Baania
Baania
จังหวัด
ประเภทประกาศ
ประเภทอสังหาริมทรัพย์
ราคา

อสังหาฯ คึก ไทย-เทศ หันลงทุนแทนเล่นหุ้น

x
คลิกที่นี่ เพื่อฟังบทความ

ทุนไทย-เทศกระจายเสี่ยงตลาดหุ้นผันผวน หันลงอสังหาฯดันตลาดเพื่อการลงทุนโตต่อเนื่อง 10-20%  ชี้พื้นที่อีอีซีเนื้อหอม หากรัฐไฟเขียวต่างชาติซื้อคอนโด 100% -ให้ถือครองที่ดิน ตลาดลงทุนเดือดแน่ 

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของไทย กล่าวว่า การลงทุนภาคของภาครัฐในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วยงบลงทุน 1.5 ล้านล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี จะทำให้ 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา มีศักยภาพในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการเปิดทางให้นักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อคอนโดมิเนียมได้ 100% และสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ซึ่งกำลังรอประกาศอย่างเป็นทางการ จะทำให้การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เติบโตขึ้นมาก


นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด

สำหรับภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน มีการเติบโตที่ชัดเจนมากขึ้นทุกปี ทั้งจากนักลงทุนไทย และต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่านักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในคอนโดมิเนียมจำนวนมาก เห็นได้จากโควต้าการขายในส่วนต่างชาติสามารถขายได้ค่อนข้างเร็ว  และมั่นใจว่าตลาดอสังหาฯเพื่อการลงทุนมีแนวโน้มการเติบโตดีต่อเนื่องไปอีกหลายปี 
"เศรษฐกิจในประเทศไทยอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ดอกเบี้ยที่มีอัตราต่ำไม่ถึง 1%  ส่งผลให้คนหันมาลงทุนในอสังหาฯเพิ่มขึ้น ประกอบกับตลาดหุ้นที่ผันผวน ทำให้การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงสูงและโอกาสขาดทุนมีอยู่ นักลงทุนจึงกระจายความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า และผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยการเข้ามาลงทุนในอสังหาฯ ซึ่งสถิตินักลงทุนเติบโตขึ้นมาปีละ 10-20% ทุกปี ส่วนคนที่เคยลงทุนอสังหาฯ อยู่แล้วก็ยังลงทุนต่อเนื่อง” นายชนินทร์กล่าว 

ขณะที่นักลงทุนชาวไทยมีการเติบโตถึง 60% และในส่วนของนักลงทุนชาวต่างชาติ มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีนักลงทุนชาวสิงคโปร์ ฮ่องกง และจีนที่มีสัดส่วนมากสุดถึง 40% ก็เริ่มเห็นนักลงทุนจากประเทศอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นอย่าง ยุโรป ตะวันออกกลาง และเมียนมา โดยพบว่ามีตัวเลขการเติบโตปีละ 20-30% เนื่องจากอสังหาฯในเมืองใหญ่ในต่างประเทศมีราคาสูงขึ้นมาก ซึ่งหากต้องการลงทุนจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนอย่างน้อย 20-30 ล้านบาท เพื่อซื้อคอนโดมิเนียม 1 ห้อง ขณะที่อัตราการปล่อยเช่าจะได้ผลตอบแทน (Yield) เพียง 2-3% เท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มกับการลงทุนนัก
“นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้อสังหาฯเพื่อการลงทุนมีความคึกคักมากขึ้น และนักลงทุนคนไทยก็หันมาลงทุนในตลาดอสังหาฯเช่นกัน ซึ่งในกรุงเทพฯทำเลใจกลางหรือ CBD ยังเติบโตไปได้เรื่อยๆ เนื่องจากซัพพลายยังมีค่อนข้างจำกัด เทรนด์การลงทุนส่วนมากอยู่ในเมืองจะซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง หรือซื้อเพื่อปล่อยเช่า ก็จะมีผู้เช่าต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยทั้งคนยุโรป และญี่ปุ่น" 

สำหรับการลงทุนในโครงการของ ฮาบิแทท กรุ๊ป จะมีการันตีอัตราผลตอบแทนของค่าเช่าในโครงการอสังหาฯเพื่อการลงทุนต่างๆ สูงถึง 6% นาน 5 ปี อีกทั้งยังได้กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) จากทิศทางของราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น 3-5% ในทุกๆ ปีอีกด้วย ถือว่าตอบโจทย์นักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะฮาบิแทท กรุ๊ปเข้ามาดูแลให้ทั้งหมดตั้งแต่ผลตอบแทนที่ชัดเจน ดูแลการเช่าระยะยาวเป็นสัญญาทั้ง การซ่อมแซมและบำรุงรักษา ในส่วนของโครงการในพัทยานักลงทุนยังสามารถเข้ามาใช้ห้องได้ปีละ 14 คืนและมีการบริหารจัดการการเช่าโดยเครือโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ได้มาตรฐานระดับโลก

นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 บริษัทเตรียมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และพัทยา โดยจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม เพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุนในไตรมาส 3 จะเปิดตัว 2 โครงการ ภายใต้ชื่อ ‘วาลเด้น สุขุมวิท 39’ สูง 8 ชั้น จำนวน 116 ยูนิต บนเนื้อที่ 0-3-22 ไร่  ในซอยสุขุมวิท 39 มูลค่าโครงการ 950 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 5.6 ล้านบาท ส่วนอีกโครงการคือ ‘วาลเด้น สุขุมวิท 31’ ตั้งอยู่ในอยู่ซอยสุขุมวิท 31 บนเนื้อที่ 0-2-65.25 ไร่ มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ลักชัวรี่ สูง 8 ชั้น จำนวน 104 ยูนิต ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 5.6 ล้านบาท 

“สุขุมวิทนับเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและมีศักยภาพที่ดีในด้านการเดินทาง จึงยังคงมีดีมานด์อยู่อย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลที่สุขุมวิทไม่เพียงแค่เป็นทำเลที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นทำเลที่มีองค์ประกอบครบถ้วน มีสำนักงานชั้นนำ โรงแรม 5 ดาว แหล่งช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว โรงพยาบาล และสถานศึกษาชื่อดัง ทำให้เรามั่นใจว่าทั้ง 2 โครงการได้รับการตอบที่ดีจากลูกค้า  โดยหากพิจารณาในแง่ของการลงทุนทั้งจากการปล่อยเช่าและการถือครองระยะยาว ทำเลสุขุมวิทนี้ถือว่ามีศักยภาพในแง่การลงทุนสูงจากดีมานด์ใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ย้ายมาอยู่อาศัยตามสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น และชาวจีน รวมถึงนักลงทุนในอสังหาฯ ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของฮาบิแทท กรุ๊ป”

ทั้งนี้ โครงการ วาลเด้น สุขุมวิท 39 และ วาลเด้น สุขุมวิท 31 จะมีโมเดลธุรกิจที่แตกต่างจากพัทยา โดยมีทั้งรูปแบบซื้อเพื่อลงทุนและซื้อเพื่อพักอาศัย แต่จะเน้นที่รูปแบบของการลงทุนเป็นหลัก โดยบริษัทฯจะมีการบริหารจัดการการเช่าและอำนวยความสะดวกเรื่องการบำรุงรักษาห้องให้ผ่านบริษัท ฮาบิแทท ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่มีทีมงานมืออาชีพ มีประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการการเช่าเป็นผู้ดูแล และอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน อีกทั้งยังกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) 3-5% ในทุกๆปี

สำหรับอีกหนึ่งโครงการ จะขยายโครงการลงทุนเพิ่มเติมในพัทยาเหนือ มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 โดยยังคงยึดโมเดลการลงทุนแบบการรันตีค่าเช่า โดยมีเชนโรงแรมที่มีชื่อเสียงจากสหรัฐอเมริกา เป็นที่ยอมรับระดับโลกเข้ามาเป็นผู้บริหารและจัดการการเช่า นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมที่ดินสำหรับการพัฒนาในปีหน้าอีก 4-5 แปลง อยู่ในทำเลสุขุมวิท 4 แปลง และพัทยาอีก 1 แปลง มูลค่าที่ดินรวม 3,000 ล้านบาท  

ขณะที่ผลการดำเนินงานของฮาบิแทท กรุ๊ป  ในครึ่งปีแรก สามารถทำยอดขายได้ 1,900 ล้านบาท  หรือคิดเป็น 63%  ของเป้าหมายยอดขายรวมที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย 1,298 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 131% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการขายโครงการที่มีอยู่เดิม

Baania มี Line แล้วนะ
ติดตามเรื่องราวอสังหาริมทรัพย์แบบอินเทรนด์ ได้ทุกวันผ่าน Line ID @baania

 

ประกาศยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร

โครงการยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร