7 ข้อที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน

การซื้อบ้านในฝันสักหลังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะมีเรื่องของเงินๆทองๆ การขอสินเชื่อเข้ามาเกี่ยวข้อง และบ่อยครั้งที่เมื่อได้บ้านที่ถูกใจ กลับไม่สามารถกู้ธนาคารผ่านได้ ความฝันที่อยากจะมีบ้านสักอย่างก็อาจจะกลายเป็นแค่ความฝันต่อไปหากไม่มีการเตรียมตัวที่ดีพอ วันนี้เรามีเช็คลิสต์การเตรียมตัวก่อนซื้อบ้านมาฝากกัน ให้คุณสามารถเตรียมความพร้อมได้ล่วงหน้า เพื่อให้การอนุมัติเงินกู้เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ทั้งยังรู้ว่าควรจะซื้อบ้านราคาเท่าไหร่ ต้องผ่อนกี่ปี และอีกหลายอย่างที่คุณควรทราบไว้หากต้องการซื้อบ้านสักหลัง

1. คำนวณว่าจะสามารถกู้ซื้อบ้านได้เท่าไหร่

นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะจะบอกถึงราคาบ้านที่คุณควรจะมองหา และจะทราบได้ว่าจะขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านได้เท่าไหร่ โดยลองทำตามขั้นตอนดังนี้

1. ขอรายละเอียดการขอสินเชื่อจากธนาคาร

2. เปรียบเทียบข้อเสนอแต่ละธนาคาร

3. กำหนดงบประมาณในการซื้อบ้าน

4. กำหนดงบประมาณในการตกแต่งบ้าน

5. คำนวณความสามารถในการชำระหนี้ต่อเดือน และ จำนวนปีที่ต้องผ่อน

6. คำนวณความสามารถในการชำระหนี้ทั้งหมดลบภาระหนี้อื่นๆ จะได้ยอดที่เหลือไว้ชำระผ่อนบ้าน

เราจะเริ่มคำนวณจากหลักการง่ายๆ คือ หากบ้านราคา 1 ล้านบาท เราควรจะต้องผ่อนชำระหนี้เดือนละ 7,000 บาท และ ภาระหนี้ทั้งหมดต่อเดือนไม่ควรเกิน 1 ใน 3 ของรายได้ในเดือนนั้นๆ เช่น ถ้าคุณมีรายได้ 21,000 บาทต่อเดือน จะสามารถชำระหนี้ได้ประมาณ 7,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้สามารถใช้เครื่องมือช่วยคำนวณจากเวปไซด์ของทุกธนาคารช่วยได้

2. เคลียร์เงื่อนไขในสัญญา รีบปิดหนี้เดิมก่อนกู้หนี้ใหม่

ขั้นตอนต่อมาคือการติดต่อกับธนาคารเพื่อขอสินเชื่อซื้อบ้าน ซึ่งแต่ละธนาคารก็จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ให้ไปขอเอกสารรายละเอียดมาศึกษาก่อน เพื่อเปรียบเทียบธนาคารที่เงื่อนไขน่าสนใจ และทราบเงื่อนไขที่เราต้องปิดก่อนจะไปขอกู้สินเชื่อ ดังนี้

1. ตรวจสอบวงเงินที่จะสามารถกู้ได้ โดยธนาคารจะให้กู้เพียง 80-90% ของราคาประเมิน

2. ทำตัวเลขบัญชีให้เลขสวย โดยรักษายอดรายรับรายจ่ายในบัญชีอย่างน้อย 6 เดือน

3. ตรวจการจ่ายหนี้อื่นๆ และบัตรเครดิตว่าจ่ายตรงตามเวลาทุกงวด

4. ตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยการขอจากธนาคารที่ขอสินเชื่อก่อนยื่นกู้

5. หากมีหนี้สินค้างอยู่ ชำระเสียให้หมด

6. ยกเลิกบัตรเครดิตที่ไม่ได้ใช้ ลดการสร้างหนี้อื่นๆ

7. หาคนค้ำ หรือ หลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่เหมาะสมกับวงเงินที่กู้

