรมาจัดการได้บ้าง และวิธีการต่างๆ ในการ<strong>กำจัดกิ้งกือ</strong>ทำได้ง่ายหรือยากขนาดไหน</p>
<h2>1. เกลือ</h2>
<p>การใช้เกลือกำจัดกิ้งกือไม่ให้เข้ามารบกวนภายในบริเวณบ้านนั้นเหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีสวน และไม่ได้ปลูกต้นไม้ เนื่องจากความเค็มของเกลือจะทำอันตรายต่อต้นไม้ที่ปลูกไว้นั่นเอง ซึ่งการใช้เกลือกำจัดกิ้งกือนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยนำเกลือไปโรยไว้รอบๆ บ้าน และหมั่นโรยอย่างต่อเนื่อง เพียงเท่านี้กิ้งกือก็จะไม่เข้ามารบกวนอีกต่อไป</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928481450-เกลือ.jpg" alt="เกลือ" /></p>
<h2>2. ปูนขาว</h2>
<p>สำหรับกิ้งกือนั้นปูนขาวก็จัดว่าเป็นอีกนึ่งสิ่งที่พวกมันเกลียดมากเลยทีเดียว เพราะกิ้งกือไม่สามารถเดินผ่านปูนขาวได้ ดังนั้นการโรยปูนขาวไว้รอบบ้านจะช่วยไม่ให้กิ้งกือเดินผ่านเข้ามาได้นั่นเอง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันสัตว์เลื้อยคลานประเภทอื่นๆ ได้อีกด้วย โดยการโรยปูนขาวนั้นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้มีกิ้งกือหลุดรอดเข้ามาได้</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928468032-ปูนขาว.jpg" alt="ปูนขาว" width="1020" height="765" /></p>
<h2>3. น้ำส้มควันไม้</h2>
<p>หลายๆ คนยังไม่รู้ว่าน้ำส้มควันไม้นั้นสามารถไล่กิ้งกือ สัตว์เลื้อยคลาน รวมไปถึงแมลงอีกหลายประเภทไม่ให้เข้ามารบกวนภายในบริเวณบ้านได้ วิธีการเพียงแค่นำน้ำส้มควันไม้มาผสมน้ำในอัตราส่วน 1:20 แล้วนำไปฉีดพ่นตามบริเวณต่างๆ ที่มีกิ้งกือเดินผ่าน หรือกิ้งกือชอบเข้ามาอยู่ เมื่อกิ้งกือได้กลิ่นน้ำส้มควันไม้ หรือโดนฉีดด้วยน้ำส้มควันไม้ก็จะรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928450383-น้ำส้มควันไม้.jpg" alt="น้ำส้มควันไม้" width="1020" height="765" /></p>
<h2>4. น้ำมันก๊าด</h2>
<p>การใช้น้ำมันก๊าดกำจัดกิ้งกือนั้นเป็นวิธีการกำจัดกิ้งกือด้วยกลิ่น เนื่องจากกลิ่นของน้ำมันก๊าดนั้นจะมีกลิ่นเหม็นรุนแรงมาก ซึ่งเป็นกลิ่นที่สัตว์ต่างๆ รวมไปถึงกิ้งกือ และคนทั่วไปไม่ชอบ ดังนั้นการนำน้ำมันก๊าดไปราดบริเวณที่กิ้งกือชอบมาอยู่ หรือราดบริเวณรอบบ้านก็จะทำให้กิ้งกือรวมไปถึงสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์หนีไปจากบริเวรนั้น แต่การใช้น้ำมันก๊าดนั้นควรใช้ด้วยความระมัดระวังเนื่องจากอาจเกิดไฟไหม้ได้</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928436131-น้ำมันก๊าด.jpg" alt="น้ำมันก๊าด" width="1020" height="765" /></p>
<h2>5. ลูกเหม็น</h2>
<p>การใช้ลูกเหม็นกำจัดกิ้งกือนั้นจัดว่าเป็นการกำจัดด้วยกลิ่นอีกหนึ่งวิธีที่ค่อนข้างได้ผลดี เนื่องจากกิ้งกือรวมไปถึงสัตว์อื่นๆ จะไม่ชอบกลิ่นของลูกเหม็น เมื่อได้กลิ่นของลูกเหม็นก็จะพยายามหนีไปที่อื่น ส่วนวิธีการกำจัดกิ้งกือด้วยลูกเหม็นนั้นเพียงแค่นำลูกเหม็นไปวางไว้ในบริเวณต่างๆ ที่กิ้งกือเดินผ่าน หรือเป็นที่อยู่ของมัน เมื่อกิ้งกือได้กลิ่นลูกเหม็นก็จะหนีไปนั่นเอง</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928421220-ลูกเหม็น.jpg" alt="ลูกเหม็น" /></p>
<h2>6. สเปรย์สมุนไพรไล่แมลง</h2>
