ธุรกิจรับสร้างบ้าน ปรับกลยุทธ์ขยายตลาดบ้านต่ำกว่า 2 ล้าน

ความต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเองหรือบ้านสั่งสร้างยังคงเติบโตได้ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้าน ปี 2560  อยู่ที่  11,000 ล้านบาท  ปี 2561 มูลค่า 12,000 ล้านบาท และในปี 2562 คาดว่ามูลค่าจะขยับมาอยู่ที่ 12,500-13,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 4-8%

ขณะที่สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้สรุปออกมาในทิศทางที่ภาพรวมตลาดมีการเติบโตที่เป็นบวกมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน 

ประกอบกับ พฤติกรรมผู้บริโภคยังต้องการสร้างบ้านบนที่ดินตัวเอง ในจำนวนนี้ 50% สร้างบ้านใหม่บนที่ดินที่มีอยู่แล้ว อีก 50% เป็นการทุบบ้านเดิมที่อยู่มาแล้วจากรุ่นพ่อรุ่นแม่แล้วสร้างขึ้นมาใหม่

ที่เป็นเช่นนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความเคยชินของการอยู่อาศัยในทำเลเดิมๆ หรือแปลงที่อยู่ไม่ห่างจากครอบครัวเดิมมากนัก

จากเหตุผลดังกล่าวก็มีน้ำหนักมากพอที่ทำให้ สถานการณ์สต๊อกบ้านเกินความต้องการในส่วนของบ้านและคอนโดมิเนียม ไม่น่าจะมามีผลกระทบต่อธุรกิจรับสร้างบ้านมากนัก

อีกด้านยังพบว่าอาจมีตัวเร่งที่ดีจาก “ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ที่อาจได้เห็นการหยิบที่ดินเปล่ามาสร้างบ้านอยู่อาศัยกันมากขึ้น เพื่อที่ไม่ต้องเสียภาษี จากการปล่อยที่ดินให้รกร้างมานาน

แม้ในภาพใหญ่ธุรกิจรับสร้างบ้านยังส่งสัญญาณในทางบวก แต่ก็พบว่า ยังมีหลายประเด็นที่ทาง ธุรกิจรับสร้างบ้าน ต้องดำเนินการ

จากผลสำรวจและวิจัยผู้บริโภคที่มาชมงาน รับสร้างบ้านและวัสดุ เมื่อเดือนสิงหาคม 2561 พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่กว่า 60% มีแผนที่จะปลูกสร้างบ้านในปีนี้ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 1 เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคในธุรกิจรับสร้างบ้านจะใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านประมาณ 3 เดือนถึง 1 ปี

จากผลสำรวจในครั้งนี้ยังสะท้อนด้วยว่า บ้านในกลุ่มราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากถึง 38.58%

รองลงมาเป็นระดับราคาบ้าน 2-5 ล้านบาท คิดเป็น 37.89%

บ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท คิดเป็น 16.68%

บ้านระดับลักซ์ชัวรี่ ราคาตั้งแต่ 10-20 ล้านบาท คิดเป็น 4.94%

สุดท้ายบ้านระดับ 20 ล้านบาทขึ้นไปมีสัดส่วนความต้องการของผู้บริโภคอยู่ที่ 1.91%

จากความต้องการของผู้บริโภคที่ให้น้ำหนักไปกับบ้านต่ำกว่า 2 ล้านบาทในสัดส่วนที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต ในขณะที่บริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคม ส่วนใหญ่ทำโปรดักต์เฉลี่ยอยู่ที่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งจากความชำนาญในตลาดนี้ และความคุ้มค่าที่ได้ ซึ่งก็ทำให้ “ความต้องการ” กับ “โปรดักต์” ยังไม่สอดรับกัน

แนวทางสำหรับสมาคม ได้เริ่มทำในปีนี้ก็คือ เปิดรับสมาชิกใหม่ๆ  โดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านในต่างจังหวัดซึ่งทำตลาดในกลุ่มบ้าน 2 ล้านบาท เช่นที่ตอบรับการเป็นสมาชิกแล้ว 5 ราย ที่ สกลนคร จันทบุรี กาญจนบุรี จังหวัดละ 1 ราย  และ ในกรุงเทพฯ อีก 2 ราย ขณะเดียวกันก็ยังมีอีก 5 รายที่รอการตรวจสอบ

จากแนวทางนี้  นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builders Association: HBA) กล่าวว่า จะทำให้มีโปรดักต์ที่หลากหลายมากขึ้นที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านได้กว้างขึ้น

ทั้งนี้ตัวเลขใน 3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าตลาดยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการหันมาใช้บริษัทรับสร้างบ้านในการปลูกสร้างบ้านเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในไตรมาสที่ 1 คาดว่าจะมีผู้บริโภคที่ตัดสินใจจะปลูกสร้างบ้านเป็นจำนวนมากโดยคาดว่าบ้านระดับราคา 2-5 ล้านบาทยังเป็นกลุ่มหลักของตลาด

ขณะเดียวกันสมาคมได้จัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุขึ้นในวันที่  21-24 มีนาคม 2562  ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์   เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 1 ภายใต้คอนเซ็ปต์ ให้การสร้างบ้านเป็นเรื่อยง่ายง่าย  คาดว่าจะมียอดขายภายในงานประมาณ 1,200 ล้านบาท และคาดว่าหลังการจัดงานจะมีผู้ที่ตัดสินใจปลูกสร้างบ้านคิดเป็นมูลค่ารวมอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท