หากคุณกำลังทำโครงการบ้านจัดสรรและกำลังมองหาแนวคิดดีๆในการทำงาน Baania ขอแนะนำให้รู้จักกับ นพ.บุญสวัสดิ์ ณ เชียงใหม่ เจ้าของโครงการบ้านอรินรดา ลำพูนที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 63 ที่จะมาเล่าเรื่องราวชีวิตและแนวคิดในการทำงานของตัวเองซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับหลายคนที่กำลังทำธุรกิจอยู่นะครับ
<h2>รู้จักกับคุณหมอที่หันมาทำธุรกิจอสังหาฯ</h2>
Baania มีโอกาสได้พูดคุยกับ นพ.บุญสวัสดิ์ ณ เชียงใหม่ อดีตเป็นแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลแมคเคน เชียงใหม่ ตอนนี้เป็นเจ้าของโครงการบ้านอรินรดา ลำพูน ด้วยความที่เกิดและเติบโตที่นี่ ชีวิตหลังเกษียณจึงมีความคิดที่อยากจะทำอะไรเพื่อตอบแทนและคืนให้บ้านเกิด จึงมีความคิดที่อยากใช้ที่ดินในจังหวัดลำพูนที่มีอยู่แล้วซึ่งสืบทอดมาจากตระกูลมาทำเป็นโครงการบ้านที่อยู่อาศัย ซึ่งจะต้องเป็นบ้านที่จัดเต็มให้ลูกค้าในราคาที่คุ้มค่า มีครบเครื่องในทุกด้าน และใส่ใจในทุกรายละเอียด โดยชื่อโครงการ "อรินรดา" นั้นมาจากชื่อของหลานสาวของ นพ.บุญสวัสดิ์
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1598869505179-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B2-5.jpg" alt="บ้านอรินรดา ลำพูน" width="1020" height="837" />
<h2>ความเป็นมาก่อนจะมาทำธุรกิจอสังหาฯ</h2>
ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โครงการนี้เป็นบ้านสร้างเพื่อขายเป็นโครงการแรก เมื่อก่อน นพ.บุญสวัสดิ์ได้ทำอพาร์ทเม้นท์บ้านคุณหมอ ที่ตำบลป่าแดด ซึ่งเปิดเป็นห้องพักให้เช่าและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงมองเห็นว่าน่าจะทำในส่วนของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อไป ประกอบกับที่ที่ลูกชาย (นายนัฐดนัย ณ เชียงใหม่) อยู่ในสายงานก่อสร้างและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากว่า 9 ปี จึงทำให้ นพ.บุญสวัสดิ์จึงมองเห็นว่าน่าจะใช้ที่ดินดังกล่าวมาทำเป็นโครงการบ้านสร้างเพื่อขายขึ้นมา จึงเกิดเป็นโครงการบ้านอรินรดา ลำพูนนั้นเอง
เมื่อมีความคิดที่จะทำบ้านเพื่อขายแล้ว จึงช่วยกันระดมไอเดียจนสรุปว่าทำเลโซนนี้ควรเริ่มจากการทำเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว โดยที่ต้องเป็นโครงการที่แตกต่างจากคู่แข่งและต้องมีกำไรเป็นเรื่องรอง โดยเน้นไปที่ความคุ้มค่าและความพึงพอใจของลูกค้ามาก่อนเพื่อให้คนทั่วไปได้รู้จักและจดจำแบรนด์ "อรินรดา" ได้ง่าย ทั้งนี้เพราะอรินรดาก็เป็นหน้าใหม่ของที่ลำพูนด้วย จึงเกิดเป็นสโลแกน "มากกว่าทรัพย์สิน" ขึ้นมา ซึ่งนอกจากราคาที่คุ้มค่าในตอนที่ซื้อแล้ว ที่ดินและบ้านตรงนี้จะมีมูลค่าสูงขึ้นตามเวลาด้วย ทำให้สามารถใช้อยู่อาศัยหรือซื้อเพื่อปล่อยต่อก็ได้ราคาเช่นกัน
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1598869582207-บ้านอรินรดา-3.jpg" alt="บ้านอรินรดา ลำพูน" width="1020" height="765" />
ทำโครงการต้องคิดถึงผู้อยู่อาศัยมาก่อน
สำหรับแนวคิดของโครงการนั้น นพ.บุญสวัสดิ์ อยากสร้างบ้านที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร โดยที่ความคุ้มค่าของลูกค้าต้องมาก่อน อย่างเรื่องการเลือกวัสดุ โครงการเลือกใช้วัสดุจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงหรือมีมาตรฐาน อาทิ การเลือกใช้วัสดุ อีโคบล็อก (EKOBLOK) อิฐรักษ์โลก นวัตกรรมใหม่ที่กันความร้อน กันเสียงได้ดี หรือปูนคอนกรีตก็เลือกใช้ของ CPAC ที่มีมาตรฐาน
&nbsp;ส่วนการออกแบบพื้นที่ใช้สอยในบ้าน นพ.บุญสวัสดิ์ให้ความสำคัญกับคำว่า "ครอบครัวต้องมาก่อน" โดยออกแบบให้ส่วนรับแขกหรือดูทีวีนั้นเชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหารและครัว เกิดเป็นโถงขนาดใหญ่ก่อนจะแยกเข้าสู่ห้องนอน เป็นการเน้นให้เกิดการใช้พื้นที่ส่วนรวมร่วมกัน เกิดการพูดคุยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้รู้สึกอบอุ่น แตกต่างจากการเลือกอยู่แบบห้องใครห้องมัน นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มขนาดของบ้านให้ใหญ่ขึ้นรองรับทุกกิจกรรม และออกแบบให้ใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าทุกส่วน ไม่เกิดพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
&nbsp;<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1598869622704-บ้านอรินรดา-6.jpg" alt="บ้านอรินรดา ลำพูน" width="1020" height="574" />
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1598869635561-บ้านอรินรดา-2.jpg" alt="บ้านอรินรดา ลำพูน" width="1017" height="1123" />
<h2>มีทำเลดี ที่ดินดี มีชัยไปกว่าครึ่ง</h2>
ด้วยความที่โครงการอยู่ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกและอยู่ติดถนนใหญ่ 4 เลน สามารถเดินทางสัญจรไปยังสถานที่ต่างๆได้อย่างรวดเร็ว อาทิ ตลาดลำพูนจตุจักร แจ่มฟ้าชอปปิงมอล และ โกลบอลเฮ้าส์ที่อยู่ห่างจากโครงการเพียง 2 กิโลเมตร และอยู่ตรงข้ามกับเครือสหพัฒน์ลำพูน รวมไปถึงจะมีการพัฒนาถนนในโซนนี้ในอนาคต ทำให้ทำเลนี้มีการประเมินจากธนาคารที่สูงขึ้นทุกปี เหมาะสำหรับคนที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุนในระยะยาวนั้นเอง
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1598869676536-บ้านอรินรดา-4.jpg" alt="บ้านอรินรดา ลำพูน" width="1020" height="765" />
<h2>เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ ขายให้ถูกคน</h2>
บ้านอรินรดา ลำพูน เป็นโครงการบ้านชั้นเดียว พื้นที่ใช้สอย 132 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ที่ดินเริ่มต้น 54 ตารางวา มีทั้งหมด 12 ยูนิต ซึ่งเป็นบ้านสำหรับครอบครัวขนาดกลาง โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักอยู่ที่กลุ่มที่อยู่อาศัยจริงและซื้อเพื่อปล่อยเช่า ทั้งนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของลำพูนนั้น นพ.บุญสวัสดิ์มองว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงโดยเฉพาะกลุ่มเจ้าของกิจการ หัวหน้างานบริษัท และ พนักงานระดับสูงในโรงงาน รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่แต่งงานกับคนไทย การเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนจะช่วยทำให้ขายได้ง่ายขึ้น
<h2>ทำงานอย่างมืออาชีพ เลือกคนที่มีประสบการณ์</h2>
ในส่วนของวิธีการทำงาน นพ.บุญสวัสดิ์ได้มอบหมายให้ลูกชายเป็นผู้ดูแลโครงการอีกทางหนึ่ง โดยใช้บริษัทรับเหมาก่อสร้าง "บริษัท สหฤทธิ์ก่อสร้าง จำกัด" ซึ่งเป็นบริษัทของลูกชายที่ทำงานทางด้านอสังหาริมทรัพย์มานานและมีคติในการทำงานว่า "แม่นยำ ปลอดภัย ใส่ใจ เป็นระบบ" เวลาลูกชายดูแลโครงการก็จะทำทุกกระบวนการเหมือนเราเป็นลูกค้า ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเหมือนเราเป็นเจ้าของบ้านเอง
ทั้งนี้ในช่วงโควิด-19 อาจส่งผลต่อลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโครงการลดลง แต่ทางลูกชายก็มองว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะสร้างบ้านก่อนขายและใช้เวลานี้พัฒนาและแก้ไขแบบบ้านให้ออกมาดีที่สุด โชคดีที่เป็นเจ้าของที่ดินเองและมีเงินทุนสำรองไว้แล้ว ทำให้ยังรักษาสภาพคล่องทางการเงินได้ และยังพร้อมสำหรับการก่อสร้างบ้านทันทีเมื่อลูกค้าจองบ้าน ก็นับว่าเป็นการปรับตัวเพื่อรับกับสถานการณ์ได้ดีเลยทีเดียว
ก็คิดว่าคงได้แนวคิดดีๆในการทำงานกลับไปบ้างไม่มากก็น้อยจากการพูดคุยกับ "นพ.บุญสวัสดิ์ ณ เชียงใหม่" การทำธุรกิจที่เน้นลูกค้ามาก่อนกำไรอาจจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ถ้าทำได้ดี สร้างบ้านที่ดีกับลูกค้าในทุกๆด้าน ลูกค้าก็จะจดจำเราได้ดีและเชื่อมั่นเราได้เช่นกัน เราได้ลูกค้าชั้นดี และ ลูกค้าก็ได้บ้านที่ดีคุ้มค่า ก็นับว่าวินๆกันทั้งคู่นะครับ
ที่มาภาพประกอบ: <a href="https://www.facebook.com/Arinrada.LP/">https://www.facebook.com/Arinrada.LP/</a>

"นพ.บุญสวัสดิ์ ณ เชียงใหม่" สร้างบ้านลูกค้าให้เหมือนเป็นบ้านตัวเอง ที่ "บ้านอรินรดา ลำพูน"

การขายอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด -19 โดยเฉพาะในบทบาทและภารกิจของ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM ในการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA)ที่ให้ได้ผลตอบแทนในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งทำโดยการประมูลทรัพย์ด้วยแล้วอาจต้องดำเนินการภายใต้ข้อจำกัดมากขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
แนวทางการปรับมุมมอง วิธีคิด และกลยุทธ์เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปสำหรับ SAM เกิดขึ้นในหลายด้านภายใต้การนำของ &nbsp;&ldquo;นิยต มาศะวิสุทธิ์&rdquo; กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM
ปรับวิธีขายใหม่
&ldquo;SAM มีการปรับกระบวนการ ในช่วงหกเดือนนี้ ทำให้รูปแบบการขาย และโอกาสการขายมีมากขึ้น&rdquo; นิยต บอกถึงการทำงานของ SAM ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่การนำเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) ที่สร้างประสบการณ์เสมือนจริงให้กับผู้ที่สนใจทรัพย์ได้เห็น ตัวอย่างเช่น นำเสนอภาพทรัพย์ แล้วทำให้เห็นว่าเมื่อใส่เฟอร์นิเจอร์เข้าไปแล้วเป็นอย่างไร ซึ่งวิธีนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าทำให้เสนอทรัพย์และเพิ่มโอกาสการขายได้เป็นอย่างดี
เพิ่มรอบประมูล&nbsp;
ในสถานการณ์ปกติ SAM เปิดให้มีการประมูลทรัพย์ 9 ครั้งต่อปี จนมาถึงปีนี้ที่ต้องเจอกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เท่ากับว่าการทำงานต้องหายครึ่งหนึ่ง เหลือเวลาการทำงานที่ต้องเร่งระบายทรัพย์ในช่วง 6 เดือนที่เหลือของปีโดยเตรียมจัดกิจกรรมประมูลให้ได้ 18 ครั้ง ผ่านช่องทาง FB LIVE &nbsp;
สิ่งที่ SAM ทำเพื่อให้ได้การดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมาย มีด้วยกัน 2 แนวทาง นั่นคือ
1.กลยุทธ์ราคา
2.เพิ่มความถี่การจัดประมูล
ด้านกลยุทธ์ราคา SAM &nbsp;จัดมหกรรมประมูลทรัพย์ NPA ในแคมเปญ &ldquo;Shock Price&rdquo; &nbsp;ไปเมื่อในวันที่ 3 และ 17 กรกฏาคม 2563&nbsp;&nbsp;โดยทั้ง 2 รอบนี้&nbsp;SAM คัดทรัพย์ทำเลทองทั่วประเทศมาปรับลดราคาสูงสุดถึง 30% พร้อมโปรโมชั่นแรงทั้งฟรีทั้งแถม &nbsp;
โดยการประมูลทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ครั้งที่ 6 ของปี 2563 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา SAM&nbsp;สามารถจำหน่ายทรัพย์สินได้รวมทั้งสิ้นประมาณ 165&nbsp;ล้านบาท&nbsp;โดยมีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ายื่นซองประมูลจำนวนมากและมีทรัพย์เด่นทำเลดีของ SAM ถูกประมูลออกไปหลายรายการ&nbsp; อาทิ บ้านเดี่ยว ที่ดินเปล่า อาคารพาณิชย์ในเขตกรุงทพฯ ปริมณฑล รวมทั้งทรัพย์ทำเลดีในต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดหัวเมืองหลักและเมืองท่องเที่ยวอีกหลายรายการ อาทิ โครงการที่พักอาศัย ใน จ.เชียงใหม่ ทรัพย์ลงทุนใน อ.แม่สอด จ.ตาก&nbsp; อาคารพาณิชย์กลางเมืองเชียงราย จ.ภูเก็ต รวมทั้งบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี &nbsp;เป็นต้น&nbsp;
แคมเปญFinal Call ลดก่อนปรับราคา
&ldquo;ปีนี้ SAM ครบปีที่ 20 ที่ผ่านมา ไม่ค่อยพูดเรื่องการดั๊มราคาลง เพราะที่ผ่านมาการกำหนดราคาทรัพย์จะเริ่มที่ราคาใกล้กับราคาตลาดอาจกดต่ำลงบ้างแต่ก็เล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรก ช็อคไพรส์ ลดมากถึง 20-30% เพราะเชื่อว่าคนที่ซื้ออสังหายังมีอยู่และอยากจะได้ของถูก ซึ่งการจัดแคมเปญจะช่วยกระตุ้นให้คนมาประมูลเยอะขึ้น จึงเป็นที่มาของแคมเปญล่าสุด Final Call&rdquo;
ภายใต้แคมเปญ&nbsp;&ldquo;Final Call ลดสะใจ โอกาสสุดท้ายก่อนปรับราคา&rdquo;&nbsp;จัดให้มีขึ้นในวันที่ 20-31 กรกฎาคม 2563 โดยจะฟรีค่าโอน 0.5 &ndash; 1% และ Gift Card มูลค่าสูงสุดถึง 5 หมื่นบาท พร้อมรับสิทธิ์ลุ้นสร้อยคอทองคำ
ตัวอย่างทรัพย์ที่น่าสนใจ อาทิ&nbsp;ที่ดิน เนื้อที่ 8 ไร่เศษ&nbsp;ทำเลทองของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยย่านบางบอน ลดราคาจาก 82.90 ล้านบาท เหลือ 70.31 ล้านบาท&nbsp;อาคารพาณิชย์ เนื้อที่&nbsp;23 ตร.ว.&nbsp;ย่านเยาวราช ติดถนนเจริญกรุงใกล้สถานี MRT วัดมังกร ลดราคาจาก 35.49 ล้านบาท เหลือ 27.89 ล้านบาท บ้านเดี่ยวสุดหรู เนื้อที่ 102 ตร.ว. ย่านพัฒนาการ &ndash; อ่อนนุช ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ ลดราคาจาก 18.59 ล้านบาท เหลือ 15.79 ล้านบาท
สำหรับทรัพย์ในต่างจังหวัด อาทิ&nbsp;โชว์รูม จ.ขอนแก่น เนื้อที่&nbsp;1 ไร่เศษ&nbsp;ตั้งอยู่ใจกลางเมืองขอนแก่น ลดราคาจาก 94.89 ล้านบาท เหลือ 70.89 ล้านบาท และที่ดินเปล่า จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 3 ไร่ครึ่ง&nbsp;ย่านธุรกิจการค้า ใจกลางเมืองสุราษฎร์ธานี ลดราคาจาก 53.19 ล้านบาท เหลือ 43.79 ล้านบาท เป็นต้น &nbsp;
แม้จะมีข้อจำกัดที่เพิ่มเข้ามาจากสถานการณ์โควิด-19 แต่จากการปรับตัวและรูปแบบการทำงาน ผู้บริหาร SAM เชื่อมั่นว่าจะเป็นการการโอกาสการขายที่มากขึ้น โดยผู้สนใจสามารถเข้าร่วมประมูลทรัพย์ NPA ของ SAM ได้ที่เว็บไซต์&nbsp; <a href="http://www.sam.or.th%20และ">www.sam.or.th และ</a> Facebook Fanpage
&nbsp;
&nbsp;
&nbsp;
&nbsp;
&nbsp;
&nbsp;
&nbsp;
&nbsp;

SAM กับกลยุทธ์บริหารทรัพย์ NPA ช่วงโควิด-19

กุลพันธ์วิลล์ กว่า 30 ปีที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อเติมเต็มความสุขของคุณและคนที่คุณรัก ทีมงาน Baania ได้มีโอกาสพูดคุยสัมภาษณ์ผู้บริหารสูงสุดของ &ldquo;กุลพันธ์วิลล์&rdquo; โครงการหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของชาวเชียงใหม่ ด้วยผลงานกว่า 30 ปี ใน 17 โครงการ และวันนี้กุลพันธ์วิลล์ ได้แตกไลน์ธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจสนามกอล์ฟ และโรงแรมอย่างเต็มตัว โดยเราได้รับเกียรติจากคุณสมภาคย์ ตระการกุลพันธ์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทในเครือกุลพันธ์กรุ๊ป เพื่อให้ข้อมูลและวิสัยทัศน์ในการจัดการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงข้อมูลโครงการกุลพันธ์วิลล์ ที่กำลังอยู่ในกระแสขณะนี้
โครงการกุลพันธ์วิลล์ที่กำลังเปิดขายอยู่ในปัจจุบัน
โครงการกุลพันธ์วิลล์ที่กำลังเปิดขายอยู่ตอนนี้มีอยู่ 4 โครงการ คือ <a href="https://www.baania.com/th/project/กุลพันธ์วิลล์-9-เดอะ-เลเจนท์-project_695" target="_blank" rel="noopener">โครงการกุลพันธ์วิลล์โครงการ 9 ในส่วนของ Tiara zone</a> <a href="https://www.baania.com/th/project/กุลพันธ์วิลล์-15-พาร์ค-อเวนิว-project_144" target="_blank" rel="noopener">โครงการกุลพันธ์วิลล์โครงการ 15 Park Avenue</a> <a href="https://www.baania.com/th/project/กุลพันธ์วิลล์-16-เดอะบลิส-project_381" target="_blank" rel="noopener">โครงการกุลพันธ์วิลล์โครงการ 16 The Bliss</a> และ <a href="https://www.baania.com/th/project/กุลพันธ์วิลล์-17-เดอะ-พินนาเคิล-project_246" target="_blank" rel="noopener">โครงการกุลพันธ์วิลล์โครงการ 17 The Pinnacle</a> โดยระดับราคาเริ่มต้นที่ราคา 3.5 ล้านบาท จนถึง 60 ล้านบาท
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1594050358697-Koolpunt4.jpg" alt="โครงการกุลพันธ์วิลล์" width="1020" height="862" />
ส่วนโครงการที่อยู่ในกระแสชาว Social เกี่ยวกับไลฟ์โค้ชคนดังขณะนี้ คือโครงการกุลพันธ์วิลล์ 17 The Pinnacle ซึ่งเป็นบ้านในสไตล์ Modern Luxury โครงการแรกในจังหวัดเชียงใหม่ โดยอยู่ภายใต้ปรัชญาการออกแบบที่เน้นในเรื่อง Safety, Privacy, Luxury และ Comfy ด้วยสาเหตุที่ทำเลที่ตั้งของโครงการ 17 อยู่ใน Prime area ใจกลางเมืองเชียงใหม่ เพียง 2.8 กิโลเมตรจากสี่แยกแอร์พอร์ต 4.5 กิโลเมตรจากไนท์บาร์ซ่า และ 5.5 กิโลเมตรจากโรงพยาบาลสวนดอก ทำให้การเดินทางไปทุกจุดในจังหวัดเชียงใหม่สะดวกสบายและคล่องตัวในเวลาไม่เกิน 5-8 นาที โดยที่ดินผืนนี้มีขนาดเพียงประมาณ 13.5 ไร่ และถูกแบ่งเป็นพื้นที่แปลงขายเพียง 21 ยูนิต ซึ่งเป็นขนาดที่สามารถสร้างสังคมที่รองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายซึ่งเป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับไฮเอนด์ จึงเป็นที่มาของหลักการออกแบบในสไตล์ Modern Luxury ข้างต้น
แบบบ้านที่ได้รับการออกแบบจะเติมเต็ม Lifestyle ของผู้พักอาศัยครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัว ลิฟต์โดยสาร ที่จอดรถจำนวน 4-6 คัน การออกแบบให้อาคารจอดรถเป็นตัวบัฟเฟอร์ระหว่างพื้นที่พักอาศัยและพื้นที่ถนนส่วนกลาง โดยเหลือที่ว่างของแปลงที่ดินด้านหลังบ้านสำหรับการใช้ชีวิตกลางแจ้งอย่างเป็นส่วนตัว
ขนาดที่ดินเริ่มต้นสำหรับบ้านในโครงการนี้ค่อนข้างใหญ่ ตั้งแต่ 170 ตารางวาขึ้นไป รวมถึงขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 600 ตารางเมตร และสิ่งสำคัญคือ การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างในเกรด Ultra Premium เพื่อจะให้บ้านทุกหลังสมกับคำว่า Modern Luxury อย่างแท้จริง และสิ่งที่ตามมาก็คือระดับราคาซึ่งทำให้ลูกค้าทั่วไปมองว่าเป็นบ้านหรูราคาแพง
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1594050385794-Koolpunt5.jpg" alt="กุลพันธ์วิลล์ 17 The Pinnacle" width="1020" height="679" />
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1594050400180-Koolpunt6.jpg" alt="กุลพันธ์วิลล์ 17 The Pinnacle" width="1020" height="679" />
ด้วยความเป็นมาของกุลพันธ์วิลล์กว่า 30 ปี ที่มีปรัชญาซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ และจริงใจต่อลูกค้าทุกราย การออกแบบและราคาของบ้านทุกหลัง จึงมีความสัมพันธ์และสมเหตุสมผลอยู่ในตัวของมันเอง
ส่วนโครงการ 9, 15 และ 16 เราก็มีปรัชญาในการออกแบบ ทั้งการออกแบบตัวอาคาร และการออกแบบชุมชน สังคมที่ใช้ชีวิตรูปแบบแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ตั้งของแต่ละโครงการ และกลุ่มเป้าหมายที่โครงการคาดหวัง
การปรับตัวรับมือโควิด-19 เตรียมพร้อมสำหรับ New Normal
เราก็ได้รับผลกระทบจากโควิดในระดับหนึ่ง ซึ่งสำหรับสถานการณ์อสังหาฯจริงๆแล้วได้รับผลกระทบจากปัจจัยรอบด้านมาร่วมปีแล้วก่อนโควิดเสียอีก ตั้งแต่เรื่องการจำกัดสินเชื่อที่ทางธนาคารมีความเข้มงวดในเรื่องการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทำให้ผู้ซื้อบ้านกู้เงินได้ยากขึ้นมาก ปัจจัยทางด้านความมั่นคงในหน้าที่การงาน รวมถึง GDP รวมที่ถดถอย
ส่วนในช่วงโควิดนั้นเรียกได้ว่ายอดผู้เข้ามาเยี่ยมชมโครงการต่อเดือนนั้นเหลือแค่ 20-30 ราย ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับช่วงปกติ อย่างไรก็ตามคิดว่าหลังสถานการณ์คลี่คลายก็น่าจะดีขึ้นตามลำดับ
สำหรับการปรับตัวเพื่อรับมือกับ New Normal ที่เกิดขึ้น โครงการกำลังศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเช่น Touchless Technology ที่สามารถใช้งานสิ่งต่างๆโดยไม่ต้องสัมผัส หรือระบบ Smart Home ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆในบ้านได้จากโทรศัพท์มือถือ รวมถึงระบบพลังงานทดแทน เช่น Solar Cell เพื่อนำมาใช้กับโครงการใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ของ New Normal และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1594052372776-Koolpunt2.jpg" alt="คุณสมภาคย์ ตระการกุลพันธ์" width="1020" height="662" />
มองอนาคตให้ใกล้ ปรับเปลี่ยนแผนให้ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบัน
เราโชคดีที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้เราสามารถพิจารณาแผนตามสถานการณ์ระยะสั้นได้ ต่างจากหลายบริษัทใหญ่ๆในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องมีแผนการระยะยาวหลายๆปี เพราะต้องนำไปเสนอกับผู้ถือหุ้นรายย่อยต่างๆ ยิ่งช่วงเศรษฐกิจแบบนี้เราได้หยุดแผนสำหรับโครงการใหม่ขนาดใหญ่ไว้ก่อน โดยจะเน้นที่โครงการขนาดเล็ก ขนาดเนื้อที่ประมาณ 20-30 ไร่แทน รวมถึงจะไล่เก็บรายละเอียดพื้นที่เฟสย่อยๆในโครงการ 9 ซึ่งเป็นโครงการฐาน และเป็นโครงการขนาดใหญ่ของเรา นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่มธุรกิจต่างชาติหลายรายให้ความสนใจเข้ามาติดต่อขอร่วมลงทุนในพื้นที่ Land bank ของเรา ซึ่งก็อยู่ในขั้นตอนการเจรจา
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1594052390839-Koolpunt3.jpg" alt="คุณสมภาคย์ ตระการกุลพันธ์" width="1020" height="520" />
มองปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดเชียงใหม่อย่างไร?
จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงมากๆ และก็เติบโตต่อเนื่องในช่วง 10 กว่าปีนี้อย่างรวดเร็ว ดังเห็นได้จากการที่บริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ได้เข้ามาขยายฐานลูกค้าในจังหวัดเชียงใหม่ครบเกือบทุกบริษัท แต่อุปสรรคที่เกิดขึ้นและรุนแรงขึ้นต่อเนื่องมาหลายปี โดยต้องร่วมกันหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด ก็คงจะเป็นปัญหาของมลพิษทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นการเผาป่า และ pm 2.5 ซึ่งอยากให้ชาวเชียงใหม่ทุกคน รวมถึงภาครัฐให้ความตระหนักรู้ และใส่ใจในการร่วมกันแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อเป็นการช่วยลดมลภาวะ การเจรจาตกลงหาแนวทางแก้ไขกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นต้นทางของมลพิษ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับลูกหลานต่อไป และสุดท้ายจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติสวยงาม วัฒนธรรมที่น่าประทับใจ เป็นสวรรค์ของชาวไทยและชาวต่างชาติตลอดไป
หากสนใจรายละเอียดเกี่ยวกับกุลพันธ์สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ :&nbsp;<a href="http://www.koolpuntville.com/">http://www.koolpuntville.com</a>

'กุลพันธ์' ความคุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ใส่ใจทุกรายละเอียด

ปัจจุบันประเทศไทยได้เดินหน้าเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้การวางแผนเกษียณเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องการใช้ชีวิตให้มีความสุขซึ่งองค์ประกอบสำคัญส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือที่อยู่อาศัยและสังคมที่อบอุ่นทุกช่วงเวลาของการใช้ชีวิต ฉะนั้นทีมงาน Baania ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณ ฉัตรชนก ประกอบบุญ กรรมการผู้จัดการบริษัท กอปรบุญ เอสเตท จำกัด ถึงแนวคิดเรื่องบ้านสำหรับวัยเกษียณในประเทศไทย
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1583469067990-interview_fon-2.jpg" alt="" width="1020" height="525" />
แนวโน้มสดใส ในธุรกิจอสังหาฯของผู้สูงวัย
หากจะมองตลาดของสังคมผู้สูงวัย (Aging Society) ขณะนี้ไม่ได้มีเพียงประเทศไทยเท่านั้นแต่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกเนื่องจากเข้าสู่ยุคเบบี้บูมเมอร์ (baby boomer) ที่ไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น ก็ล้วนเป็นสังคมผู้สูงวัยทั้งหมด ต่างกันที่แต่ละประเทศมีจำนวนมากหรือน้อยเท่านั้น สำหรับประเทศไทยพบว่ามีจำนวนประมาณร้อยละ 20 หรือ 1 ใน 5 ของประชากรทั้งประเทศ
สังคมผู้สูงอายุที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกจะกลายเป็นโอกาสของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ หากมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุได้ จะไม่ใช่แค่ตลาดของประเทศไทยแต่จะเป็นตลาดของกลุ่มลูกค้าต่างประเทศอีกด้วย ส่วนในจังหวัดเชียงใหม่เป็นเป้าหมายที่วัยเกษียณ (รีไทร์เม้นท์) อยากจะมาใช้ชีวิตที่นี่ โดยดูจากอันดับโดย Travel+Leisure ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เป็นจังหวัดที่ผู้คนอยากมาในอันดับต้น ๆ เพราะส่วนหนึ่งค่าครองชีพต่ำ อากาศดี อีกทั้งสิ่งแวดล้อมในจังหวัดเชียงใหม่ยังเอื้อกับกลุ่มนี้
ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์กลุ่มนี้ถือว่ายังเติบโตไม่มาก นับเป็นโอกาสดีถ้าจะมีผู้ประกอบการมาลงทุน รีไทร์เม้นท์โฮม (Retirement Home) จังหวัดเชียงใหม่มีความพร้อมด้านต่างๆรองรับโดยเฉพาะโรงพยาบาลระดับประเทศที่มีมาตรฐานสูง ทันสมัย ซึ่งเป็นองค์รวมที่จะตอบโจทย์กับกลุ่มรีไทร์เม้นท์โฮม
ทั้งนี้หากสนใจลงทุนในตลาดนี้ ต้องศึกษาแบบบ้านที่จะตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ เช่นห้องน้ำจะต้องมีราวจับ ประตูห้องน้ำกว้างจากเดิมที่จะนำรถเข็นเข้าไปได้ พื้นห้องน้ำต้องเรียบเสมอกัน ทั้งบ้านต้องเป็นระดับเดียวกัน มีปุ่มฉุกเฉิน&nbsp; ซึ่งเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุในการใช้ชีวิตประจำวันในบ้านของตนเอง นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในบ้าน เช่น นวัตกรรมที่ใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือแท๊ปเลต คือการนำเอาเทคโนโลยีมาตอบโจทย์ตรงนี้
ควรศึกษาลูกค้า เพื่อเข้าถึงความต้องการ
ด้านบริษัท กอปรบุญ เอสเตท ให้บริการนายหน้าอสังหาฯนั้น จะเป็นลูกค้าชาวไทย โดยเฉพาะคนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากทำการตลาดออนไลน์ ก็มีลูกค้าต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น 2 - 3 ปี ที่ผ่านมาก็มีลูกค้าต่างชาติจาก จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง เป็นลูกค้ามากขึ้น กระทั่งเมื่อปีที่แล้วลูกค้าจากประเทศจีนเริ่มหายไป เนื่องจากสงครามอเมริกา และภาวะเศรษฐกิจ กลุ่มนี้ก็จะไม่ใช้เงินเช่นกัน จนถึงปีนี้ก็มีปัจจัยเรื่องไวรัสCovid19อีก สำหรับรีไทร์เม้นท์โฮม (Retirement Home) ในประเทศไทยควรมีการจัดกลุ่มอายุ อาทิ 60 - 65 ปี หรือ 65 - 70 ปีให้ชัดเจน เช่น อายุ 60 ปี หรือ 80 ปี จะอยู่ในกลุ่มเดียวกันไม่ได้ ทั้งเรื่องความแข็งแรงของร่างกายและกิจกรรมของแต่ละกลุ่มอายุก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย
บ้านวัยเกษียณ ต้องเป็นอยู่อาศัยเพื่อการใช้ชีวิต
สำหรับคนไทยที่อายุมากมักเลือกที่จะอาศัยอยู่กับลูกหลาน ส่วนกลุ่มลูกค้าต่างชาติก็จะต้องเข้าถึงคุณสมบัติหรือลักษณะพิเศษของคนแต่ละประเทศ เช่น ถ้าอยากได้ลูกค้าผู้สูงอายุประเทศญี่ปุ่น จะต้องเป็นสไตล์เรียบง่ายแบบมินิมอลลิสต์ ส่วนลูกค้าผู้สูงอายุกลุ่มยุโรป ก็จะต้องมีพื้นที่กว้าง ๆ ดังนั้นการสร้างบ้านของผู้สูงอายุจะต้องคำนึงถึงวัฒนธรรมของชาตินั้นๆ
นิยามสำหรับวัยเกษียณมันจะระบุในช่วงคนที่อายุเกิน 60 ปี ว่าเป็นผู้สูงอายุนั้น ความเป็นจริงแล้ว ผู้สูงอายุบางคนมีความกระฉับกระเฉงคล่องตัวมาก แต่จริง ๆ คนที่เกษียณเมืองนอกอายุ 60 - 65 ปี ยังแข็งแรงอยู่เลย ลูกค้าหลายท่านที่มาหาเช่าบ้านหรือหาซื้อคอนโดที่เป็นต่างชาติ ยังไม่แก่และไม่ได้ป่วย แข็งแรงเหมือนคนปกติ แค่อายุมากเท่านั้น นอกจากจะแข็งแรง ยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้ออีกด้วย ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์กลุ่มนี้ได้ ไม่ต้องคิดไปไกลถึงขั้นป่วยต้องหาพยาบาลเตรียมพร้อม 24 ชั่วโมง เพียงแค่มีไว้เป็นทางเลือกเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าเท่านั้น เพราะจุดประสงค์คือเพียงต้องการใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายเท่านั้น
ตลาดเปิดกว้างหากภาครัฐผลักดัน
ผู้สูงอายุที่เกษียณชาวต่างประเทศยังมีความคล่องตัว สามารถหาเช่าบ้านหรือซื้อคอนโดในเชียงใหม่อยู่ได้เองแบบสบายๆ โดยไม่ใช่บ้านแบบที่ผู้ป่วยติดเตียงอยู่อาศัย บ้านสำหรับผู้สูงอายุจะตอบโจทย์กับชาวต่างประเทศมากกว่าเพราะจะมีเงินเดือนสำหรับคนเกษียณ ซึ่งถ้ามาอยู่เมืองไทยจะดำเนินชีวิตได้อย่างสบาย&nbsp; สำหรับการเป็นนายหน้าเราสามารถขายผลิตภัณฑ์แบบไหนก็ได้ ถ้ามีผลิตภัณฑ์เข้ามาในตลาด แต่ยังมีไม่เยอะมาก สำหรับลูกค้าในกลุ่มนี้ &nbsp;ตลาดของผู้สูงอายุมีอยู่แล้ว แต่จะต้องได้รับการประชาสัมพันธ์ และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
ต้องแสดงให้เห็นว่าประเทศไทย เช่น จังหวัดเชียงใหม่หรือกรุงเทพฯ มีบ้านสำหรับกลุ่มรีไทร์เม้นท์โฮมที่ปลอดภัย มีมาตรฐาน โดยเฉพาะการช่วยเหลือจากภาครัฐในเรื่องประชาสัมพันธ์เพราะแม้ตลาดมีความต้องการ มีนักลงทุนดำเนินการ แต่ยังพบว่าเรื่องประชาสัมพันธ์ยังเข้าไม่ถึงในกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ ส่วนการประชาสัมพันธ์เรื่องบ้านรีไทร์เม้นท์โฮมของกอปรบุญจะเน้นลูกค้าแถบยุโรป อเมริกา เนื่องจากเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูง มีจุดขายเพราะเชียงใหม่เป็นเมืองที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1583469131061-interview_fon-1.jpg" alt="" width="1020" height="520" />
อย่างไรก็ตาม กอปรบุญซึ่งในฐานะนายหน้าอสังหาฯ ถ้ามีลูกค้าต่างชาติเข้ามาติดต่อหาบ้านเช่าหรือจะซื้อคอนโด มิใช้การหาบ้านหรือคอนโดให้ลูกค้าแล้วถือว่าเสร็จสิ้น แต่จะดูแลและให้บริการลูกค้าในด้านต่างๆ เช่น การติดต่อเรื่องวีซ่า หรือการเลือกบ้านให้ตรงกับความต้องการ อาทิใกล้กับโรงพยาบาล, ศูนย์การค้า โดยให้คำแนะนำต่างๆ ให้กับลูกค้า ให้พวกเขาเหล่านั้นรู้สึกอบอุ่นเสมือนใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองเช่นกัน...
ฉัตรชนก ประกอบบุญ บริษัท กอปรบุญ เอสเตท จำกัด ติดต่อ Tel. 084-5186464, 082-3893984 เว็บไซต์ <a href="https://www.facebook.com/korbboonestate">https://www.facebook.com/korbboonestate</a> , <a href="http://korbboonestate.com/">http://korbboonestate.com</a>

Interview-กอปรบุญ-1-Edit1.jpg

อสังหาฯสำหรับวัยเกษียณ กับตลาดที่สดใส

สัมภาษณ์พิเศษ

ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่าลืมลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิรับส่วนลดค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้า เป็นเวลา 12 เดือน ผ่านเว็บไซต์ของหน่วยงานของการประปาและการไฟฟ้า โดยจะหมดเขตกันยายน 2565 นี้สำหรับมาตรการลดค่าไฟและค่าน้ำนี้ กระทรวงการคลังให้สิทธิ์สำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยทุกวันที่ 22 ของเดือนจะสาามรถถอนเป็นเงินสดได้และสะสมในเดือนถัดไปได้ ซึ่งเงินคืนที่จะมอบให้มีดังนี้<ul><li>เงินคืนค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)</li><li>เงินคืนค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน) <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220628/content/nbbx45np-20220628104436.webp" style="width: 100%;" alt="" width="" height="" title="ลดค่าน้ำและค่าไฟ" class="" role=""> </li></ul><h2>วิธีรับสิทธิ์ลดค่าน้ำและค่าไฟ&nbsp;</h2>สำหรับวิธีรับสิทธิ์หรือวิธีลงทะเบียนในมาตรการลดค่าน้ำและค่าไฟสาามรถทำได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ที่กำหนด มีวิธีดังนี้ครับ<h3>วิธีรับสิทธิลดค่าน้ำประปา</h3>1.ลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่ <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">-การประปาส่วนภูมิภาค <a href="https://register.pwa.co.th/welfare-register" target="_blank">https://register.pwa.co.th/welfare-register</a><a href="https://register.pwa.co.th/welfare-register" target="_blank" style="background-color: rgb(255, 255, 255); font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;"></a> <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">-การประปานครหลวง <a href="https://eservicesapp.mwa.co.th/welfareregist" target="_blank" style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem; background-color: rgb(255, 255, 255);">https://eservicesapp.mwa.co.th/welfareregist</a>2.กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ชื่อ-นามสกุลของผู้ลงทะเบียน (ตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ)3.กรอกเลขบัตรประชาชนของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้ลงทะเบียน4.กรอกอีเมลของผู้ลงทะเบียน (ถ้ามี), เบอร์โทรศัพท์ของผู้ลงทะเบียน (ถ้ามี)5.เลือกสาขาของบ้านที่จะใช้สิทธิสวัสดิการ6.กรอกเลขที่ผู้ใช้น้ำ เลขที่ผู้ใช้น้ำของบ้านที่จะใช้สิทธิสวัสดิการ7.เลือกรูปภาพที่ปรากฏให้ถูกต้อง และคลิกที่ปุ่มตกลง<h4>เงื่อนไขการลงทะเบียน “ลดค่าน้ำ”&nbsp;</h4>1.ต้องเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หากเคยลงทะเบียนรับสิทธิไว้แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">2.เริ่มได้รับสิทธิตั้งแต่ใบแจ้งค่าน้ำประปาประจำเดือน ตุลาคม 2564 -&nbsp;กันยายน 2565 <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">3.ใบแจ้งค่าน้ำประปาที่มีการใช้น้ำประปาประจำเดือนไม่เกิน 315 บาท หากยอดไม่เกิน 100 บาทจะจ่ายเต็ม แต่หากเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท จะได้รับการสนับสนุน 100 บาท ซึ่งหากเกิน 315 บาท จะต้องจ่ายส่วนเกินนั้นด้วยตนเอง <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">4.ผู้ใช้น้ำต้องชำระเงินค่าน้ำประปาตามที่ระบุในใบแจ้งค่าน้ำประปา ให้การประปานครหลวง/การประปาส่วนภูมิภาค ตามปกติ จากนั้นกรมบัญชีกลางจะโอนเงินคืนให้ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในกลางเดือนถัดไป <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">5.สิทธิลดค่าน้ำนี้ไม่ครอบคลุมสำหรับผู้ใช้น้ำในหอพักหรือคอนโดมิเนียม<h3>วิธีลงทะเบียนลดค่าไฟ</h3><h4>วิธีรับสิทธิลดค่าไฟ กฟภ.</h4>1.ลงทะเบียน <a href="https://eservice.pea.co.th/WelfareRegister/" target="_blank">https://eservice.pea.co.th/WelfareRegister/</a>2.กด “ยอมรับเงื่อนไข”3.กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก4.กรอกเลขบัตรสวัสดิการเเห่งรัฐ5.กรอกเลขเบอร์โทรศัพท์มือถือ6.กรอกหมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้า7.กรอกรหัสเครื่องวัดไฟฟ้า8.เลือกบิลประจำเดือน9.กรอกจำนวนเงินค่าไฟฟ้าตามบิลประจำเดือนที่เลือกไว้10. กด “ยืนยันข้อมูล”<h3>วิธีรับสิทธิลดค่าไฟ กฟน.</h3>1.ลงทะเบียน <a href="http://meagate1.mea.or.th/welfareregis" target="_blank">http://meagate1.mea.or.th/welfareregis</a>2.กรอกข้อมูลรหัสเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า (เลขมิเตอร์ไฟฟ้า) ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ (เฉพาะหมายเลข 8 หลัก)3.กรอกบัญชีเเสดงสัญญา (เฉพาะหมายเลข 9 หรือ 10 หลัก)4.ชื่อ นามสกุล เเละที่อยู่จะเเสดงตามที่ระบบค้นหาจากรหัสเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า5.กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลักตามที่ระบุในบัตรสวัสดิการเเห่งรัฐ6.ข้อมูลเบอร์โทรศัพท์และ e-Mail ของผู้ลงทะเบียน (ถ้ามี)7.กดปุ่ม “ลงทะเบียน”<h4>เงื่อนไขรับสิทธิลดค่าไฟ</h4>1.ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องเป็นผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับสิทธิ 1 สิทธิต่อครัวเรือนต่อบิลเดือน และต่อหนึ่งหมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้าเท่านั้น <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">2.สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ต่อครัวเรือนต่อบิลเดือนเท่านั้น <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">3.ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องชำระเงินค่าไฟฟ้าเต็มจำนวนตามที่ระบุในใบแจ้งค่าไฟฟ้า และกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินคืนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ต่อไป <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">4.ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิไฟฟ้าฟรีไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน หากเดือนใดเกินจะไม่ได้รับสิทธิ์ <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">5.จะต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ตามช่องทางที่กำหนด <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">6.เริ่มได้รับสิทธิตั้งแต่ค่าไฟฟ้าประจำเดือนตุลาคม 2564 – กันยายน 2565<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">ในยุคข้าวยากหมากแพง เงินเฟ้อแบบนี้ ใครที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่ อย่าลืมไปลงทะเบียนรับสิทธิ์กันครับขอบคุณข้อมูล <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;"><a href="https://www.facebook.com/CGDthailand/posts/pfbid0pq8H6aA1Um41aCZc5prTUFL3v8gUKbNATBr8tY7gVgcukBTHbMvQsAYJTxH17V12l" target="_blank">กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง</a> <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;"><a href="https://www.prachachat.net/general/news-965274" target="_blank">https://www.prachachat.net/general/news-965274</a>

วิธีรับสิทธิ์ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ สำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

กระเบื้องคัมพานา ธรรมชาติที่สร้างบรรยากาศ ที่แสนพิเศษได้ไม่รู้จบ โดยบริษัทเอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน)ชวนเปิดมุมพิเศษ หรือปรับเปลี่ยนมุมว่างให้เป็นพื้นที่เพิ่มความสุข สุดชิลล์ ด้วยการสร้างสรรพื้นที่ใช้งานใหม่ภายในบ้าน กับกระเบื้องสุดคูล ที่แอบแฝงความหรูหรา ดูเบาสบายแบบเล็ก ๆ &nbsp;ชุด ไอซ์แลนด์ซี่รีย์ (Iceland Serie) &nbsp;งานดีไซน์ มีระดับ แต่ราคาสบายกระเป๋า ใหม่ล่าสุดจากคัมพานา ที่ถอดความงามของหินอ่อนสีขาว บริสุทธิ์ ให้อารมณ์ สงบนิ่ง พร้อมลื่นไหลไปกับลายริ้วสีเทาอ่อนเลียนแบบลายหินธรรมชาติที่ดูสมจริง ด้วยนวัตกรรมการพิมพ์ผิวหน้าระบบ Digital Printing และการทำดีไซน์แบบ Random ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ลายริ้วบนพื้นผิวกระเบื้อง ขนาด 60 x 60 cm ดูแตกต่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น &nbsp;มีให้เลือกทั้งในแบบพื้นผิวมันเงา และพื้นผิวซาตินที่มีลักษณะกึ่งเงากึ่งด้าน ตามความนิยม &nbsp;ให้พื้นที่เล็ก ๆ เป็นมุมพิเศษได้ไม่ยาก พร้อมเพิ่มความเก๋ด้วยโต๊ะข้างและกระถางต้นไม้จิ๋วตามเทรนด์นิยม และพลาดไม่ได้กับเก้าอี้อาร์มแชร์ตัวหนานุ่มมาเพิ่มความชิลล์ ให้การพักเบรค ไม่ธรรมดาอีกต่อไป
สำหรับท่านที่สนใจค้นหารายละเอียดสินค้า หรือ เลือกชมลวดลายของกระเบื้องในคอลเลคชั่นต่าง ๆ ของคัมพานา เพิ่มเติมได้ที่ <a href="http://www.campanatiles.com" target="_blank" rel="noopener">www.campanatiles.com</a> &nbsp; หรือ <a href="https://www.facebook.com/campanatiles" target="_blank" rel="noopener">https://www.facebook.com/campanatiles</a> หากต้องการสัมผัสพื้นผิวของสินค้าจริงสามารถเยี่ยมชมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายกระเบื้องคัมพานาทั่วประเทศ&nbsp;
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1622458676852-ภาพข่าว Iceland.jpg" alt="กระเบื้องคัมพานา" width="608" height="406" />

ปก.jpg

เปิดจุดชิลล์ ด้วยกระเบื้องสุดคูล ไอซ์แลนด์ซี่รีย์ จากคัมพานา

รัฐออกมาตรการลดค่าไฟบ้านและค่าน้ำประปา เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด 19 จะลดแบบไหน ลดเท่าไร นานเท่าใด และเราอยู่ในกลุ่มที่ได้รับสิทธิ์หรือไม่ มาดูกันครับ
ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด 19 ทำให้ช่วงนี้ต้องงดการออกจากบ้าน และทำงานที่บ้านแบบ Work From Home กัน แน่นอนว่าค่าน้ำและค่าไฟของย่อมพุ่งตามไปด้วย ทำให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 5 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โดยให้ความช่วยเหลือลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาตามมาตรการเดิมที่ได้ดำเนินการในช่วงเดือนที่ผ่านมาต่อในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2564&nbsp; หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ลดค่าน้ำประปาและค่าไฟสำหรับบ้านอยู่อาศัยของเราในช่องพฤษภาคมและมิถุนายนครับ โดยสรุปง่ายๆ ดังนี้
<h2>ค่าไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก</h2>
1. ถ้าใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน จะได้รับสิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก
2. ถ้าใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน โดยหน่วยที่ใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่ากับที่ใบแจ้งหนี้ของเดือนเมษายน 2564 ให้คิดค่าใช้ไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริง&nbsp;
3. ถ้าใช้ไฟฟ้ามากกว่าหน่วยในใบแจ้งหนี้เดือนเมษายน 2564 &nbsp;ให้คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ดังนี้
<ul>
<li>ถ้าใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน ให้คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564</li>
<li>ถ้าใช้ไฟฟ้ามากกว่า 500 หน่วยต่อเดือน แต่ไม่เกิน 1,000 หน่วยต่อเดือน ให้คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 บวกด้วยหน่วยการใช้ไฟฟ้าที่มากกว่าหน่วยการใช้ไฟฟ้าใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 ในอัตรา 50%</li>
<li>ถ้าใช้ไฟฟ้ามากกว่า 1,000 หน่วย ให้คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 บวกด้วยหน่วยการใช้ไฟฟ้าที่มากกว่าหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 ในอัตรา 70% โดยให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม4. สำหรับกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) จะได้รับสิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 50 หน่วยแรก (รวมค่าบริการ) ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2564</li>
</ul>
<h2> ค่าน้ำประปาลด 10%</h2>
สำหรับบ้านอยู่อาศัย ได้แก่ ที่อยู่อาศัยทุกประเภท ทั้งบ้าน คอนโด หอพัก บ้านเอื้ออาทร เป็นต้น รวมถึงกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ได้แก่ กิจการร้านโชห่วย ร้านค้า หรือโรงแรมขนาดเล็ก จะได้ลดค่าน้ำประปาลง 10% &nbsp;เป็นระยะเวลา 2 เดือนสำหรับใบแจ้งหนี้ค่าน้ำประปาประจำเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2564&nbsp;

รัฐออกมาตการลดค่าไฟฟ้า ลดค่าประปา เดือนพ.ค - มิ.ย. 64

หากพูดถึงระบบรถไฟฟ้าเมืองไทยก็มีด้วยได้อย่างหลากหลายทั้งรถไฟฟ้า BTS MRT และ Airport Link ซึ่งมีเส้นทางที่ให้บริการแตกต่างกันออกไปแต่ก็มีบางสถานที่เป็นสถานที่เชื่อมต่อเพื่อช่วยให้การเดินทางของผู้โดยสารสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นแต่สำหรับวันนี้จะขอพูดถึง &ldquo;รถไฟฟ้า BTS&rdquo; ที่ย่อมาจาก Bangkok Transit System (ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ) ซึ่งจะมีเส้นทางบริการเส้นทางใดกันบ้างและมีเส้นอัตราค่าบริการอัพเดตล่าสุดในปี 2564 เท่าไรมาดูมาดูกัน
<h2>1. เส้นทางรถไฟฟ้า BTS มีกี่เส้นทางใดบ้าง</h2>
<ul>
<li>สายสุขุมวิท (Sukhumvit Line) เริ่มกันที่สถานี [N1] ราชเทวี - [N24] คูคต</li>
<li>สายสุขุมวิท (Sukhumvit Line) เริ่มกันที่สถานี [E1] ชิดลม - [E23] เคหะ</li>
<li>สายสีลม(Silom Line) เริ่มกันที่สถานี [W1] สนามกีฬาแห่งชาติ - [S12] บางหว้า</li>
<li>สายสีทอง (Gold Line) เริ่มกันที่สถานี [G1] เจริญนคร - [G3] คลองสาน</li>
</ul>
*** หมายเหตุ: สถานีเชื่อมต่อ หรือสถานีศูนย์กลาง (Center) ของการให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสคือ สถานีสยาม (Siam Station )
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1610278550577-เส้นทางรถไฟฟ้า.jpg" alt="เส้นทางรถไฟฟ้า" width="1020" height="765" /></h2>
<h2>2. ข้อมูลค่าโดยบัตรโดยสาร</h2>
<ul>
<li>บัตรโดยสารเที่ยวเดียว - โดยสามารถใช้เดินทางได้เพียง 1 เที่ยวระหว่างสถานีตามอัตราค่าโดยสารที่กำหนด (อยู่ที่ประมาณ 16 - 44 บาท) โดยใช้เดินทางได้เฉพาะวันที่ซื้อเท่านั้น ตั๋วโดยสารจะถูกเก็บคืนอัตโนมัติฝั่งขาออกและมีจำหน่ายบัตร ณ เครื่องจำหน่ายตั๋วโดยสารอัติโนมัติ</li>
<li>บัตรโดยสารประเภทหนึ่งวัน - ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 140 บาทโดยสามารถเดินทางในวันที่ซื้อได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยวและระยะทาง อีกทั้งไม่สามารถแลกคืนมูลค่าคงเหลือได้และมีจำหน่าย ณ ห้องจำหน่ายตั๋วทุกสถานี</li>
<li>บัตรแรบบิท - โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ</li>
</ul>
- สำหรับนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุไม่เกิน 23 ปีโดยยึดตามวันเดือนปีเกิดของบัตรประจำตัวประชาชนทั้งสถานศึกษาในไทยและต่างประเทศ โดยผู้ใช้งานบัตรประเภทดังกล่าวจะต้องบัตรประชาชน บัตรนักเรียน หรือบัตรนิสิตนักศึกษาแสดงต่อพนักงานเมื่อมีการร้องขอ
- สำหรับผู้สูงอายุ ที่มีสัญชาติไทยอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปโดยยึดตามวันเดือนปีเกิดของบัตรประจำตัวประชาชนโดยผู้ใช้งานบัตรประเภทดังกล่าวจะต้องนำบัตรประชาชนแสดงต่อพนักงานเมื่อมีการร้องขอ &nbsp;
หากพบว่าผู้ใดใช้บัตรโดยมิชอบ หรือมิได้มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดทางบริษัทฯจะถือว่าไม่ได้มีการชำระค่าบัตรโดยสารและสงวนสิทธิ์ในการริบบัตร รวมถึงเรียกให้ผู้โดยสารชำระค่าปรับในอัตราไม่เกิน 20 เท่าของราคาค่าโดยสารสูงสุดตามปกติ
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1610278528981-บัตรโดยสาร.jpg" alt="บัตรโดยสาร" width="1020" height="765" /></h2>
<h2>3. อัตราค่าโดยสารในปัจจุบัน</h2>
แม้จะยังเป็นเรื่องถกเถียงกันตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปี 2563 ที่ผ่านมาเกี่ยวกับอัตราค่าโดยสารเนื่องจากปรับค่าโครงสร้างค่าโดยสารใหม่โดยค่าแรกเข้าครั้งเดียวจะอยู่ที่ 15 บาทและเก็บสูงสุดไม่เกิน 65 บาทตลอดสายและจะมีการปรับค่าโดยสารเพิ่มสูงขึ้นทุกปีตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) และเพื่อไม่ให้กระทบกับการดำเนินชีวิตของชาวกรุงเทพมหานคร&nbsp;
อย่างไรก็ตาม การกำหนดราคาตามค่าสัมปทานเดิมซึ่ง BTSC หรือบริษัทในเครือบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัดได้เป็นผู้บริหารรถไฟฟ้าระยะทาง 23.5 กิโลเมตรตั้งแต่เส้นทางสายสุขุมวิทหมอชิต - อ่อนนุช สนามกีฬา - สะพานตากสินในอัตราค่าโดยสารปัจจุบันอยู่ที่ 16 - 44 บาทตามระยะทาง สำหรับช่วงต่อขยายตั้งแต่อ่อนนุช - สำโรง - เคหะ วงเวียนใหญ่ - บางหว้า หมอชิต - วัดพระศรีฯ กรุงเทพมหานครจะเป็นผู้กำหนดอัตราค่าโดยสาร
สำหรับในปัจจุบันโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสครอบคลุม 59 สถานี รวมถึงส่วนต่อขยายช่วงสถานีสะพานตากสิน-บางหว้า สถานีอ่อนนุช-เคหะ และ สถานีหมอชิต-คูคตโดยมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 68.25 กิโลเมตรซึ่งครอบคลุม 3 จังหวัดได้แก่ สมุทรปราการ กรุงเทพมหานครและปทุมธานี
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1610278507266-อัตราค่าโดยสาร.jpg" alt="อัตราค่าโดยสาร" width="1020" height="765" /></h2>
<h2>4. อัตราค่าโดยสารแบบเติมเที่ยวและเติมเงินแบบบัตรแรบบิท</h2>
บัตรโดยสารแบบเติมเงินคือการเติมเงินขั้นต่ำ 100 บาทและสูงสุดไม่เกิน 4,000 บาทโดยสามารถใช้ได้เฉพาะ 25 สถานีเดิมโดยหักค่าโดยสารตามระยะทาง
บัตรโดยสารแบบเติมเที่ยวคือการเดินทางเฉพาะ 25 สถานีเดิมไม่รวมส่วนต่อขยายโดยมีอายุการเดินทาง 30 วันนับจากวันที่ใช้เดินทางครั้งแรก &nbsp;
สำหรับประชาชนทั่วไป
<ul>
<li>ราคา 15 เที่ยว 465 บาท เฉลี่ยอยู่ที่ 31 บาท/เที่ยว</li>
<li>ราคา 25 เที่ยว 725 บาท เฉลี่ยอยู่ที่ &nbsp;29 บาท/เที่ยว</li>
<li>ราคา 40 เที่ยว 1,080 บาท เฉลี่ยอยู่ที่ &nbsp;27 บาท/เที่ยว</li>
<li>ราคา 50 เที่ยว 1,300 บาท เฉลี่ยอยู่ที่ &nbsp;26 บาท/เที่ยว</li>
</ul>
สำหรับนักศึกษา
<ul>
<li>ราคา 15 เที่ยว 360 บาท เฉลี่ยอยู่ที่ 24 บาท/เที่ยว</li>
<li>ราคา 25 เที่ยว 550 บาท เฉลี่ยอยู่ที่ &nbsp;22 บาท/เที่ยว</li>
<li>ราคา 40 เที่ยว 800 บาท เฉลี่ยอยู่ที่ &nbsp;20 บาท/เที่ยว</li>
<li>ราคา 50 เที่ยว 950 บาท เฉลี่ยอยู่ที่ &nbsp;19 บาท/เที่ยว</li>
</ul>
สำหรับผู้สูงอายุ
<ul>
<li>ไม่สามารถเติมเที่ยวในบัตรได้แต่สามารถรับโปรโมชั่นและส่วนลดได้ตามเงื่อนไขตามที่บริษัทฯ ได้กำหนด</li>
</ul>
<h2>5. เปรียบเทียบอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า</h2>
ตารางแสดงราคาอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าโดยแยกตามประเภทการใช้บริการโดยคิดจากจำนวนสถานีที่ให้บริการ ดังนี้
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1610282073079-เปรียบเทียบอัตราค่าโดยสาร.jpg" alt="เปรียบเทียบอัตราค่าโดยสาร" width="1020" height="765" />
ข้อมูล ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2562
จะเห็นได้ว่าอัตราค่าโดยสารต่ำสุดคือ MRT ในอัตราค่าบริการตลอดสายเพียง 42 บาทแต่สำหรับค่าโดยสารตลอดเส้นทางของ BTS ที่จะปรับขึ้นในรอบใหม่รวมส่วนต่อขยายรวมถึงส่วนต่อขยายช่วงสถานีสะพานตากสิน-บางหว้า สถานีอ่อนนุช-เคหะ และ สถานีหมอชิต-คูคตอยู่ที่ 65 บาทต่อทั้งสายในอัตราค่าโดยสารปกติ
จะเห็นได้ว่าอัตราค่าบริการรถไฟฟ้าบีทีเอสจะเริ่มต้นที่ 15 บาทและราคาตลอดสายจะอยู่ที่ 65 บาทซึ่งท่านที่มีการเดินเป็นประจำทั้งบุคคลทั่วไป นักเรียน และนักศึกษาสามารถซื้อบัตรเติมเที่ยวและเติมเงินเพื่อลดอัตราค่าโดยสาร สำหรับผู้สูงอายุรับโปรโมชั่นและส่วนลดได้ตามเงื่อนไขตามที่บริษัทฯ ได้กำหนด
ที่มาภาพประกอบ:
<a href="http://www.sakhononline.com/report/2017/?p=1187" rel="nofollow">www.sakhononline.com</a>
<a href="https://www.bts.co.th/routemap.html" rel="nofollow">www.bts.co.th</a>

เช็คราคาค่าโดยสาร BTS ทุกเส้นทางปี 64

ข่าวการขนส่งและสาธารณูปโภค

สัมมนาใหญ่ประจำปี 2567 Chiangmai RE - Future 2024จัดโดยสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ เพื่อเป็นการให้ข้อมูลกับสมาชิกสมาคม ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อสะท้อนมุมมองความท้าทายและโอกาสท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานในพิธีเปิดและปาฐกถาพิเศษถึงมาตราการและแนวทางในการสนับสนุนให้ผู้มีโภคมีโอกาสเข้าถึงที่อยู่อาศัยว่ารัฐบาลนั้นได้ตระหนักถึงปัญหาและไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้มีนโยบายที่จะผลักดันและประสานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะลดปัญหาต่าง ๆ และเพิ่มความสามารถของผู้บริโภคให้มีโอกาสเข้าถึงการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240409/content/qz4hw0nj-20240409065121.jpg" style="width: 100%;"> มาตราการด้านภาษีสำหรับผู้บริโภคสำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัย บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด (ทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง) เฉพาะที่มีราคาซื้อขาย และราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อสัญญา ในการจดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567การลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 1% ของราคาประเมินหรือราคาขายการลดค่าธรรมเนียมการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% จากยอดเงินกู้ซึ่งมาตราการนี้กำลังมีการพิจารณาเพิ่มเติมในส่วนราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์จากไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อสัญญา เป็น 7 ล้านบาท ให้เป็นไปตามภาวะการเพิ่มขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นดอกเบี้ยกู้ยืมเงินเพื่อซื้อ เช่าซื้อหรือสร้างอาคารที่อยู่อาศัยตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาทและรัฐบาลได้ดำเนินการขับเคลื่อนผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ โดยเฉพาะธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อตอบสนองให้ผู้บริโภคได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยการจัดทำโครงการสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐหรือโครงการบ้านล้านหลัง ซึ่งเน้นไปที่ราคาที่อยู่อาศัยราคาต่ำเพื่อผู้มีรายได้น้อย ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเพื่อเพิ่มวงเงินกู้ต่อรายให้สูงขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับราคาที่อยู่อาศัยที่สูงโครงการ Happy Life เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ปลูกสร้างอาคารหรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคารเพื่อต่อเติม ขยายหรือซ่อมแซมอาคาร ไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่นซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เอื้อต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในภาวะอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันและทางรัฐบาลจะช่วยผลักดันให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจออกมาตราการส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัย และบรรเทาภาระในการชำระสินเชื่อในส่วนนโยบายของรัฐบาลต่อจังหวัดเชียงใหม่นั้น รัฐบาลจะเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนการท่องเที่ยว เช่น การจัดงานมหาสงกรานต์ ที่ทางจังหวัดเชียงใหม่ถูกคัดเลือกเป็น 1 ใน 5 จังหวัดเมืองหลัก การชุบชีวิตแหล่งท่องเที่ยว 7 แห่ง น้ำตกห้วยแก้ว สวนสัตว์เชียงใหม่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี อุทยานหลวงราชพฤกษ์ โบราณสถานเวียงกุมกาม วัดพระธาตุดอยคำ การพัฒนาเส้นทางคมนาคม ปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 121 (วงแหวนรอบ 3 ) ทางหลวงหมายเลข 1004 (ถนนไปดอยสุเทพ) ท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ 2 เพื่อเป็นการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างรายได้และกำลังซื้อให้กับประชาชนนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวในการบรรยายพิเศษ ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2567<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240409/content/6snknhra-20240409075306.png" style="width: 100%;"> ปัญหาหลักของธุรกิจอสังหาฯในตอนนี้ คือ ตลาดหดตัวต่อเนืองเป็นปีที่ 2 ยอดขายในไตรมาส 1/2567 ลดลง 29% สินค้ารอการขายมีสูงสุดในรอบ 29 ปี สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในระดับราคาที่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ทาง 7 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ได้มีรวบรวมข้อเสนอ 8 ข้อให้กับทางรัฐบาลพิจารณาเพื่อช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์1. ปรับค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองมูลค่าไม่เกิน 5 - 7 ล้านบาท หรือให้สิทธิลดหย่อน 3 ล้านบาทแรก                                                                                 2.ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน ล้านละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท3. สนับสนุนบ้านหลังแรก Soft Loan 3% เป็นเวลา 5 ปีแรก และสนับสนุนเงินดาวน์ 100,000 บาท 4. ขอให้ลดขนาดโครงการที่ดินจัดสรร5. ลดหย่อนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 50% เป็นระยะเวลา 1 ปี6. ทบทวนการถือครองที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติยาวขึ้นจาก 30 ปี เป็น 60 ปี7. ประสานธนาคารแห่งประเทศไทยยกเลิกมาตราการ LTV8. ขอให้ทบทวนกระบวนการขออนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA)นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อรสิริน โฮลดิ้งจำกัด (มหาชน) และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ บรรยายในหัวข้อ แนวโน้มและความท้าทายของผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงความท้าทายในปี 2566 ว่ากำล้งซื้อของผู้บริโภคลดลงจาก ภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90% ของ GDP ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้น และมาตราการ LTV ที่ยังเข้มงวด<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240409/content/klpafsi6-20240409065231.jpg" style="width: 100%;"> ข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศ ปี2566 สะท้อนถึงกำลังที่ลดลง โดยแนวราบลดลง -8% อาคารชุดลดลง ร้อยละ -13.5% โดยกลุ่มหลักที่ลดลงอยู่ในระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้าน ลดลง ถึง -33.2%แต่มีจุดที่น่าสนใจคือยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติ ไตรมาส 4/2566 มีหน่วยโอนกรรมสิทธิ ลดลง -0.9% แต่มูลค่าเพิ่มสูงขึ้น 6.9% มีมูลค่าถึง 20,901 ล้านบาทแนวทางการการปรับตัวของผู้ประกอบการท้องถิ่น ในปี 2567 ควรเน้นการทำการตลาดเพื่อการเติบโต ให้ตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มที่ยังมีแนวโน้มเติบโต เช่นกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ที่ยังสนใจที่อยู่อาศัยในจังหวัดเชียงใหม่กลุ่มผู้บริโภคที่สนใจสินค้าระดับกลาง-บน ไม่มีปัญหาในการขอสินเชื่อกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสนใจสภาพแวดล้อม  กลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับการเลี้ยงสัตว์ ( Pet Friendly)

สัมมนาใหญ่ประจำปี 2567 Chiangmai RE - Future 2024

ดีเวลเปิดตัว “อาณา พระรามเก้า” บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ ความสุขของคนโลกส่วนตัวสูง เริ่ม 39.9 ลบ.

ซีแพค กรีน โซลูชัน ผู้นำด้านนวัตกรรมก่อสร้างเพื่อสิ่งแวดล้อม เตรียมขนทัพนวัตกรรมสุดล้ำ มาร่วมสร้างตำนาน บทใหม่ให้วงการออกแบบก่อสร้างในงาน "สถาปนิก'66: Architect Expo 2023" ครั้งแรกในประเทศไทย! กับการยก CPAC 3D Café มาไว้ที่งาน พร้อมก้าวข้ามขีดจำกัดของการสร้างผลงาน Street Furniture สุดครีเอท โดยการนำ สี “Scarlet Sage” ซึ่งเป็นเทรนด์สีแห่งปี จากนวัตกรรม CPAC 3D Printing Solution มาให้สัมผัส อีกทั้งยังมีงานตกแต่งพื้นด้วย CPAC Floor Solution - Stamped Concrete บริการพื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย, CPAC Floor Solution - Marble Render บริการงานตกแต่งพื้นด้วยมาร์เบิ้ลเรนเดอร์, CPAC FillGood Solution บริการเติมเต็ม ปิดโพรงใต้โครงสร้าง ด้วยวัสดุมวลเบาชนิดพิเศษจากซีแพค ที่มาพร้อมทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เตรียมพบกับ สะพานคอนกรีต แห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยี UHPC (Ultra High Performance Concrete) จาก CPAC Ultra Bridge Solution ที่จะมาเปลี่ยนโฉมสะพานแบบเดิม ๆ โดดเด่นเรื่องการดีไซน์สะพานคอนกรีต สวย แกร่ง บาง, KIT CARBON แพลตฟอร์มซึ่งใช้เทคโนโลยี Digital & BIM เข้ามาช่วยคำนวณ Embodied Carbon เพื่อช่วยในกระบวนการก่อสร้างตั้งแต่การออกแบบและการเลือกใช้วัสดุ, EV-Charger Cover อุปกรณ์กล่องครอบเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งผลิตจาก Waste Concrete & Cement ที่นับเป็นหัวใจสำคัญของการลดมลภาวะ เพื่อมุ่งเน้น Net Zero อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งในทุกโซลูชันตอกย้ำ ด้านการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ ซีแพค กรีน โซลูชัน ได้เป็นอย่างดี<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230419/content/ul25skdx-20230419120152.jpg" style="width: 100%;" alt="ซีแพค กรีน โซลูชัน นำทัพนวัตกรรมการออกแบบในงาน สถาปนิก 66" width="" height="" title="ซีแพค กรีน โซลูชัน นำทัพนวัตกรรมการออกแบบในงาน สถาปนิก 66" class="" role=""> 
โดยภายในงาน นอกจากจะได้สัมผัสเทคโนโลยีสุดล้ำแล้ว ซีแพค กรีน โซลูชัน ยังร่วมกับ Fika & Co Cafe ร้านกาแฟดีกรีแชมป์ 2023 Thailand National Barista Champion โดย คุณอู๋-ร้อยตรี เอกพล ดีบุญมี ณ อยุธยา บาริสต้า หนุ่มหล่อที่จะมาร่วมครีเอทเมนู Filter Coffee ให้คอกาแฟได้ดื่มด่ำไปกับรสชาติความอร่อยกลมกล่อมท่ามกลางงาน ครีเอทสุดล้ำแบบไร้ขีดจำกัด...เท่านั้นยังไม่พอยังมีโปรโมชันสุดพิเศษอีกมากมายสำหรับลูกค้าเฉพาะภายในงานนี้เท่านั้น มาร่วมสัมผัสพร้อมกัน ได้ที่บูธ ซีแพค กรีน โซลูชัน เสา L31 เวลา 10.00 - 20.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี วันอังคารที่ 25 – วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายนนี้

ซีแพค กรีน โซลูชัน นำทัพนวัตกรรมการออกแบบในงาน สถาปนิก 66

“คอตโต้” ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์แบรนด์กระเบื้อง สุขภัณฑ์ และก๊อกน้ำระดับโลก ด้วยการเชิญชวนสถาปนิก นักออกแบบ และผู้สนใจ ร่วมสัมผัสความหลากหลายของผลิตภัณฑ์คอตโต้ได้ที่บูธคอตโต้ในงานสถาปนิก 2023 พบกับหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอภายใต้ธีม “MEFlection” ที่ชวนขบคิดให้เห็นการสะท้อนความแตกต่างอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ สร้างการรับรู้ของแบรนด์คอตโต้ในมุม conceptual art ถ่ายทอดภาพจำของผลิตภัณฑ์กระเบื้อง สุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำ ในรูปแบบของงานศิลป์ โดยจัดแบ่งการนำเสนองานเป็นโซนต่าง ๆ<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20230419/content/gmgc42l2-20230419115827.jpg" style="width: 100%;" alt="คอตโต้ จับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ โชว์ในงานสถาปนิก 2023" width="" height="" title="คอตโต้ จับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ โชว์ในงานสถาปนิก 2023" class="" role=""> 
ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธ COTTO ได้ในงานสถาปนิก 2023 ระหว่างวันที่ 25-30 เมษายน 2566 นี้ ที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ <a href="https://www.cotto.com/" target="_blank">cotto.com</a> / Facebook Youtube Instagram Line official: cottoofficial

คอตโต้ เตรียมโชว์ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในงานสถาปนิก 2023

ข่าวอสังหาริมทรัพย์

 ยกระดับสถาปนิกเจนฯ ใหม่ บาเนียและบิลท์ แลนด์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยรังสิต มอบรางวัลทีมชนะเลิศในโครงการ NPA Home Renovation

 ยกระดับสถาปนิกเจนฯ ใหม่ บาเนียและบิลท์ แลนด์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยรังสิต Workshop โครงการ Home Renovation

COTTO ผู้นำเทรนด์ ด้วยนวัตกรรมที่มาพร้อมโซลูชั่น หนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงผลกระทบจากวิกฤตโควิด – 19 ที่ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งต่อสภาวะเศรษฐกิจโลก และวิถีการดำรงชีวิตผู้คนที่กำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมสมัยใหม่ ที่ล้วนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ท่ามกลางบริบทแวดล้อมรอบตัวของการเติบโตจากกระแสเทคโนโลยี การสื่อสาร และนวัตกรรมนำสมัย ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ผู้คนส่วนใหญ่ก็เริ่มหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ และให้ความสำคัญกับธรรมชาติมากขึ้น ด้วยแนวคิดในการอยู่ร่วมกันของคน และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พร้อม ๆ กับตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของครอบครัวยุคใหม่ การจัดเตรียมพื้นที่การพักอาศัยที่สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่ จึงมีนัยสำคัญที่ไม่ไช่เพียงแค่ “การพักอาศัย” เหมือนเดิมอีกต่อไป 
<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220819/content/huxx0asa-20220819065012.jpg" style="width: 100%;" alt="" width="" height="" title="COTTO Design Contest" class="" role=""> และเพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิด การออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยของยุคสมัยใหม่ COTTO จึงขอเชิญชวน นิสิต นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะมัณฑนศิลป์ หรือคณะที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมส่งผลงานได้ทั้งในรูปแบบบุคคล และแบบทีมไม่เกิน 3 คน มาร่วมออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยในฝัน สร้างสรรค์ Dream Space ภายใต้แนวคิดที่ใส่ใจสุขภาพ และธรรมชาติรอบตัว เนรมิตพื้นที่ที่สร้างบรรยากาศแห่งความสุขใจ สะดวกสบาย ปลอดภัย และใกล้ชิดธรรมชาติสำหรับทั้งตัวเอง และทุกคนในครอบครัว พร้อมชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 100,000 บาท 
โดยผู้เข้าร่วมประกวดต้องออกแบบพื้นที่พักอาศัย ขนาด 24 - 32 ตารางเมตร ที่ประกอบด้วย 2 ฟังก์ชั่นใช้สอยที่ต่างกัน โดยสามารถกำหนดรูปแบบการใช้งาน ตำแหน่งช่องเปิด ความสูงฝ้าเพดาน หรือผนังแบ่งพื้นที่ได้อย่างอิสระ โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการใช้งานได้จริง ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมประกวดต้องใช้วัสดุกระเบื้องเซรามิกคอตโต้ และโมเสกคอตโต้เป็นหลัก โดยต้องมีการเลือกใช้กระเบื้องคอตโต้ Air-Ion หรือกระเบื้องคอตโต้ Hygienic Tile ในแบบที่ส่งประกวดและสามารถดูรายละเอียดสินค้ากระเบื้องคอตโต้ได้ที่ www.cotto.com
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ <a href="https://bit.ly/3Q9TioZ" target="_blank">https://bit.ly/3Q9TioZ</a> และส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้ตั้งแต่วันนี้ – 25 กันยายน 2565 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ โทร. 0-2422-9999 ต่อ 4840&nbsp;<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">และ Email: COTTODesignContest2022@gmail.com

คอตโต้ชวนนักศึกษาออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยยุค New Normal ชิงเงินรางวัลกว่า 100,000 บาท

ใครอยู่กรุงเทพฯ เดือนกรกฎาคมนี้มีหนังฟรีมาให้ดูเพียบตลอดทั้งเดือนกับเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง” เรามาดูโปรแกรมฉายภายยนตร์กันครับว่ามีฉายที่ไหน แล้วเรื่องอะไรบ้าง&nbsp;<h4>โปรแกรมเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง" วันที่ 7 กรกฎาคม 2565&nbsp;</h4><ul><li>ลานคนเมือง เขตพระนคร : ฉายเรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2540</li><li>True Digital Park เขตพระโขนง : ฉายเรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2552</li></ul><h4>โปรแกรมเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง" วันที่ 8 กรกฎาคม 2565&nbsp;</h4><ul><li>ลานคนเมือง เขตพระนคร : ฉายเรื่อง เวลาในขวดแก้ว เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2534</li><li>True Digital Park เขตพระโขนง : ฉายเรื่อง 36 เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2555</li></ul><h4>โปรแกรมเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง" วันที่ 9 กรกฎาคม 2565&nbsp;</h4><ul><li>ลานคนเมือง เขตพระนคร : ฉายเรื่อง แพรดำ เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2504</li><li>True Digital Park เขตพระโขนง : ฉายเรื่อง แม่นาคพระโขนง เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2502</li></ul><h4>โปรแกรมเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง" วันที่ 14 กรกฎาคม 2565&nbsp;</h4><ul><li>ศูนย์เยาวชนคลองเตย เขตคลองเตย : ฉายเรื่อง RRR เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2565</li><li>สวนรถไฟ เขตจตุจักร : ฉายเรื่อง 4Kings เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2564</li></ul><h4>โปรแกรมเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง" วันที่ 15 กรกฎาคม 2565&nbsp;</h4><ul><li>ศูนย์เยาวชนคลองเตย เขตคลองเตย : ฉายเรื่อง มนต์รักทรานซิสเตอร์ เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2544</li><li>สวนรถไฟ เขตจตุจักร : ฉายเรื่อง Portrait of a Lady on Fire เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2562</li></ul><h4>โปรแกรมเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง" วันที่ 16 กรกฎาคม 2565&nbsp;</h4><ul><li>ศูนย์เยาวชนคลองเตย เขตคลองเตย : ฉายเรื่อง บุญชูผู้น่ารัก เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2531</li><li>สวนรถไฟ เขตจตุจักร : ฉายเรื่อง One for the Road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2564</li></ul><h4>โปรแกรมเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง" วันที่ 21 กรกฎาคม 2565&nbsp;</h4><ul><li>สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย : ฉายเรื่อง หมานคร เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2547</li><li>ตลาดบางแคภิรมย์ เขตบางแค : ฉายเรื่อง Fast and Furious เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2552</li></ul><h4>โปรแกรมเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง" วันที่ 22 กรกฎาคม 2565&nbsp;</h4><ul><li>สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย : ฉายเรื่อง อนธการ เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2558</li><li>ตลาดบางแคภิรมย์ เขตบางแค : ฉายเรื่อง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2547</li></ul><h4>โปรแกรมเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง" วันที่ 23 กรกฎาคม 2565&nbsp;</h4>-สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย : ฉายเรื่อง Wheel of Fortune and Fantasy เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2564-ตลาดบางแคภิรมย์ เขตบางแค : ฉายเรื่อง เพื่อนสนิท เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2548<h4>โปรแกรมเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง" วันที่ 28 กรกฎาคม 2565&nbsp;</h4><ul><li>สยาม Blox I สยามสแควร์ เขตปทุมวัน : ฉายเรื่อง รักแห่งสยาม เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2550</li><li>สวน 60 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : ฉายเรื่อง คู่กรรม เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2556</li></ul><h4>โปรแกรมเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง" วันที่ 29 กรกฎาคม 2565&nbsp;</h4><ul><li>สยาม Blox I สยามสแควร์ เขตปทุมวัน : ฉายเรื่อง Season Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2549</li><li>สวน 60 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : ฉายเรื่อง พี่นาค เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2562</li></ul><h4>โปรแกรมเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง" วันที่ 30 กรกฎาคม 2565&nbsp;</h4><ul><li>สยาม Blox I สยามสแควร์ เขตปทุมวัน : ฉายเรื่อง สยามแสควร์ เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2527</li><li>สวน 60 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : ฉายเรื่อง มือปืน เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2526</li></ul><h4>โปรแกรมเทศกาล "กรุงเทพฯ กลางแปลง" วันที่ 31 กรกฎาคม 2565&nbsp;</h4><ul><li>สวนครูองุ่น เขตวัฒนา : ฉายเรื่อง School Town King แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2563</li><li>สุขุมวิท 31 เขตวัฒนา : ฉายเรื่อง One For the Road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ เป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2564</li></ul><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220704/content/3341xunq-20220704103805.jpg" style="width: 100%;" alt="" width="" height="" title="กรุงเทพฯ กลางแปลง" class="" role=""> ได้ตารางฉายหนังคร่าวๆ กันไปแล้ว งานนี้คอหนังห้ามพลาด เตรียมป๊อบคอร์นให้พร้อม แล้วไปดูหนังได้ตามวันและเวลาได้เลย&nbsp;<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">ทั้งนี้วันเวลา สถานที่ และหนังที่ฉาย อาจเปลี่ยนแปลงนะครับ แต่สามารถติดตามกันได้เลยที่ <a href="https://www.facebook.com/prbangkok" target="_blank">Facebook : </a><a href="https://www.facebook.com/prbangkok" target="_blank" style="background-color: rgb(255, 255, 255); font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์&nbsp;</a>

โปรแกรมฉายหนัง "กรุงเทพฯ กลางแปลง” เดือนกรกฎาคม 65

CPAC Solution Center สาขาเชียงใหม่ ชวนผู้บริหารบาเนียมาบอกเล่าการใช้เทคโนโลยีและ Big Data ในการอบรม Data Driven ที่ CPAC Solution Center สาขาเชียงใหม่ เพื่อเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางในการทำงานให้แก่บุคลากรในองค์กร
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1617337651950-web S__17334320.jpg" alt="บาเนีย" width="608" height="456" />
&nbsp; &nbsp; เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ศูนย์รวมนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญด้านงานก่อสร้างอย่างครบวงจรที่เชียงใหม่ของ SCG &nbsp;หรือ CPAC Solution Center สาขาเชียงใหม่ มีการจัดอบรมพนักงาน โดยคุณชนะ ภูมี Vice President &ndash; Cement and Construction Solution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี ได้ถ่ายทอดสดแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Big Data ในหัวข้อเรื่อง Data driven ให้แก่บุคลากรในสาขาขององค์กรฟัง พร้อมเชิญคุณอัญชนา วัลลิภากร ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหารบริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทสตาร์ทอัพระดับ Series B มาร่วมแชร์ประสบการณ์และหลักการทำงานในการนำ Big Data &amp; Technology มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้าน Property insight, People insight และ Proximity insight เพื่อให้คนหาบ้านมีข้อมูลและตัดสินใจง่ายขึ้น ขณะเดียวกันผู้พัฒนาอสังหาฯ ก็สามารถวางแผนธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดได้อย่างถูกทิศทาง พร้อมลดต้นทุนในส่วนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้เพื่อให้บุคลากรในองค์กรเกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่อง Big Data &amp; Technology และเป็นแนวทางในการทำงานแก่กลุ่มบุคลากรในองค์กรต่อไป
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1617337680467-web S__17334319.jpg" alt="บาเนีย" width="608" height="441" />

Artwork-News-Cover-2.jpg

CPAC Solution Center เชียงใหม่ ชวนบาเนียแชร์การรันธุรกิจในยุค Data Driven

งานอีเวนต์

มูลนิธิคนรักเมืองมีน ในนาม “คณะกรรมการศึกษาการพัฒนาเมืองฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ภายหลังการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีชมพู” เสนอให้จัดทำ “คลองระบายน้ำบายพาส” เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ต่อคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20210924/content/s656jkfc-20210924070310.jpg" style="width: 100%;" alt="" width="" height="" title="คลองระบายน้ำบายพาส, วิชาญ" class="" role=""> นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานมูลนิธิคนรักเมืองมีน กล่าวว่า มูลนิธิคนรักเมืองมีน ร่วมกับหอการค้าไทย-จีน กรุงเทพมหานคร นักวิชาการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินงานด้านวิชาการในนาม “คณะกรรมการศึกษาการพัฒนาเมืองฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ภายหลังการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีชมพู” 
คณะกรรมการฯ ได้ทำการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ที่จำกัดสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ให้เป็นพื้นที่ “ฟลัดเวย์” สีขาวทแยงสีเขียวมานานกว่า 30 ปี โดยที่ไม่ได้สร้างเส้นทางระบายน้ำตามวัตถุประสงค์เดิมของผังเมืองแต่อย่างใด
ในขณะที่ความเจริญทางเศรษฐกิจในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก มีการเติบโตและขยายตัวเพิ่มมากขึ้น จากการที่มีพื้นที่เชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ใกล้สนามบิน สุวรรณภูมิ และมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า 2 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2565 และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ - มีนบุรี) ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2567 รวมทั้งยังมีรถไฟฟ้า Airport Link ซึ่งจะปรับรูปแบบเป็นรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เชื่อมโยงสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา
อาศัยมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 “รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมาย ที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือ การประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน”คณะกรรมการฯ จึงได้นำเสนอคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร (มีนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ทำหน้าที่แทนประธานคณะกรรมาธิการฯ) ให้มีการจัดทำ “คลองระบายน้ำบายพาส” ขนาดใหญ่ บนพื้นที่ฟลัดเวย์ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมให้มีการระบายลงสู่อ่าวไทยอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้พื้นที่ฟลัดเวย์ของกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก เป็นพื้นที่เพื่อการระบายน้ำท่วมจากทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานครอย่างแท้จริง ตามวัตถุประสงค์เดิมของผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร และเพื่อปลดล็อกการจำกัดสิทธิ์การพัฒนาที่ดินในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ขยายขอบเขตการพัฒนาที่ดินให้สอดคล้องกับสภาพความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันของพื้นที่ 
โดยคลองที่เสนอนี้จะมีความกว้าง 300 เมตร มีที่ว่างชานคลองอีกข้างละ 100 เมตร สำหรับทำการเกษตรในช่วงที่ไม่มีน้ำท่วม และเป็นพื้นที่รองรับน้ำ ในฤดูฝน มีถนนสองข้างคลอง ข้างละ 6 เลน คลองนี้จะมีความยาวประมาณ 157 กิโลเมตร รองรับน้ำท่วมจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดอ่างทอง และแม่น้ำป่าสักที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แนวเส้นทางจะผ่านจังหวัดปทุมธานี ผ่านพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานครบริเวณแนวฟลัดเวย์ และผ่านจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อนำน้ำลงสู่ทะเลอ่าวไทยอย่างรวดเร็ว ไม่น้อยกว่า 2,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที คลองระบายน้ำบายพาสนี้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 7 ปี 
การจัดทำคลองระบายน้ำบายพาสนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำท่วมจากทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร ส่งผลเสียหายให้แก่พื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดต่างๆ ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยารวมทั้งกรุงเทพมหานคร นอกจากนั้น ยังจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณที่คลองระบายน้ำบายพาสนี้ตัดผ่าน อาทิ จะมีเส้นทางโลจิสติกส์ทางน้ำและถนนที่เพิ่มมากขึ้น บริเวณที่ว่างชานคลองข้างละ 100 เมตร ในช่วงที่ไม่มีน้ำท่วม สามารถจัดทำเป็นสวนสาธารณะเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่สันทนาการ การท่องเที่ยวทางน้ำ สามารถจัดการแข่งขันกีฬาทางน้ำ หรือใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตร เป็นแหล่งอาหารของเมือง
นอกจากนั้นจากการที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานครมีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 300,000 ไร่ (1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมดของกรุงเทพมหานคร) จึงสามารถที่จะส่งเสริมและพัฒนาให้เป็น “เมืองใหม่แห่งอนาคตของกรุงเทพมหานคร” ที่มีความยั่งยืน พัฒนาให้เป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการบริหารจัดการเมือง ควบคู่ไปกับการพัฒนาให้เป็นเมืองสีเขียว (Green City) ที่เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อมและปลอดมลพิษ มีการบริหารจัดการขยะ การจัดการน้ำเสีย ลดการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง ทำให้เป็นเมืองใหม่ที่มีความน่าอยู่อาศัยของกรุงเทพมหานครต่อไป
ในระหว่างที่รอการจัดทำคลองระบายน้ำบายพาสนั้น คณะกรรมการฯ เสนอให้เจ้าของที่ดินที่ต้องการพัฒนาที่ดินบริเวณแนวคลองตัดผ่าน ให้มีการขุดบ่อหน่วงน้ำ หรือ “แก้มลิง” 10% ของพื้นที่ที่จะพัฒนา และสามารถที่จะเชื่อมต่อกับคลองระบายน้ำบายพาส เมื่อจัดทำแล้วเสร็จสำหรับแนวทางการจัดทำคลองระบายน้ำบายพาสนี้ คณะกรรมการฯ เสนอให้ใช้วิธีการ “จัดรูปที่ดิน” ตาม พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินเพื่อการพัฒนาพื้นที่ พ.ศ.2547 แทนการเวนคืนที่ดิน เนื่องจากสามารถที่จะดำเนินการได้โดยความยินยอมของเจ้าของที่ดิน 2 ใน 3 ภาครัฐจะเป็นผู้ให้การสนับสนุน วิธีดำเนินการเป็นการประสานการพัฒนาชุมชนโดยภาครัฐเเละเอกชน (ราษฎร์ - รัฐ ร่วมพัฒนา) อีกทั้งยังช่วยลดการใช้งบประมาณภาครัฐในเวนคืนที่ดิน ซึ่งเมื่อจัดรูปที่ดินเสร็จเเล้ว จะทำให้มูลค่าที่ดินจะสูงขึ้น จึงคาดว่าจะได้รับความร่วมมือจากเจ้าของที่ดินมากกว่าวิธีการเวนคืน
สำหรับเจ้าของที่ดินที่ที่ดินถูกขุดเป็นคลอง ไม่สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้ สามารถทำการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน โดยจะมีการจัดตั้ง “บริษัทพัฒนาเมือง” เป็นผู้บริหารกิจการคลอง จัดหาประโยชน์จากพื้นที่บริเวณคลอง บริหารจัดการน้ำ จัดการพลังงานทางเลือก เพื่อให้มีกำไรคืนให้กับหุ้นส่วนการพัฒนาเมืองดังกล่าว
ผลการศึกษาของคณะกรรมการฯ ดังกล่าวข้างต้นนี้ คณะกรรมการฯ จะนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และจะจัดส่งกรมโยธาธิการและผังเมืองเพื่อเป็นแนวทางการแก้ปัญหาผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครบริเวณพื้นที่ฟลัดเวย์ของกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออกต่อไป<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20210924/content/gklwtai8-20210924070400.jpg" style="width: 100%;" alt="" width="" height="" title="คลองระบายน้ำบายพาส" class="" role=""> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20210924/content/ndvjb877-20210924070341.jpg" style="width: 100%;" alt="" width="" height="" title="คลองระบายน้ำบายพาส" class="" role="">

