บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตคอนกรีตมวลเบา ภายใต้แบรนด์สินค้า Q-CON ในกลุ่มธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในเครือเอสซีจี หนึ่งในโมเดลธุรกิจที่มีจุดเริ่มต้นจาก ‘ปัญหา’ ที่บรรดาผู้ประกอบการในแวดวงอุตสาหกรรมก่อสร้างต้องเจอแล้วพลิกเป็น ‘โอกาส’ ทางธุรกิจได้เป็นผลสำเร็จ
Q-CON เริ่มต้นจากการศึกษาเทคโนโลยีใหม่โดยที่ยุคนั้นในต่างประเทศจะใช้อิฐมวลเบาสำหรับวัสดุผนังช่วยให้การก่อสร้างทำได้รวดเร็วขึ้น มีคุณสมบัติกันความร้อน และประหยัดพลังงาน ซึ่งเหมาะอย่างมากกับประเทศไทย
“บริษัทตั้งขึ้นจากเจตนารมณ์ของผู้บริหารสมัยนั้นตั้งใจหาวัสดุก่อสร้างที่ดี และทันสมัยมาเพื่อช่วยพัฒนาการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายกิตติ สุนทรมโนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน)กล่าว
จากการนำเสนอโซลูชั่นใหม่ๆ ให้กับวงการก่อสร้างก็ทำให้เติบโตมาอย่างต่อเนื่องทั้งด้านยอดขาย และการมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 โดยมีผลิตภัณฑ์มวลเบาทั้ง G2 ,G4 และ G6 และผลิตภัณฑ์มวลเบาเสริมเหล็ก เช่น คานทับหลังสำเร็จรูป แผ่นเคาน์เตอร์มวลเบา และแผ่นพื้นสำเร็จรูป
Q Solution เป็นอีกกลยุทธ์การสร้างโปรดักท์ที่มาตอบโจทย์ลูกค้ายุคแรงงานหายาก และต้นทุนสูงในปีนี้
การทำงานของ Q Solution ประกอบด้วย Q Panel ระบบผนังกันความร้อนครบวงจร ทั้งติดตั้งง่าย น้ำหนักเบา ใช้แรงงานน้อยเพียง 2-3 คน ก็สามารถติดตั้งได้ถึง 40 ตร.ม./วัน
Q Network เครือข่ายทีมช่างที่มีประสบการณ์ พร้อมให้บริการติดตั้งแก่ลูกค้าทั่วประเทศ
Q Kitchen ครัวปูนทันสมัย ดีไซน์สวย และมีโครงสร้างเสริมเหล็ก High Strength ที่แข็งแรงได้มาตรฐาน และใช้เวลาติดตั้งที่รวดเร็ว
Q Stair ระบบบันไดที่แข็งแรง ช่วยลดต้นทุน และลดเวลาการทำงานของลูกค้า
Q Sound Barrier ระบบผนังกันเสียงที่ช่วยป้องกันเสียงดังจากรอบข้าง
“การพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า โดยผลักดันผลิตภัณฑ์ Q Panel ออกสู่ตลาด ทั้งในและต่างประเทศ และยังคงมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายอิฐมวลเบา”
การพัฒนาโปรดักท์ที่เข้าไปแก้ปัญหาให้กับลูกค้าเป็นแค่จุดเริ่มต้น ถึงวันนี้ Q CON ยังเดินต่อในเส้นทางนี้ ด้วยผลงานที่พิสูจน์แล้วจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2562 มียอดขายถึง 1,032.9 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตสูงถึง 12% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีผลกำไรครึ่งปีแรก 86.90 ล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตสูงถึง 393%
กับกำลังการผลิตสูงสุดถึง 20.8 ล้านตร.ม. มีโรงงานถึง 5 โรงงาน รองรับอยู่ในเขตพื้นที่สำคัญ ที่ตลาดเติบโตสูงที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ผ่านมา 25 ปี ถึงวันนี้ ต้นทุนแรงงาน ก็ยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องผ่านไปให้ได้