การพักรบในตลาดคอนโดมิเนียมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แล้วเบนเข็มสู่ตลาดแนวราบ กระจายสินค้าไปในต่างเซ็กเม้นท์บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หลายทำเล เป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ ไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) นับว่ามาถูกทาง เพราะหากมองสภาพตลาดคอนโดมิเนียมในเวลานี้ร้อนแรงทั้งในการแข่งขันและสู้กันด้วยราคา
กลยุทธ์ทางธุรกิจในปีนี้จึงมุ่งเน้นที่
ประเมินความเสี่ยงรอบด้าน
จากประสบการณ์ 30 ปีในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไชยยันต์ ประเมินสถานการณ์ภาพรวมในแต่ละยุค พบว่า เครื่องยนต์ที่กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ได้แก่ ท่องเที่ยว ส่งออก การลงทุนภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชน
ส่งออก แน่นอนว่าโมเมนตั้มที่ได้รับจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลถึงเศรษฐกิจของไทย ตลาดจีน สหรัฐอเมริการ ตลาดเหล่านี้ทรงตัว ถึงติดลบ นั่นสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยยังคงต้องเหนื่อยต่อไปเรื่องการส่งออก
ท่องเที่ยว นับเป็นเครื่องจักรเดียวที่ยังคงทำงานได้ดี จากตัวเลขนักท่องเที่ยว 38 ล้านคน ขยับเป็น 39.5 ล้านคน แล้วน่าจะเพิ่มเป็น 40 ล้านคนได้
การลงทุนภาครัฐ ความหวังเดียวคือ ภาครัฐที่กำลังจะผ่านงบประมาณประจำปี ถ้ารัฐบาลลงทุนดี ภาคเอกชนก็ดีตามไปด้วย
“ปีที่แล้ว รัฐบาลตั้งงบช้า ทำให้โครงการภาครัฐปี 62 ต้องล่าช้าออกไป แล้วมาเจอกับส่งออกติดลบเสียดายที่การลงทุนภาครัฐช้าเกินไป ส่วนแรงกดดันที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ผมภาวนาว่าอย่าให้เกิดสงคราม ถ้าน้ำมันพุ่งไปมากกว่านี้ การคาดการณ์เศรษฐกิจโลกว่าจะโต เศรษฐกิจ ไทยจะโต ทุกอย่างต้องยกเลิกหมด”
การบริโภคภาคประชาชน อยู่ในระดับที่ทรงตัว และติดลบเล็กน้อย จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก
อสังหาปี 63 ทุกอย่างยากขึ้น
“จากปัจจัยภายนอกที่อึมครึม ทำให้การทำธุรกิจในไทยเริ่มยากขึ้น” ไชยยันต์ กล่าว แต่ถึงอย่างนั้น ตลาดที่ยังไปได้ดี คือ แนวราบทั้งบ้าน เดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด จะเติบโตได้ 2-4%
ตัวกระตุ้นสำคัญมาจากมาตรการรัฐ ลดค่าโอน 2% ลดค่าจดจำนอง 1% รวมกัน 3% ให้เหลือ 0.01% ให้สิทธิประโยชน์เฉพาะที่อยู่อาศัย ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และ บ้านดีมีดาวน์ ที่น่าจะช่วยให้ตลาดอสังหาไตรมาสแรกโตได้
“สินค้าที่เรามี 60-70% อยู่ที่สินค้าไม่เกิน 3 ล้านบาทก็น่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ”
ตลาด 2-6 ล้านยังมีโอกาส
“สำหรับผม ปีนี้เป็นโจทย์ยากในตลาดทุกสินค้า”
แม้ในภาพรวมของตลาดอสังหาฯ และกำลังซื้อไม่ว่าตลาดไหนก็ยากทั้งนั้น แต่หากเจาะลึกลงไปกำลังซื้อ ในตลาด 2-6 ล้านบาทยังมีโอกาส
2-6 ล้านเป็นตลาดบ้านที่เน้นกลุ่มหนุ่มสาวที่เรียนจบและเริ่มต้นทำงาน มั่นใจว่าส่วนใหญ่เป็นการซื้อบ้านหลังแรก เพราะหากลงไปเล่นใตตลาดที่ต่ำกว่านี้จะเจอปัญหา แบงก์ปฏิเสธสินเชื่อ
สิ่งที่ตอบโจทย์คือ ทำเลตามแนวรถไฟฟ้าแต่ละเส้นทาง ใกล้กับแหล่งงาน ดีไซน์พื้นที่ตอบโจทย์เรื่องฟังก์ชั่นการใช้งาน และทำราคาไว้ที่ผ่อนไม่เกินหมื่นบาทต่อเดือนบวกลบ โดยมีเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 35,000 ต่อเดือนก็ซื้อได้
แผนรบในปี 63
แผนงานในปีนี้ ตั้งเป้าเติบโต 13 % ด้วยยอดขาย 6,200 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 5,250 ล้านบาท โดยเตรียมพัฒนาโครงการใหม่ 9-11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,000-5,500 ล้านบาท พร้อมจัดสรรงบซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ไว้ที่ 1,000-1,200 ล้านบาท
ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ลลิล ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์เพื่อการสื่อสารกับผู้บริโภค โดยนำกลยุทธ์ Lifestyle Marketing มาสื่อสารกับลูค้าเก่าและใหม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
ควบคู่กับการทำ Digital Marketing และนำ Big Data มาใช้เพื่อวิเคราะห์และหา Customer Insight รวมถึงพัฒนาระบบ CRM ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งงบด้านการตลาดไว้ที่ 3-4% เพื่อการสร้าง Brand Loyalty กับลูกค้าเป้าหมาย สร้างความเชื่อมั่นในทุกมิติ ให้เกิดการแนะนำและบอกต่อ
โดยการทำงานจะยึดหลักบริหารเสี่ยง ยืดหยุ่นตลอดเวลา ลุยพัฒนาเดือนละ1 โครงการ ช่วงไตรมาสแรกของปีเมื่อเห็นสัญญาณไม่ดีพร้อมถอย
บทพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพ
ในสถานการณ์ตลาดที่เต็มไปด้วยความท้าทายนี้จะสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพทางธุรกิจว่าทำได้ดีแค่ไหน
“คนที่เก่งน้อยที่สุดก็ขายไม่ได้ ถ้าไม่เก่งจริง วิจัยตลาดไม่ดี ไม่ชำนาญพอที่จะวิเคราะห์ตลาดเป้าหมาย ยิงไม่ตรงเป้า ซื้อที่ดินแพง ต้นทุนแพงกว่า คุณก็เป็นผู้แพ้
วิธีคิดถูก แต่การปฏิบัติผิด ก็ทำให้ผิดได้ ถ้าคู่แข่งขาย 2.3. ล้านแล้วคุณขาย 2.9 ล้าน ก็ไม่ได้ เพราะที่สุดแล้วลูกค้าเป็นคนตัดสินคุณนะ ผมบอกเรื่องนี้กับทีมงานมาโดยตลอด ธุรกิจต้องถูกต้องแม่นยำ ตรงใจลูกค้า”
ไชยยันต์ เน้นย้ำ ในปีนี้จะให้ความสำคัญกับศักยภาพการแข่งขันของบริษัท นวัตกรรม การบริหารต้นทุน เราเป็นบริษัทมืออาชีพ เรื่องการซื้อที่ดิน ค่าการตลาดที่ไม่สูง ต้นทุนดอกเบี้ยไม่แพง หนี้สินต่อทุนที่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม การวางกลยุทธ์ การงานเป็นทีม และประสบการณ์การทำธุรกิจมากว่า 30 ปี คิดว่าจะฝ่าฟันความยากลำบากของการทำธุรกิจในปี 2563 ไปได้
“คงมีไม่กี่บริษัทที่เติบโต และเรายืนอัตราเติบโตที่ 13% นับเป็นปีแห่งการพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง”