คาดปล่อยกู้บ้านทะลุ 7 แสนล้าน จับตาดอกเบี้ยขยับ

ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ชี้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ดันสินเชื่อบ้านปีนี้ 7แสนล้าน คาดอสังหาฯปีนี้โต 7-10% ขณะที่แบงก์กรุงศรีฯ มั่นใจปล่อยกู้ทะลุเป้าจับตาดดอกเบี้ยขาขึ้น ครึ่งปีหลังดอกเบี้ยคงที่ทะลุ 3% 

นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจของไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ จากปัจจัยการส่งออกที่เติบโตขึ้น และภาคการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวมาก และการเร่งรัดการลงทุนด้านสาธารณูปโภคของภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ขณะที่การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับสินเชื่อปล่อยใหม่จะขยายตัวมาก 

“ในปีนี้ทั้งสินเชื่อที่อยู่อาศัยและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะขยายตัวขึ้นมาก โดยคาดว่า สินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ทั้งระบบของปีนี้จะอยู่ที่ 7 แสนล้านบาท (ปี 2560 สินเชื่อปล่อยใหม่ 633,000 ล้านบาท) และสินเชื่อคงค้างจะอยู่ที่ 3.7 ล้านล้านบาท (สิ้นปี 2560 สินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 3.5 ล้านล้านบาท) โดยที่ อัตราดอกเบี้ยโดยรวมจะยังไม่ปรับขึ้นตลอดปีนี้” นายกิตติกล่าว

สำหรับ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะเติบโตขึ้นทั้งตลาดเอกชนที่หันไปพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในระดับบน และตลาดล่างที่รัฐบาลให้การสนับสนุนผ่านการเคหะแห่งชาติ โดยการก่อสร้างรถไฟฟ้าอีกหลายเส้นทาง จะทำให้เกิดทำเลการพัฒนาที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ขึ้น และทำให้เกิดความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าตลอดทั้งปี ตลาดที่อยู่อาศัยจะเติบโตได้ 7-10%

อย่างไรก็ตาม ต้องการให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ ด้วยการสนับสนุนให้เกิดการออมระยะยาว เพื่อการซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งตามมาตรการสากลควรจะต้องมีเงินออมสำหรับการดาวน์ที่อยู่อาศัยประมาณ 20% ของราคาบ้าน จึงได้มีแนวคิดในเรื่อง Saving Bonus เพื่อส่งเสริมให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยออมเงินก่อนการซื้อบ้าน 

ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยออมเงินได้ 150,000 บาท รัฐจะให้โบนัสอีก 50,000 บาท  สำหรับการดาวน์ที่อยู่อาศัย  โดยแนวคิดดังกล่าว อยู่ระหว่างการเสนอให้คณะกรรมการที่อยู่อาศัยแห่งชาติพิจารณาในรายละเอียด โดยจะมีการจัดตั้งกองทุนที่อยู่อาศัย เพื่อสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง 

สำหรับในปีนี้ทางสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ร่วมกับ บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด จัดงาน อภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018 ระหว่างวันที่ 16 - 19 สิงหาคม 2561 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นการรวบรวมโครงการที่อยู่อาศัยในหลากหลายทำเล บ้านมือสอง ในทำเลศักยภาพต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษจากสถาบันการเงิน พิเศษสำหรับงานปีนี้คือ การจัดโซนพิเศษ "Hot Deal" สินค้าราคาพิเศษเฉพาะภายในงานเท่านั้น

ด้านนายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ธนาคารมองเป็นภาพบวก จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น และตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น ขณะที่ดีมานด์และซัพพลายด์ในตลาดเข้ามาใกล้กัน ทำให้ตลาดอสังหารริมทรัพย์ไทยกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น และเป็นแรงหนุนส่งมาที่สินเชื่อบ้านด้วย

ขณะที่แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อบ้านของธนาคารในปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจะเติบโต 11% หลังจากที่ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสินเชื่อบ้านของธนาคารสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยที่สินเชื่อใหม่ปล่อยไปแล้ว 3.1-3.2 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายปล่อยใหม่ถึงสิ้นปี 6.3 หมื่นล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2.3 แสนล้านบาท จากเป้าหมายสินเชื่อคงค้างสิ้นปีนี้ 2.4 แสนล้านบาท

โดยในช่วงครึ่งปีหลังธนาคารคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อบ้านได้เพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่วงที่ผู้ประกอบอสังหาริมทรัพย์เริ่มทยอยก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ และเริ่มทยอยโอนเข้ามา นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ปรับกระบวนการในการทำงานและพิจารณาสินเชื่อ ทำให้พนักงานของธนาคารเข้าถึงผู้ประกอบการและลูกค้ามากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้มีลูกค้ามาใช้บริการสินเชื่อบ้านกับธนาคารมากขึ้น 

แม้ว่าในแง่ของอัตราดอกเบี้ยเสินเชื่อบ้านของธนาคารจะเริ่มทยอยปรับขึ้นมาตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา จากการที่ธนาคารมองว่าต้นทุนทางการเงินเริ่มสูงขึ้น และแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ต้องเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น ซึ่งธนาคารจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-10 สตางค์/เดือน ในส่วนของลูกค้าที่ครบกำหนดดอกเบี้ยอัตราพิเศษ

“อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของธนาคารในช่วง 3 ปีแรก เฉลี่ยอยู่ที่ 3% และธนาคารมองว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของธนาคารอื่นๆ จะเริ่มทยอยปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มของภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ จะเห็นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของทั้งระบบธนาคารพาณิชย์สูงกว่า 3% และจะไม่มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า 3% อีกแล้ว เพราะทุกธนาคารจะต้องคิดอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับต้นทุน