มูลนิธิคนรักเมืองมีนเสนอแผนแก้น้ำท่วมพื้นที่ตะวันออก กทม. ต่อ กมธ.การคุ้มครองผู้บริโภคฯ

SET หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ SEC หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ขอเชิญรวมสัมมนาออนไลน์ฟรีในหลากหลายหัวข้อ ในงาน LiVE Demo Day : The New Road to Capital Market ในวันอังคารที่ 14 กันยายน 2564 ตั้งแต่เวลา 10.00-16.30 น.<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20210906/content/ony1oxlq-20210906051125.jpg" style="width: 100%;" alt="" width="" height="" title="LiVE Demo Day : The New Road to Capital Market" class="" role=""> พบกับโอกาสของ SMEs และ Startups บนเส้นทางตลาดทุน ด้วยบริการจาก LiVE Platform และทางเลือกการลงทุนบน LiVE Exchange ในงาน LiVE Demo Day: The New Road to Capital Market&nbsp; รับชมและรับฟังปาฐกถาพิเศษ “ยุทธศาสตร์ส่งเสริม SMEs / Startups ยกระดับขีดความสามารถและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” โดย คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมการแนะนำบริการต่างๆ จาก LiVE Platform เพื่อเป้าหมายการเติบโตและโอกาสการลงทุนใน LiVE Exchange - ตลาดหลักทรัพย์ สำหรับ SMEs และ Startups&nbsp;โดยหัวข้อเสวนาประกอบด้วย :&nbsp;<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">1. “The Design of LiVE ระเบิดไอเดียร่วมออกแบบโลกตลาดทุนสำหรับ SMEs / Startups”2. “How LiVE Works&nbsp; ติดอาวุธนักรบพันธุ์ใหม่”3. “How to Invest in LiVE โอกาสและการลงทุนบน LiVE Exchange”<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">ไม่เพียงเท่านั้นยังพบกับกิจกรรมเวทีนำเสนอธุรกิจจาก SMEs และ Startups ในโครงการ LiVE Acceleration Program <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">ใครสนใจสามารถลงทะเบียนร่วมงานฟรี เพื่อรับบทสรุปหลังจบงานเลย<a href="http://forms.office.com/r/EUfw41aRkB" target="_blank">ที่นี่</a>&nbsp;แล้วพบกันวันที่วันอังคารที่ 14 กันยายน 2564 เวลา 10.00-16.30 น.&nbsp;<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20210906/content/jvv6pr0l-20210906051103.jpg" style="width: 100%;" alt="" width="" height="" title="LiVE Demo Day : The New Road to Capital Market" class="" role=""><span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;"> <div> </div>

SET & SEC จัดสัมมนาออนไลน์ฟรี LiVE Demo Day : The New Road to Capital Market 

รัฐสภาแห่งใหม่กับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

EEC คืออะไร จะช่วยพัฒนาอสังหาฯ ของประเทศไทยได้หรือไม่

ข่าวพัฒนาเมือง

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และนางฉัตร์รวี จิรกุลเมธาพัฒน์  รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานสาขา ธอส. ร่วมกันแสดงความยินดีกับลูกค้า 2 รายแรกที่ได้รับอนุมัติและ ทำนิติกรรมของผลิตภัณฑ์สินเชื่อนาทีทอง Golden minute อัตราดอกเบี้ย 0% รวม 12 เดือน เฉลี่ย 3 ปี 3 เดือน  อัตราดอกเบี้ยเพียง 2.07 % และผ่อนชำระต่ำเริ่มต้นปีที่ 1 เพียงแค่ 2,900 บาท/เดือน(สำหรับวงเงินกู้ 1 ล้านบาท)เท่านั้น กรอบวงเงิน 900 ล้านบาท ซึ่งเปิดให้ลูกค้าจองสิทธิ์ผ่าน Application : GHB ALL เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2563  เวลา 12.09 น. และเต็มกรอบวงเงินภายในระยะเวลาเพียงแค่ 7 วินาทีเท่านั้น โดยผู้ที่จองสิทธิ์ต้องยื่นคำขอกู้ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 กันยายน 2563 ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น  ณ โถงนิติกรรม ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597717465954-S__91013125.jpg" alt="ธอส สินเชื่อนาทีทอง" width="1020" height="680" /> <img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597717497457-974601.jpg" alt="ธอส สินเชื่อนาทีทอง" width="1020" height="680" />

ธอส.อนุมัติสินเชื่อ Golden minute ให้ลูกค้า 2 รายแรกแล้ว

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือร่วมกับกลุ่มสตาร์ทอัพ นำโดย ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม นายกสมาคมสตาร์ทอัพ ประเทศไทย, นายเรืองโรจน์ พูนผล อดีตนายกสมาคมฯ เพื่อหารือการส่งเสริมปัญหาและอุปสรรคการดำเนินธุรกิจ ที่กระทรวงพาณิชย์ เมื่อ 9 ต.ค.2562

สตาร์ทอัพ ตบเท้าเข้าพบจุรินทร์หวังรัฐเร่งแก้ปมอุปสรรคการดำเนินธุรกิจ หวังเติบโตอย่างยั่งยืน ชี้จุดอ่อนสตาร์ทอัพไทยไร้ทางแข่งทุนนอกเหตุกฎระเบียบในประเทศไม่ส่งเสริม

<img alt="" src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/53074.jpg" />

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;พบกับ&nbsp;กลุ่มผู้ประกอบการเปิดใหม่ทางด้านเทคโนโลยีหรือสตาร์ทอัพ&nbsp;เพื่อหาแนวทางแก้ไขอุปสรรคปัญหาและแนวทางในการสนับสนุนเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้จากการ พูดคุยพบว่าปัญหาที่สำคัญของกลุ่มสตาร์ทอัพของคนไทย คือการขยายธุรกิจให้เติบโต (Scaling Up) ที่ยังมีอุปสรรคอยู่มากโดยเฉพาะประเด็นทางด้านกฏหมายที่ไม่เอื้อในการประกอบธุรกิจ รวมถึงการสนับสนุนทางด้านเงินทุนจากธนาคารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีอุปสรรคเรื่องความล่าช้าในการได้รับเงินทุนเพื่อดำเนินกิจการ&nbsp;

ผู้เกี่ยวข้องประกอบด้วย&nbsp;นักลงทุน ลูกค้า ภาครัฐ และกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่&nbsp;แต่ปัญหาที่ผ่านมาของภาครัฐคือเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างที่มักจะพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการขึ้นเองมาแข่งขันกับภาคเอกชนโดยจัดจ้างผู้ประกอบการเพียงรายใดรายหนึ่งและบังคับให้ทุกหน่วยงานใช้ซึ่งเป็นการปิดโอกาสทางการแข่งขันสำหรับผู้ประกอบการรายอื่น ผลที่จะตามมาคือทำให้ได้บริการที่ไม่ตอบโจทย์การใช้งานจริง และส่งผลให้กลุ่มสตาร์ทอัพรายเล็กไม่สามารถแข่งขันได้และอยู่ไม่รอดในที่สุด

&nbsp;ทั้งนี้ ปัญหาที่สำคัญที่กลุ่มสตาร์ทกำลังเผชิญคือเรื่องของการบังคับใช้กฏหมาย ที่มีความไม่เท่าเทียมกันระหว่างสตาร์ทอัพไทย กับสตาร์ทอัพจากต่างประเทศ การใช้เงินทุ่มตลาดจากผู้ประกอบการสตาร์ทอัพจากต่างประเทศ โดยข้อติดขัดทางด้านกฏหมายหลายข้อ

“จะสรุปประเด็นที่จะให้ภาครัฐช่วยดำเนินการแก้ไขมาในเบื้องต้น และจะให้มีการนัดหมายหารือกันอีกครั้งเพื่อพูดคุยกันในรายละเอียดต่อไป”

สำหรับผู้แทนจากกลุ่มสตาร์ทอัพที่เข้าพบนายจุรินทร์ในครั้งนี้ มาจากหลากหลายอุตสาหกรรม จัดเป็นกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและมีรูปแบบในการดำเนินธุรกิจที่ตอบโจทย์เทรนด์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน&nbsp;อาทิ ธุรกิจพัฒนาทางด้านการลงทุนสำหรับคนวัยเกษียณ ธุรกิจที่ช่วยพัฒนาและต่อยอดการทำธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีโดยเฉพาะ ธุรกิจที่ทำทางด้านการพัฒนาท่องเที่ยวชุมชน ธุรกิจที่ทำทางด้าน Big Data ของภาคเกษตร

ที่มา :&nbsp; กรุงเทพธุรกิจ

&nbsp;

“จุรินทร์”ถกธุรกิจสตาร์ทอัพ แก้ปมไร้ขีดแข่งขันทุนนอก

เมื่อพฤติกรรมผู้ซื้อบ้าน ‘เปลี่ยน’ ธุรกิจ(อสังหาฯ) ก็ต้อง ‘ปรับ’

ฟังคำสัมภาษณ์ และประสบการณ์ดีๆ จาก อัญชนา วัลลิภากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด&nbsp;บริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนาเกี่ยวกับ Big Data ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบ Comprehensive Marketplace และ Data Platform&nbsp;ในรายการ Startup to Growth FM96.5 ดำเนินรายการโดย ศิริวรรณ นพรัตน์ เมื่อ 25 สิงหาคม 2562 ในประเด็น​

การ Transform เพื่อปรับตัวให้ทันในยุคดิจิทัล และ อสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวอย่างไร

ในวันที่ ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อแต่ไม่มีเงิน

ความเข้มงวดของสถาบันการเงิน

ความไม่มั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจ

หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง

ซัพพลายเหนือกว่าดีมานด์​

&nbsp;

<img alt="" src="https://cdn.baania.com/b10/article/photo/50EC61CD-00DB-4690-A4CF-69D10E84FC5E.jpg" />

คลิกฟังได้ที่

https://www.facebook.com/Thinkingradio/videos/2382449665124436/

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

อสังหาฯ​ปรับตัวอย่างไรในยุคดิจิทัล

'บาเนีย' คว้าเงินลงทุนรอบ Series-B กว่า 100 ล้าน  นำโดย กรุงศรี ฟินโนเวต' พร้อมด้วย 'ทีคิวแอลดี' และ 'ทีเอชเอส โกร๊ท' ร่วมลงทุน

สื่อมวลชน

พื้นที่รวมข่าวสารเพื่อประโยชน์ของคนหาบ้าน ขายบ้าน หรือลงทุนอสังหาริมทรัพย์ เช่น อสังหาริมทรัพย์ การคมนาคม สินเชื่อบ้าน การพัฒนาเมือง หากันเลยเลยที่นี่

Guest

ข่าว