<p>การใช้สเปรย์สมุนไพรไล่แมลงนั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถกำจัดกิ้งกือได้แบบง่ายๆ และได้ผลอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสเปรย์สมุนไพรนั้นจะผลิตมาจากสมุนไพรต่างๆ ซึ่งมีกลิ่นที่แมลงไม่ชอบ และกลิ่นนั้นก็สามารถไล่กิ้งกือได้ เพียงแค่ฉีดสเปรย์สมุนไพรไล่แมลงไปในบริเวณต่างๆ ที่ไม่ต้องการให้กิ้งกือเข้ามา หรือในบริเวณที่กิ้งกืออาศัยอยู่ เพียงเท่านี้กิ้งกือก็จะไม่มารบกวนอีกต่อไป</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928407177-สเปรย์สมุนไพร.jpg" alt="สเปรย์สมุนไพร" width="1020" height="765" /></p>
<h2>7. ชอล์กกันมด</h2>
<p>การใช้ชอล์กกันมดนั้นไม่เพียงแค่จัดการกับมด แต่ยังสามารถจัดการกับกิ้งกือได้อีกด้วย เนื่องจากชอล์กกันหมดนั้นมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อแมลงหลายชนิด รวมไปถึงกิ้งกือ ดังนั้นเมื่อขีดชอล์กกันมดลงบนพื้นในบริเวณที่ไม่ต้องการให้มีกิ้งกือเข้ามารบกวน กิ้งกือก็จะหนีออกไปจากบริเวณนั้น และไม่ผ่านเข้ามาอีกเลย แต่ที่สำคัญคือต้องหมั่นดูไม่ให้ชอล์กจาง ถ้าพบว่าชอล์กจางให้ขีดใหม่ทันที</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928389830-ชอล์กกันมด.jpg" alt="ชอล์กกันมด" /></p>
<h2>8. ยาฆ่าแมลง</h2>
<p>การใช้ยาฆ่าแมงกำจัดกิ้งกือนั้นถือว่าเป็นวิธีการที่ค่อนข้างรุนแรง แต่ก็เป็นวิธีการที่กำจัดกิ้งกืออย่างได้ผลทันที เพียงแค่ใช้ยาฆ่าแมลงฉีดไปที่กิ้งกือ เพียงเท่านี้กิ้งกือก็จะตายในเวลาไม่นาน การใช้ยาฆ่าแมลงจัดว่าเป็นวิธีที่มีความรุนแรงอยู่บ้าง วิธีการนี้จึงไม่เหมาะกับทุกคน</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928374227-ยาฆ่าแมลง.jpg" alt="ยาฆ่าแมลง" /></p>
<h2>9. จับไปทิ้ง</h2>
<p>การจับกิ้งกือไปทิ้งนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่กลัวกิ้งกือ วิธีการเพียงแค่จับกิ้งกือตัวที่เห็นออกไปทิ้งยังบริเวณอื่นๆ ภายนอกบ้าน ซึ่งการจับกิ้งกือนั้นไม่ควรใช้มือเปล่า ควรใช้ไม้ข้อนใต้ตัวกิ้งกือขึ้นมาแล้วนำมาใส่ภาชนะต่างๆ เพื่อรวบรวมไปทิ้ง แต่วิธีการนี้ไม่สามารถกำจัดกิ้งกืออย่างถาวรได้ เพียงแค่นำออกไปให้พ้นบริเวณได้เป็นครั้งคราว</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928360296-จับไปทิ้ง.jpg" alt="จับไปทิ้ง" /></p>
<h2>10. ใช้คางคก</h2>
<p>สำหรับผู้ที่ไม่กลัวคางคก และไม่ต้องการกิ้งกือ วิธีการเลี้ยงคางคกไว้ในสวนจัดว่าเป็นวิธีการกำจัดกิ้งกือที่ได้ผลดีมาก เพราะคางคกจัดว่าเป็นศัตรูตามธรรมชาติที่สำคัญของกิ้งกือ และกิ้งกือคืออาหารโปรดของคางคกนั่นเอง นอกจากคางคกที่เลี้ยงไว้ในสวนจะจัดการกับกิ้งกือได้แล้ว คางคกเหล่านั้นยังสามารถช่วยจัดการกับแมลง และสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ ได้อีกด้วย&nbsp;</p>
<p>เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับวิธี<strong>กำจัดกิ้งกือ</strong>วิธีการต่างๆ ที่ได้นำเสนอในบทความนี้ จะเห็นได้ว่าการกำจัดกิ้งกือนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่นำวิธีการที่ได้แนะนำไปปรับใช้เหมาะสมกับสภาพของแต่ละบ้าน เพียงเท่านี้ปัญหากิ้งกือที่จะเข้ามากวนใจ หรือก่อความรำคาญให้กับผู้พักอาศัยภายในบ้านก็จะหมดไปอย่างแน่นอน&nbsp;</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928343874-คางคก.jpg" alt="คางคก" /></p>
<p><strong>ที่มาภาพประกอบ :</strong></p>
<p><a href="http://bantanthai.blogspot.com/2012/09/wood-vinegar.html" rel="nofollow">http://bantanthai.blogspot.com</a></p>
<p><a href="https://money.bhaskar.com/news/MON-MARK-COMM-subsidy-on-kerosene-may-end-by-fy-2021-125850076.html" rel="nofollow">https://money.bhaskar.com</a></p>
<p><a href="https://pantip.com/topic/31229388" rel="nofollow">https://pantip.com</a></p>

10 วิธีกำจัดกิ้งกือไม่ให้กวนใจ

กำจัดกลิ่นฉี่หมา แมว อย่างไรให้บ้านกลับมาหอมเหมือนเดิม

<p>หมา สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักที่นิยมเลี้ยงกันในบ้าน บางบ้านเลี้ยงไว้สำหรับเฝ้าบ้าน หรือเลี้ยงไว้เพื่อเป็นเพื่อนคู่หูแสนรู้ แต่บางครั้งก็มีปัญหาที่ทำให้เจ้าของอย่างเราต้องกุมขมับ ก็คือเรื่องการขับถ่าย หรือการฉี่ของน้องหมานั่นเอง วันนี้เราจึงรวบรวมเกร็ดความรู้<strong>หมาเกลียดกลิ่นอะไร</strong> มาฝากกันเพื่อป้องกันไม่ให้น้องหมาฉี่ในสถานที่ต้องห้าม&nbsp;</p>
<h2>น้องหมาเกลียดกลิ่นอะไรบ้าง</h2>
<p>การรับรู้กลิ่นของน้องหมาไวกว่ามนุษย์หลายเท่า เพราะมีเซลล์รับรู้กลิ่นระหว่าง 150 ถึง 300 ล้านเซลล์ แต่มนุษย์นั้นมีเพียงแค่ 5 ล้านเซลล์เท่านั้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน้องหมาถึงอ่อนไหวต่อกลิ่นต่าง ๆ ได้ง่ายมาก อีกทั้งยังมีความจำในการดมกลิ่นที่ดีอย่างการจำกลิ่นของเจ้าของ วิธีเลี้ยงหมาบางครั้งก็ต้องใช้กลิ่นมาเป็นตัวช่วยเช่น การฝึกไม่ให้น้องหมาไปขับถ่ายในสถานที่ต้องห้าม จะมีกลิ่นอะไรบ้างที่ทำให้น้องหมาต้องส่ายหัวตามมาดูกันเลย</p>
<ul>
<li>
<h3>ส้ม</h3>
</li>
</ul>
<p>สำหรับเราเป็นกลิ่นที่หอมชื่นใจแต่น้องหมาต้องเมินหน้าหนี เพราะส้มมีกลิ่นที่แรงมากอยู่แล้ว และน้องหมาที่มีการรับรู้ของกลิ่นมากกว่าถึง 40 เท่าก็จะได้กลิ่นที่รุนแรงมากขึ้นไปอีกจนเกินจะทนไหว</p>
<h3><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597466471305-กลิ่นส้ม.jpg" alt="กลิ่นส้ม" /></h3>
<ul>
<li>
<h3>พริก</h3>
</li>
</ul>
<p>ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจของน้องหมาได้ เมื่อไปสูดดมใกล้ ๆ จะคันจมูก และจามออกมาได้</p>
<h3><strong><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597466494035-พริก.jpg" alt="พริก" width="1020" height="765" /></strong></h3>
<ul>
<li>
<h3>แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ</h3>
</li>
</ul>
<p>เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่น้องหมาทนไม่ได้ ดังนั้น เมื่อได้รับบาดเจ็บควรทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด และแพทย์จะใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะเช่นกัน</p>
<h3><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597466515717-แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ.jpg" alt="แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ" width="1020" height="765" /></h3>
<ul>
<li>
<h3>น้ำยาทาเล็บ</h3>
</li>
</ul>
<p>บางครั้งเราดมนาน ๆ ยังมึนหัว น้องหมาก็คงไม่ต่างกันเพราะมีสารประกอบทางเคมีมากมาย เมื่อน้องหมาดมนาน ๆ เข้าจะทำให้จามออกมา ดังนั้น ควรวางน้ำยาทาเล็บไว้ให้ห่างน้องหมาจะดีที่สุด</p>
<h3><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597466535713-น้ำยาทาเล็บ.jpg" alt="น้ำยาทาเล็บ" width="1020" height="765" /></h3>
<ul>
<li>
<h3>ลูกเหม็น</h3>
</li>
</ul>
<p>เป็นหนึ่งสิ่งที่สามารถฆ่าน้องหมาของคุณได้ เมื่อสูดดมเข้าไปอาจจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อตับ และระบบประสาทส่วนกลางจนทำให้อาเจียน ท้องร่วงได้ และที่ร้ายแรงที่สุดคือเผลอทานเข้าไปซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต</p>
<h3><strong><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597466556660-ลูกเหม็น.jpg" alt="ลูกเหม็น" width="1020" height="765" /></strong></h3>
<ul>
<li>
<h3>น้ำหอม</h3>
</li>
</ul>
<p>เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพยายามเข้าไปกอด ไปเล่นกับน้องหมาแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธที่จะเล่นด้วย นี่คือคำตอบ เพราะน้องหมาจะจดจำกลิ่นตัวเฉพาะของเจ้าของได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราใช้สารที่ให้ความหอมแทนกลิ่นเดิมของเรา น้องหมาจะรู้สึกไม่ชอบกลิ่นนั้นขึ้นมาทันที</p>
<h2><strong><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597466580433-น้ำหอม.jpg" alt="น้ำหอม" /></strong>วิธีใช้กลิ่นป้องกันไม่ให้น้องหมาฉี่ในบ้าน</h2>
<p>ปัญหาอันดับหนึ่งของเจ้าของอย่างเราคือ การสอนน้องหมาให้ฉี่ในที่ที่ควร หรือจัดเตรียมไว้ให้แล้วเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด และเพื่อสุขอนามัยที่ดี อีกทั้งยังเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาของกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่อาจจะไปรบกวนคนในบ้าน หรือเพื่อนบ้านจนเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกัน มาดูเคล็ดลับการใช้กลิ่นต่าง ๆ ป้องกันไม่ให้น้องหมาฉี่ในบ้าน</p>
<ul>
<li><strong>พริกไทยป่น </strong>หากบริเวณไหนในบ้านที่น้องหมามักจะไปฉี่บ่อย ๆ เมื่อเราเช็ดทำความสะอาดแล้ว ให้นำพริกไทยไปโรยไว้บริเวณนั้นวันเว้นวัน หรือถ้ากลัวไม่ได้ผล สามารถโรยบ่อยได้ตามต้องการ</li>
<li><strong>น้ำส้มสายชู </strong>นำมาผสมกับน้ำในปริมาณมากหน่อยแล้วฉีดไปบริเวณที่น้องหมาชอบมาฉี่วันเว้นวัน จะทำให้กลิ่นติดอยู่ไม่จางหายไป และน้องหมาจะไม่มาฉี่ตรงนั้นอีก</li>
<li><strong>น้ำหมักชีวภาพ</strong> นำมาราดไว้ในจุดที่น้องหมาชอบมาฉี่บ่อย ๆ เพราะเมื่อน้องหมาได้กลิ่นฉุนก็จะหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้บริเวณนั้นอีก</li>
<li><strong>น้ำส้มสายชู และเบกกิ้งโซดา</strong> นำส่วนผสมทั้งสองอย่างมาผสมเข้าด้วยกันช่วยกันน้องหมาออกจากบริเวณนั้น และยังช่วยดับกลิ่นได้อีกด้วย</li>
<li><strong>ลูกเหม็น </strong>นำมาทุบให้แตกละเอียดจากนั้นนำไปโรยไว้บริเวณที่น้องหมามาฉี่บ่อย ๆ เมื่อลูกเหม็นระเหย ก็นำมาเติมใหม่ได้ตลอด</li>
<li><strong>น้ำยาดับกลิ่น</strong> นำมาผสมกับน้ำ 1 ต่อ 5 ส่วน และนำมาราดบนพื้นบริเวณที่น้องหมาชอบมาฉี่</li>
<li><strong>ผงซักฟอก </strong>นำไปโรยไว้ในจุดที่น้องหมามักจะฉี่บ่อย ๆ เมื่อสูดดมเข้าไปจะทำให้ฉุนจมูกจนเปลี่ยนใจไม่มาฉี่อีก</li>
<li><strong>แอมโมเนีย </strong>นำมาหยดไว้ที่บริเวณจุดเสี่ยงที่น้องหมามักจะมาฉี่ เมื่อน้องหมาดม จะฉุนจมูก และไม่มาฉี่ตรงนี้อีก</li>
<li><strong>ผงฟู</strong> นำมาผสมกับน้ำด้วยสัดส่วน 1 ต่อ 1 และนำไปฉีด นอกจากจะช่วยป้องกันน้องหมามาฉี่ในบริเวณนั้นแล้ว ยังช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์อีกด้วย</li>
</ul>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597466632808-วิธีไล่น้องหมา.jpg" alt="วิธีไล่น้องหมา" width="1020" height="765" /></p>
<p>หลังจากได้รู้แล้วว่าน้อง<strong>หมาเกลียดกลิ่นอะไร</strong> และวิธีป้องกันไม่ให้น้องหมามาฉี่ในบ้าน ด้วยเคล็ดลับจากของที่หาได้รอบตัว แต่สามารถช่วยแก้ปัญหาที่กวนใจเจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างเราได้เป็นอย่างดี โดยมีวิธีต่างๆ มากมายให้เลือกใช้ขึ้นอยู่กับว่า แบบไหนจะเหมาะกับลักษณะนิสัยของน้องหมา และนำไปประยุกต์ให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด</p>
<p>ที่มาภาพประกอบ :</p>
<p><a href="https://www.nanoenzymeball.com/naphthalene-1/?fbclid=IwAR3gpckCZSdn-eRCl_q8aUQMu3ydf1QnUVqSUKcyvy_KFBl4A3DWrOseuX8">https://www.nanoenzymeball.com</a></p>

น้องหมาเกลียดกลิ่นอะไร ทำอย่างไรไม่ให้น้องหมามาฉี่ในบ้าน

ไล่สัตว์

<p><strong>แมลงหวี่ขน</strong>นั้นจัดว่าเป็นแมลงประเภทหนึ่งที่สร้างความรำคาญให้กับผู้พักอาศัยภายในบ้านได้เป็นอย่างมาก เพราะว่าแมลงหวี่ขนนั้นเป็นพาหะของความสกปรก และเชื้อโรคต่างๆ มากมายซึ่งเชื้อโรคเหล่านั้นอาจจะมาสร้างความเจ็บป่วยให้กับผู้พักอาศัยภายในบ้านได้ ในบทความนี้จะมาแนะนำถึงวิธีการกำจัดแมลงหวี่ขนแบบง่ายๆ แต่ได้ผลจริง</p>
<h2>แมลงหวี่ขนคืออะไร</h2>
<p>แมลงหวี่ขน (Moth Flies) นั้นไม่ใช่แมลงหวี่ (Fruit Fly) โดยแมลงหวี่ขนนั้นจะมีขนาดเล็ก มี 2 ปีก มีขนปกคลุมทั้งตัว ปีกมีทรงรีคล้ายเมล็ดข้าว มีลักษณะคล้ายผีเสื้อ สามารถวางไข่ได้คราวละ 30 &ndash; 100 ฟอง โดยที่แมลงหวี่ขนนั้นมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าแมลงห้องน้ำ หรือแมลงส้วม เนื่องจากชอบอาศัยอยู่ในที่ชื้นแฉะ หรือในห้องน้ำ นั่นเอง แมลงหวี่ขนจะมีอายุจนครบวงจรชีวิตประมาณ 3 สัปดาห์ เมื่อทำความรู้จักกับแมลงหวี่ขนกันแล้ว ลองมาดูว่า 10 วิธีการกำจัดแมลงหวี่ขนที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองอย่างได้ผลนั้นมีอะไรบ้าง</p>
<h2>1. หาแหล่งอาศัยของแมลงหวี่ขน</h2>
<p>การหาแหล่งอาศัยของแมลงหวี่ขนให้พบนั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากจะได้ทำการกำจัดแมลงหวี่ขนได้อย่างเต็มที่ โดยเป็นการคัดวงจรไม่ให้แมลงหวี่ขนได้เติบโตขึ้นมาอีกเลย โดยที่อาศัยของแมลงหวี่ขนนั้นส่วนมากจะอยู่บริเวณท่อน้ำทิ้งในห้องน้ำนั่นเอง</p>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455322004-แหล่งอาศัย.jpg" alt="แหล่งอาศัย" /></h2>
<h2>2. ทำกับดักแมลง</h2>
<p>เมื่อรู้ว่าแมลงหวี่ขนนั้นอาศัยอย่าภายในท่อน้ำทิ้ง การทำกับดักแมลงหวี่ขนก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เช็ดบริเวณรอบๆ ท่อน้ำทิ้งให้แห้ง แล้วติดเทปกาวลงไปปิดปากท่อน้ำทิ้ง เมื่อแมลงหวี่ขนบินขึ้นมาก็จะติดกับเทปกาว การทำกับดักแบบนี้ควรทำติดต่อกันประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วสังเกตว่าปริมาณแมลงหวี่ขนที่มาติดกับดักนั้นเพิ่มขึ้นหรือน้อยลง รวมทั้งดูปริมาณแมลงหวี่ขนภายในบ้านด้วยว่าลดลงหรือไม่</p>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455339528-กับดักแมลง.jpg" alt="กับดักแมลง" /></h2>
<h2>3. ทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งอย่างสม่ำเสมอ</h2>
<p>สิ่งสกปรกต่างๆ ที่อยู่ภายในท่อน้ำทิ้งนั้นจัดว่าเป็นแหล่งอาศัยชั้นดีของแมลงหวี่ขน การทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งด้วยวิธีการต่างๆ นั้นสามารถจัดการกับแหล่งอาศัยของแมลงหวี่ขนได้เป็นอย่างดี และจะทำให้จำนวนของแมลงหวี่ขนภายในบ้านลดลงอย่างเห็นได้ชัด&nbsp;<br />การทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง เพื่อทำลายที่อยู่อาศัยของแมลงหวี่ขนนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการนำเศษสิ่งสกปรกต่างๆ อย่างเช่นเศษผม หรือเศษอาหารออกจากท่อน้ำทิ้งอย่างสม่ำเสมอ การเทน้ำร้อนลงไปในท่อน้ำทิ้ง หรือการใช้นำยาทำความสะอาด หรือน้ำยาแก้ท่อตันเทลงไปในท่อน้ำทิ้ง เพียงเท่านี้ก็สามารถจัดการกับแมลงหวี่ขนอย่างได้ผล</p>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455361495-ทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง.jpg" alt="ทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง" /></h2>
<h2>4. หมั่นทำความสะอาดห้องน้ำ</h2>
<p>การทำความสะอาดห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอนั้นจัดว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่สามารถจัดการแมลงหวี่ขนที่ได้ผลดี เนื่องจากแมลงหวี่ขนนั้นจะหากินกับคราบสกปรกต่างๆ ภายในห้องน้ำที่ขาดการดูแลรักษา ถ้าห้องน้ำมีการทำความสะอาดเป็นประจำแมลงหวี่ขนก็จะไม่มีอาหาร และไม่มีที่อาศัย ทำให้ต้องไปอาศัยที่อื่นนั่นเอง</p>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455380026-ทำความสะอาดห้องน้ำ.jpg" alt="ทำความสะอาดห้องน้ำ" /></h2>
<h2>5. จัดการแหล่งน้ำขังรอบบ้าน</h2>
<p>ธรรมชาติของแมลงหวี่ขนนั้นชอบอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำ และที่ชื้นแฉะ การที่รอบบ้านมีน้ำขัง หรือมีที่ชื้นแฉะก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุให้บ้านถูกแมลงหวี่ขนเข้ามารบกวน ดังนั้นการจัดการไม่ให้มีแหล่งน้ำขังรอบๆ บริเวณบ้านก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถจัดการกับแมลงหวี่ขนได้</p>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455398529-แหล่งน้ำขัง.jpg" alt="แหล่งน้ำขัง" /></h2>
<h2>6. จัดบริเวณบ้านให้เป็นระเบียบ</h2>
<p>การจัดบริเวณโดยรอบบ้านให้เป็นระเบียบนั้นสามารถลดจำนวนแมลงหวี่ขนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากแมลงหวี่ขนจะไม่มีซอกมุมอับชื้นเพื่อพักอาศัยและหาอาหาร เมื่อบริเวณบ้านสะอาดก็จะปราศจากแมงหวี่ขนเข้ามารบกวน</p>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455416253-จัดบริเวณบ้าน.jpg" alt="จัดบริเวณบ้าน" /></h2>
<h2>7. ใช้ยาฆ่าแมลง</h2>
<p>การใช้ยาฆ่าแมลงเพื่อจัดการกับแมลงหวี่ขนนั้นจัดว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ถึงแม้ว่าเมื่อฉีดยาฆ่าแมลงไปในบริเวณที่มีแมลงหวี่ขนแล้วแมลงหวี่ขนจะตายในทันที แต่ก็จะมีแมลงหวี่ขนมาใหม่เรื่อยๆ ตราบใดที่ไม่มีการจัดการกับแมลงหวี่ขนที่ต้นตอ คือจัดการในเรื่องความสะอาดของบ้าน และห้องน้ำนั่นเอง</p>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455436790-ยาฆ่าแมลง.jpg" alt="ยาฆ่าแมลง" /></h2>
<h2>8. ใช้ไม้ตีแมลงวัน</h2>
<p>วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ค่อนข้างโบราณ แต่ได้ผลในการจัดการแมลงหวี่ขนแบบทันทีคือการใช้ไม้ตีแมลงวัน หรือไม้ตีแมลงวันไฟฟ้า วิธีการเพียงแค่เจอแมลงหวี่ขนเมื่อไหร่ก็ใช้อุปกรณ์เหล่านั้นจัดการตีให้ตายในทันที แต่ผลสุดท้ายวิธีการนี้ก็ไม่สามารถตัดการกับแมลงหวี่ขนได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่ได้เป็นการจัดการกับปัญหาที่ต้นเหตุนั่นเอง</p>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455454978-ไม้ตีแมลงวัน.jpg" alt="ไม้ตีแมลงวัน" width="1020" height="765" /></h2>
<h2>9. เครื่องดักแมลงช่วยได้</h2>
<p>การใช้เครื่องดักแมลงก็จัดว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีกำจัดแมลงหวี่ขนที่ค่อนข้างได้ผล ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างสะดวกสบาย เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา เพียงแค่เปิดเครื่องดักแมลงให้ทำงานในบริเวณที่แมลงหวี่ขนรบกวน แมลงหวี่ขนก็จะถูกเครื่องดักแมลงกำจัดไปย่างเรียบร้อย</p>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455473532-เครื่องดักแมลง.jpg" alt="เครื่องดักแมลง" /></h2>
<h2>10. จัดการขยะให้มิดชิด</h2>
<p>ธรรมชาติของแมลงหวี่ขนนั้นเป็นแมลงที่หากินกับเศษอาหาร ของเน่าเสีย หรือขยะต่างๆ การที่เจ้าของบ้านมีการจัดการกับขยะที่เกิดขึ้นในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ มีการจัดเก็บขยะไว้ในถังที่มีฝาปิดมิดชิดเพื่อไม่ให้แมลงต่างๆ เข้ามาตอมได้ วิธีการนี้ถือว่าเป็นการจัดการกับแมลงหวี่ขน และแมลงต่างๆ อย่างได้ผล เพราะเมื่อไม่มีแหล่งอาหาร แมลงหวี่ขนก็จะหมดไปจากบ้าน</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455299731-จัดการขยะ.jpg" alt="จัดการขยะ" /></p>
<p>วิธีการจัดการกับ<strong>แมลงหวี่ขน</strong>ภายในบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย ไม่จำเป็นต้องจ้างบริษัทกำจัดแมลงมาจัดการ เพียงแค่เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดบริเวณต่างๆ ภายในบ้านให้เป็นระเบียบ โดยเฉพาะห้องน้ำ หรือแหล่งน้ำต่างๆ ซึ่งเป็นที่อาศัย และหากินของแมลงหวี่ขน เมื่อเลือกใช้วิธีการต่างๆ ในบทความนี้ไปใช้ตามความเหมาะสมแล้วรับรองได้ว่าแมลงหวี่ขนจะไม่มารบกวนอย่างแน่นอน&nbsp;</p>

10 วิธีกำจัดแมลงหวี่ขนอย่างได้ผล

13 วิธีไล่ผึ้งที่ทำได้ง่ายแต่เห็นผลจริง

17 วิธีกำจัดมอดในข้าวสาร

<p>แมลงวัน สัตว์ปีกตัวเล็ก ๆ แต่สร้างปัญหาใหญ่และมักจะมาสร้างความรำคาญใจให้กับเราอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมลงวันถือว่าเป็นศัตรูตัวร้ายที่มาพร้อมกับเชื้อโรคมากมายที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตของมนุษย์ได้อีกด้วย ดังนั้น การศึกษาพฤติกรรมเพื่อหาวิธีไล่แมลงวัน และเรียนรู้ว่า <strong>แมลงวันกลัวอะไร</strong> จึงไม่ใช่สิ่งไกลตัวสำหรับทุกท่านอีกต่อไป</p>
<h2>สาเหตุที่แมลงวันตอม</h2>
<p>แมลงวัน ถือเป็นสัตว์มีพิษจำพวกแมลงไม่มีเหล็กใน แต่มันจะใช้สารเคมีในร่างกายที่แฝงมากับของเหลวต่าง ๆ ในการย่อยสลายอาหารที่มีขนาดใหญ่ เพื่อที่แมลงวันจะสามารถดูดกินอาหารเหล่านั้นในรูปของเหลวได้ จะไม่มีปัญหาอะไรเลยหากแมลงวันรับประทานอาหารเช่นเดียวกันกับมนุษย์ แต่เพราะแมลงวันนิยมของเสียซึ่งมักจะมาในรูปของขยะ และมูลสัตว์ จึงทำให้แมลงวันกลายเป็นพาหะนำโรคไปโดยปริยาย เหตุผลหลัก ๆ ที่แมลงวันมักจะตอมมีดังนี้</p>
<ul>
<li>
<h3>แมลงวันตอมของเหลว</h3>
</li>
</ul>
<p>เรามักสังเกตเห็นว่าแมลงวัน มักให้ความสนใจกับอาหารที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือของเสียจำพวกต่าง ๆ อาทิ น้ำเสีย มูลสัตว์ หรือของเหลวจากร่างกายสัตว์ เนื่องจากแมลงวันไม่สามารถรับประทานอาหารที่อยู่ในรูปของแข็งได้ เมื่อสิ่งต่าง ๆ เกิดการย่อยสลายก็หมายความว่า มีของเหลวซึ่งเป็นแหล่งอาหารชั้นดีให้แมลงวันสามารถนำไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้นั่นเอง</p>
<ul>
<li>
<h3>แมลงวันหาแหล่งวางไข่</h3>
</li>
</ul>
<p>ปกติแมลงวันจะนิยมวางไข่ในที่ลับตา ตลอดจนแสงส่องไม่ถึง เราจึงมักพบว่ามีหลายครั้งที่แมลงวันตอมอาหาร และวางไข่ลงไปในอาหารนั้นพร้อม ๆ กัน เพราะด้วยความชื้น และอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้พวกมันมักนิยมบินมาตอมเพื่อวางไข่</p>
<ul>
<li>
<h3>แมลงวันตอมเพราะกลิ่น</h3>
</li>
</ul>
<p>แมลงวันมีประสาทการรับกลิ่นที่รวดเร็วมาก เพราะถือเป็นตัวนำทางที่ใช้ในการหาอาหาร และวางไข่ ดังนั้น หากบ้านใดมีกองขยะ มูลสัตว์ หรือของเสียต่าง ๆ ที่มีลักษณะไม่ถูกหลักอนามัย จึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นแหล่งวางไข่ และที่อยู่อาศัยของฝูงแมลงวันจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน</p>
<ul>
<li>
<h3>กลิ่นตัวสัตว์และมนุษย์</h3>
</li>
</ul>
<p>เชื่อหรือไม่ว่า แมลงวันมีประสาทการรับกลิ่นที่น่ากลัวมาก เนื่องจากพวกมันสามารถรับรู้กลิ่นผ่านอายตนะภายในของร่างกายสัตว์และมนุษย์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจว่า ถึงแม้เราจะเพิ่งอาบน้ำชำระล้างร่างกายมาใหม่ ๆ หลายท่านอาจใช้น้ำหอมดับกลิ่นกายเพื่อปกปิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่สามารถปกปิดการรับรู้ของแมลงวันได้ เนื่องจากของเสียในร่างกายที่ถูกปล่อยออกมาในคราบของลมหายใจ และไอความร้อนคือสิ่งที่แมลงวันชอบนั่นเอง</p>
<h2><strong><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597686731345-สาเหตุ.jpg" alt="สาเหตุ" /></strong>แมลงวันกลัวอะไร และวิธีไหนไล่แมลงวันออกจากบ้านให้ได้ผล</h2>
<p>ถึงแม้แมลงวันจะมีประสาทการรับรู้กลิ่นที่ยอดเยี่ยมสักเพียงใด แต่ก็มีสิ่งที่ทำให้พวกมันไม่อยากเข้าใกล้อยู่หลายชนิดด้วยกัน ส่วนใหญ่จะเป็นพืชผักใบเขียว และสารเคมีที่สามารถหาได้ทั่วไปโดยที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้งาน อาทิ</p>
<ul>
<li>
<h3>น้ำส้มสายชู</h3>
</li>
</ul>
<p>วัตถุดิบสารพัดประโยชน์ชนิดนี้มีกลิ่นฉุนที่แมลงวันไม่กล้าเข้าใกล้ เพียงแค่นำน้ำส้มสายชูผสมน้ำสักเล็กน้อย แล้วนำไปฉีดตามจุดต่าง ๆ เช่น บริเวณห้องครัวที่มีกลิ่น แมลงวันก็จะบินหนีไปโดยทันที ถือว่าเป็นวิธีไล่แมลงวันที่ได้ผลรวดเร็วที่สุดวิธีหนึ่งเลยทีเดียว</p>
<h3><strong><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597686754869-น้ำส้มสายชู.jpg" alt="น้ำส้มสายชู" /></strong></h3>
<ul>
<li>
<h3>ตะไคร้หอม</h3>
</li>
</ul>
<p>วัสดุธรรมชาติที่ปราบสัตว์มีพิษได้เด็ดขาดมาแล้วหลายชนิด เพียงแค่นำตะไคร้มาสกัดเป็นน้ำมัน หรือนำใบของมันมาเผาไฟให้เกิดควัน ก็สามารถขับไล่ทั้งแมลงวัน และยุงร้ายออกจากพื้นที่ได้ในคราวเดียวกันอีกด้วย</p>
<h3><strong><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597686775386-ตะไค้หอม.jpg" alt="ตะไคร้หอม" width="1020" height="765" /></strong></h3>
<ul>
<li>
<h3>ผักสดที่มีกลิ่นฉุน</h3>
</li>
</ul>
<p>สังเกตไหมว่า ทำไมแมลงวันมักไม่ตอมผักสดหรือผักใบเขียวที่มีกลิ่นฉุน เหตุผลก็เพราะว่าของเหลวในผักเหล่านี้มีปฏิกิริยาเคมีที่แมลงวันไม่ชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักกาด ผักชี และสะระแหน่ เมื่อนำมาสับแล้วใส่ลงไปในอาหาร จะสามารถป้องกันแมลงวันได้เป็นอย่างดี</p>
<h3><strong><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597686818422-ผักสดที่มีกลิ่นฉุน.jpg" alt="ผักสดที่มีกลิ่นฉุน" /></strong></h3>
<ul>
<li>
<h3>น้ำยาล้างจานผสมน้ำเปล่า</h3>
</li>
</ul>
<p>อีกหนึ่งยาแรงที่หลายท่านนิยมใช้ เนื่องจากไม่ได้มีคุณสมบัติพิเศษในการไล่แมลงวันเท่านั้น สารเคมีที่อยู่ในน้ำยาล้างจานยังสามารถคร่าชีวิตของแมลงวันได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้งานอีกด้วย เพียงแค่ท่าน นำน้ำยาล้างจานผสมน้ำเปล่าไปฉีดพ่นบริเวณที่มีเศษอาหาร ก็จะสามารถไล่ และควบคุมการวางไข่ของแมลงวันไปได้ในตัว เหมาะสำหรับใช้กับถังขยะภายในบ้านเป็นอย่างยิ่ง</p>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597686838839-น้ำยาล้างจาน.jpg" alt="น้ำยาล้างจาน" /></h2>
<h2>จัดบ้านและห้องครัวอย่างไรให้ไกลแมลงวัน</h2>
<h3>จัดการขยะซึ่งเป็นแหล่งอาหาร และวางไข่ของแมลงวัน</h3>
<p>จัดเก็บ และแยกประเภทของขยะ เศษอาหารด้วยวัสดุที่มีความสะอาด มีฝาปิดมิดชิด ไม่เปิดโอกาสให้แมลงวันเข้ามาตอม หรือวางไข่ได้</p>
<h3>ติดมุ้งลวดเพื่อป้องกันแมลงวัน</h3>
<p>ถือเป็นวิธีการจัดบ้านและห้องครัวที่ง่ายดาย เห็นผลไวที่สุด เพียงแค่ท่านติดตั้งมุ้งลวดในบริเวณห้องครัวก็สามารถป้องกันแมลงที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแต่อาจต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายในการติดตั้งจำนวนหนึ่งนั่นเอง</p>
<h3>จัดเก็บอุปกรณ์ในห้องครัว และวัตถุดิบในการทำอาหารให้มิดชิด</h3>
<p>ทั้งสองอย่างนี้ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ดึงดูดแมลงวันให้เดินทางมาตามกลิ่น ดังนั้น เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในการทำครัวแล้ว ควรเช็ดทำความสะอาด และจัดเก็บอุปกรณ์ไว้ในที่มิดชิด ควรเก็บวัตถุดิบในการประกอบอาหารเข้าไปไว้ในตู้เย็นทุกครั้ง เป็นต้น</p>
<h3>หมั่นสำรวจพื้นที่ภายในบริเวณบ้านไม่ให้มีแหล่งอาหารของแมลงวัน</h3>
<p>พื้นที่ในบริเวณบ้านไม่ควรมีแหล่งที่อยู่อาศัยของแมลงวัน อาทิ ขยะ หรือ คอกสัตว์เลี้ยง ควรหมั่นดูแลพื้นที่ให้สะอาด และปลอดโปร่งอยู่ตลอดเวลา</p>
<p><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597686871275-วิธีจัดบ้านและห้องครัว.jpg" alt="วิธีจัดบ้านและห้องครัว" />ด้วยทำเลที่ตั้งของประเทศไทยซึ่งมีสภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขตร้อนชื้น อันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยชั้นดีของแมลงวันและสัตว์มีพิษหลายชนิด ส่งผลให้การแก้ปัญหาเหล่านี้ในภาพรวมนั้นเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ดีหากทุกบ้านสามารถบริหารจัดการพื้นที่ และทราบว่า <strong>แมลงวันกลัวอะไร</strong> แล้วนำวิธีไล่แมลงวันแบบง่าย ๆ ที่อธิบายไว้ข้างต้นไปใช้งานแล้ว รับรองว่าแมลงวันจะกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ ปลอดภัยจากเชื้อโรคอย่างแน่นอน</p>

แมลงวันกลัวอะไร วิธีไล่แมลงวันออกจากบ้านให้ได้ผล

ไล่แมลง

<p>วิธีกำจัดสัตว์และแมลง</p>

Guest

วิธีกำจัดสัตว์และแมลง