ที กรุ๊ป แตกไลน์ธุรกิจจากเอเยนต์สู่นักพัฒนาอสังหาฯ ปั้นแบรนด์ "ที กรุ๊ป แอซเซ็ท" เดินหน้าผุดโครงการขนาดลูกค้าเรียลดีมานด์ เสริมการบริการครบวงจร ทั้งผู้ผลิตสินค้า ขาย และที่ปรึกษา
นายธาตรี นุชสวาท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที กรุ๊ป แอซเซ็ท จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริหารขาย เช่า ขายฝาก และบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นธุรกิจที่สร้างโอกาสให้คนได้มีที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นปัจจัย 4 ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตประกอบกับเป็นธุรกิจที่ตนมีความเชี่ยวชาญ เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการ ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) สายธุรกิจรายย่อยสินเชื่อไม่มีหลักประกันมา 4-5 ปี มีส่วนช่วยในการแนะนำลูกค้าเกี่ยวกับการซื้อที่อยู่อาศัย ในปี 2557 จึงได้ออกมาทำธุรกิจเอเยนต์
"จุดแข็งของเรา คือ การสร้างความต่าง จากเดิมเราอยากสร้างรายได้เยอะๆ แต่ตอนนี้ ได้ปรับรูปแบบมาสู่การมุ่งการขาย ควบคู่ไปกับการบริการในด้านสินเชื่อให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งผมเคยเป็น sale สินเชื่อมาก่อน โดยช่องทางการทำตลาดจะมีทั้ง การออกบูธ ทางด้านออนไลน์ และการบอกต่อของลูกค้า ทั้งนี้ ด้วยผลงานของบริษัท ที กรุ๊ป ทำให้ในระยะที่ผ่านมา จึได้ร่วมในการขายโครงการคอนโดมิเนียมให้กับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาด โดยแนวทางในปีนี้ บริษัทฯยังคงมุ่งการขายยกล็อตให้แก่นักลงทุน โดยเราจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตลาดซิตี้คอนโดฯระดับราคา 3 ล้านบาทลงมา พอร์ตหลักจะอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่กำลังซื้อกลับมาดีขึ้นมาก"
สำหรับในปัจจุบัน ที กรุ๊ปฯ มีสินค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบประมาณ 10 โครงการ จำนวน 400-500 ยูนิต เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2560 ซึ่งสภาพตลาดอสังหาฯไม่ได้ชะลอตัว โดยมีโครงการเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจเอเยนต์ โดยในแต่ละเดือน บริษัทสามารถทำยอดโอนได้ 30-40 ยูนิต หรือประมาณ 360-480 ยูนิต ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ผู้ประกอบการพอใจกับผลงานของบริษัท และคาดว่าตลอดทั้งปี โครงการที่จะเข้าไปดูแลน่าจะมากกว่า 10 โครงการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในเบื้องต้นอีก 3 โครงการ
ส่วนแผนในปี 2562 บริษัทจะเพิ่มกลยุทธ์ มาให้น้ำหนักกับผู้ซื้อรายย่อยมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าของบริษัทเป็นคนไทย เป็นกลุ่มพนักงานเงินเดือน ซึ่งมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ก็ต้องการที่อยู่อาศัย โดยจะเลือกให้ลูกค้าเหมาะสมกับทำเล เจาะกลุ่มผู้ซื้อ ที่เป็นเรียลดีมานด์มากกว่าเรื่องของการส่งเสริมดีมานด์เทียม เพื่อป้องกันการโอนไม่ได้ และสร้างผลเสียให้กับผู้ประกอบการ กระทบเป็นวงกว้าง
นอกจากนี้ ล่าสุด ได้ร่วมกับหุ้นส่วนในการขยายไลน์ธุรกิจไปสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้บริษัท ที กรุ๊ป แอซเซ็ท เนื่องจากมองเห็นโอกาส และต้องการเสริมบริการให้ครบวงจร ทั้งเรื่องการเป็นผู้ผลิตสินค้า การขาย และที่ปรึกษาให้กับลูกค้า ซึ่งตามแผนจะเริ่มขยายตลาดในปี 2562 เป็นโครงการลงทุนที่ไม่สูงนัก ได้แก่ โครงการแรกที่อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี รูปแบบอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น จำนวน 10 อาคาร เนื้อที่ 20 ตารางวา (ตร.วา) พื้นที่ใช้สอย 180 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาขาย 2.5-3.5 ล้านบาท และทาวน์โฮมที่จะเปิดขายกลางปี 2562 จำนวน 5 ยูนิต ราคาขาย 1.99-2.19 ล้านบาท รวมมูลค่าขายทั้งหมด 40 ล้านบาท
โครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น ในซอยรามอินทรา 117 จำนวน 9 ยูนิต ขนาดพื้นที่ 293 ตร.วา ราคา 2.49-2.69 ล้านบาท มูลค่าขาย 23 ล้านบาท โครงการในซอยนวลจันทร์ รูปแบบคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ สูง 5 ชั้น จำนวน 40 ยูนิต ขนาดพื้นที่ 24.5-32 ตร.ม. มูลค่าขาย 70 ล้านบาท ซึ่งที่ดินจะอยู่ในชุมชน โดยทั้งสองโครงการอยู่ในใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพูที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
"ส่วนในครึ่งหลังปีหน้า จะยังคงเปิดโครงการต่อเนื่องในซอยหทัยราษฎร์ เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น เนื้อที่ 22 ตร.วา จำนวน 5 หลัง ราคา 2.5 ล้านบาท รวมแล้ว โครงการที่จะเกิดขึ้นในปีหน้ามีมูลค่าขายเกือบ 150 ล้านบาท ส่วนในปี 2563 วางเป้าเปิด 6 โครงการ รูปแบบยังไม่กำหนด แต่เป็นโครงการที่ไม่ใหญ่ เพราะจะทำให้เราลงทุนก้อนเล็กๆได้ เข้าไปในทำเลที่เป็นสุญญากาศ เข้าไปในเมืองหัวเมือง การเน้นโฟกัสกรุ๊ปเป็นสำคัญ โดยวางเป้าการเติบโตแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 10% " นายธาตรีกล่าว