8. ประเมินภาระหนี้ทั้งหมดเพื่อเอาไปลบกับความสามารถในการชำระหนี้

3. เลือกบ้านที่ใช่ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคุณ

ขั้นตอนต่อไปก็คือการเลือกบ้านในฝันของคุณ สิ่งสำคัญคืออย่ารีบร้อนเกินไป เพราะคุณต้องอยู่กับบ้านหลังนี้ไปอีกนานหลายปี ดังนั้นควรพิจารณาบ้านให้รอบคอบเสียก่อน ทั้งนี้ควรเปรียบเทียบโครงการ 2-3 โครงการในการตัดสินใจ โดยดูรายละเอียดดังนี้

1. เลือกรูปแบบบ้านที่สนใจ เช่น บ้านเดี่ยวสองชั้น ทาวน์โฮม หรือ คอนโด

2. เลือกสไตล์บ้านที่สนใจ เช่น สไตล์โมเดิร์น สไตล์ทรอปิคอล หรืออื่นๆ

3. ศึกษารายละเอียดของบ้าน เช่น พื้นที่ใช้สอย จำนวนห้อง วัสดุที่ใช้ และ โครงสร้างบ้าน

4. ศึกษารายละเอียดส่วนกลางของโครงการ

5. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผู้พัฒนาโครงการและงานที่ผ่านมา

6. ศึกษาความคืบหน้าโครงการ

7. สอบถามอนาคตหลังบ้านขายหมด

8. ทำตารางเปรียบเทียบบ้านแต่ละโครงการ

4. เลือกทำเลที่ดี ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

บางคนอาจจะมองเรื่องของทำเลเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าตัวบ้าน ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตต่อไปเมื่อย้ายไปอาศัยอยู่ โดยอาจจะลิสต์ลำดับความสำคัญมาเป็นข้อๆ ว่าจะให้น้ำหนักกับทำเลแบบไหนมากที่สุดและรองลงมา โดยให้ดูรายละเอียดดังนี้

1. เลือกทำเลที่เหมาะกับการใช้ชีวิต โดยเรียงลำดับความสำคัญมากไปน้อย

2. สำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ

3. ลงพื้นที่ศึกษาพื้นที่รอบโครงการในแต่ละช่วงเวลา

4. ศึกษาเส้นทางสัญจรรอบโครงการ และการเดินทางเข้าออกเมือง

5. ศึกษาแนวโน้มการขยายถนนและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในย่าน

6. ศึกษาราคาประเมินที่ดิน และ ประเมินอสังหาริมทรัพย์ หากต้องการซื้อเพื่อลงทุน

5. เตรียมเอกสารการขอกู้

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็เตรียมตัวสำหรับการยื่นเอกสารที่จำเป็นในการขอกู้ ซึ่งจะระบุตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ทั้งนี้ผู้ที่ทำอาชีพอิสระหรือพ่อค้าที่ไม่มีเงินเดือน อาจจะต้องเตรียมเอกสารแสดงรายได้ และ เอกสารการทำงานมากขึ้น ดังนี้

1. สำเนาบัตรประชาชน

2. ทะเบียนบ้านตัวจริงและสำเนา

3. รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน

4. สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน

5. หนังสือรับรองเงินเดือน

6. เอกสารประกอบจากรับเงินจากบริษัทที่ไปรับจ้าง (รับจ้างอิสระ)

7. เอกสารประกอบวิชาชีพ (รับจ้างอิสระ)

8. สำเนาทะเบียนสมรส

9. สำเนารายการบัญชีเงินฝากอื่นๆ

6. เริ่มเก็บออมเงินเพื่อเป็นเงินดาวน์ก้อนแรก

เนื่องจากธนาคารไม่ได้ปล่อยกู้เต็มวงเงินที่ขอ และเพื่อลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในการผ่อนชำระในแต่ละเดือน จึงควรมีการเริ่มออมเงินสำหรับใช้เป็นเงินดาวน์ก้อนแรกในการซื้อบ้าน ดังนี้

1. ทดลองออมเงินให้เท่ากับภาระหนี้ที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน เพื่อทดสอบว่าสามารถจ่ายหนี้ไหว

2. หากในช่วงนี้ขนาดสภาพคล่องทางการเงิน ต้องหาที่สำรองจ่าย เพื่อไม่ให้เสียประวัติ

3. นอกจากเงินผ่อนบ้านแต่ละเดือน ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ควรออมไว้ล่วงหน้า เช่น ค่าประกัน ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำค่าไฟ และค่าตกแต่งซ่อมแซม

4. ยังมีเงินอีกก้อนหนึ่งที่ต้องจ่ายให้กับทางกรมที่ดิน จ่ายให้กับทางธนาคาร และ จ่ายให้กับทางโครงการ เป็นค่าดำเนินการต่างๆ

7. อ่านสัญญาให้ดีก่อนจะเซ็นอะไร

การซื้อขายบ้านต้องมีสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ คุณจำเป็นจะต้องอ่านสัญญาต่างๆ ที่ทางธนาคารและโครงการที่เข้าไปซื้อบ้านอ่านให้ชัดเจนและเข้าใจ รวมถึงความถูกต้องในการสะกดตัวหนังสือหรือตัวเลข เพื่อป้องกันผลประโยชน์ต่างๆ โดยทั้งในสัญญากู้ซื้อบ้าน และ สัญญาจะซื้อจะขาย ต้องดูรายละเอียด ดังนี้

1. ก่อนลงชื่อหรือจ่ายมัดจำ ต้องอ่านสัญญาและเงื่อนไขอย่างละเอียด

2. ตรวจสอบชื่อของคุณ ชื่อผู้ขาย ขนาดที่ดิน หรืออื่นๆ ที่เป็นตัวเลขให้ดี เพราะเป็นจุดที่มักเขียนผิด

3. ไม่ควรทำสัญญาที่มีการระบุวันโอนบ้าน เพราะผู้ขายต้องให้ตรวจบ้านก่อนโอน

4. สัญญาต้องระบุว่าหากจองบ้านไป แต่กู้บ้านไม่ผ่าน ควรได้เงินคืน

5. ถ้าบ้านหรือส่วนกลางยังไม่เสร็จ สัญญาควรระบุว่าบ้านจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่

6. เก็บใบปลิว และ เอกสารประกอบการขายไว้ หรือถ่ายรูปป้ายโฆษณาเป็นหลักฐาน

7. โปรโมชั่น และของแถมที่จะได้ ต้องมีระบุในสัญญา

8. ในสัญญากู้ซื้อบ้าน อ่านกรณีโทษปรับหากไม่ชำระหนี้ตามกำหนด และ กรณียกเลิกสัญญา ให้ถี่ถ้วน

จะเห็นได้ว่าการจะซื้อบ้านหลังหนึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน ไหนจะการผ่อนบ้านที่จะต้องอยู่กับเราไปอีกหลายสิบปี การเตรียมตัวก่อนซื้อบ้านควรจะมีความพร้อมและการวางแผนก่อนการซื้อบ้านจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ Baania จะนำข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อบ้านมาฝากกันอีก รับรองว่ามีประโยชน์กับคนที่กำลังจะซื้อบ้านแน่นอนครับ

นอกจากนี้ Baania ยังมีเช็คลิสต์ที่ได้อ่านผ่านกันไปแล้ว ให้โหลดไฟล์ PDF ไปใช้กันได้ กดโหลดได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับ

Baania ของเรายังมีบทความเช็คลิสต์สำหรับคนซื้อบ้านที่อยากให้ลองเข้ามาดูกัน รับรองว่ามีประโยชน์กับคนที่กำลังจะซื้อบ้านแน่นอนครับ