น้ำ ถือเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ของมนุษย์เช่นเดียวกันกับต้นไม้ที่ต้องการน้ำ เพื่อช่วยในการเจริญเติบโต แต่ต้นไม้แต่ละชนิดนั้น ล้วนมีความต้องการปริมาณน้ำที่แตกต่างกันออกไปและยังขึ้นอยู่กับการได้รับการดูแลและเอาใจใส่ วันนี้ Baania จึงขอนำทุกท่าน ที่สนใจในการปลูกต้นไม้แต่เวลาน้อย มาทำความรู้จักกับต้นไม้ทนแล้ง ที่ปลูกง่าย ใช้น้ำน้อย และตายยาก ให้ท่านสามารถนำไปปรับและประยุกต์ใช้กันแบบง่าย ๆ
ต้นไม้ทนแล้ง คือ ต้นไม้ที่สามารถปลูกได้ในสภาวะอากาศที่แล้งจัด โตได้แม้กระทั่งในดินที่แตกระแหง เนื่องจากใช้ปริมาณน้ำน้อย แม้ท่านจะไม่มีเวลาดูแล ต้นไม้ก็ไม่ตาย ซึ่งต้นไม้ที่หลายท่านอาจจะคุ้นชิน ไม่ได้มีแค่กระบองเพชรเพียงเท่านั้น ยังมีพันธุ์ไม้อื่นๆ อีกมากมาย ที่สำคัญต้นไม้ทนแล้งบางชนิดนั้น มีราคาดีและยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกด้วย
สำหรับหลักการเลือกต้นไม้ทนแล้ง ก่อนอื่นขอให้ทุกท่านได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ ก่อนทำการตัดสินใจซื้อกันเสียก่อน
สำรวจพื้นที่บ้านของท่านว่า พื้นที่ปลูกนั้นเป็นดินชนิดใด ดินเหนียว ดินร่วน หรือดินทราย เพื่อประโยชน์ในการเลือกต้นไม้และการใส่ปุ๋ยบำรุงได้อย่างเหมาะสม
โดยทิศที่เหมาะสมคือ ทิศใต้ ถือเป็นทิศที่รับแสงแดดมากที่สุด โดยบ้านที่หันหน้าเข้าทางทิศใต้ค่อนข้างร้อน จึงเหมาะกับการปลูกไม้ทนแล้ง เพื่อให้ร่มเงาและเพื่อให้ลมพัดผ่านเข้าสู่ตัวบ้านได้อีกด้วย เช่น หมาก โมก จำปา จำปี จันทร์ผา และกันเกรา เป็นต้น
ไม่ควรปลูกต้นไม้ชิดตัวบ้านจนเกินไป เพราะหากรากถูกชอนไชอาจจะทำให้ต้นไม้ล้มทับบ้านได้ จึงควรมีระยะห่างจากบ้านอย่างน้อย 1-2 เมตรสำหรับต้นไม้ที่สูงไม่มากนัก แต่สำหรับไม้ยืนต้นที่มีความสูงมากกว่า 5 เมตร ก็ควรเว้นระยะตามความสูงของต้นไม้นั้นๆ
หลายท่านที่ไม่ค่อยเวลาในการกวาดหรือทำความสะอาดบริเวณบ้าน ต้นไม้ไม่ผลัดใบ ถือเป็นอีกหนึ่งต้นไม้ที่ตอบโจทย์ เนื่องจากใบที่ร่วงน้อย เช่น หมาก สนฉัตร แก้วมุกดา และมะฮอกกานี เป็นต้น
ซึ่งมีหลักการดูแลต้นไม้ทนแล้งง่าย ๆ กับ 4 เทคนิคดี ๆ ที่ท่านควรรู้ เริ่มต้นกันที่
เพราะจะแย่งอาหารของและน้ำของต้นไม้ ทำให้พืชเจริญเติบโตช้าลง เพื่อป้องกันการชอนไชของแมลง จึงควรหมั่นสังเกตและกำจัดวัชพืชเป็นประจำ อย่างน้อยเดือนละครั้ง
ถือว่าเป็นสารอาหารของพืชที่ช่วยในการเจริญเติบโต ซึ่งมีทั้งแบบปุ๋ยอินทรีย์และอนินทรีย์ แต่การใช้เป็นเวลานานๆ จะทำให้โครงสภาพดินเปลี่ยนไป
เป็นที่ทราบกันดีว่าไม้ทนแล้งเป็นไม้ที่ทนอุณหภูมิสูง ๆ ได้ดี แต่ต้องอยู่ในช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ไม้ เช่น สัปปะรดสี ที่เหมาะกับอุณหภูมิในช่วง 25 - 30 องศาเซลเซียส แต่หมากที่ทนความร้อนได้ดีกว่า จะเหมาะกับอุณหภูมิช่วง 25 - 35 องศาเซลเซียส เป็นต้น
สิ่งรบกวนและก่อให้เกิดความเสียหายต่อต้นไม้ โดยท่านสามารถเลือกสารกำจัดวัชพืชหรือสารอื่นๆ เพื่อทำลายแหล่งที่อยู่ของเชื้อโรคและแมลง แต่ควรอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการดูแลต้นไม้ให้อยู่คู่กับบ้านของท่านไปอีกนาน แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านพึงกระทำได้ง่ายๆ คือ การหมั่นสังเกตต้นไม้ของท่านเป็นประจำ
มาถึงหัวข้อสุดท้ายกับ 10 ต้นไม้ทนแล้งที่กำลังได้รับความนิยมและเหมาะสำหรับหลายๆ ท่านที่กำลังมองหาต้นไม้สักต้นเพื่อนำไปปลูกไว้ที่บ้าน โดยทางเราได้รวบรวมไว้ให้ผู้อ่านทุกท่าน ดังนี้
เห็นไหมว่า 10 ต้นไม้ทนแล้ง ไม่ได้มีดีแค่ใช้น้ำน้อยเพียงเท่านั้น ยังให้ความสวยงาม เสริมมงคล แถมบางชนิดยังสามารถแปรมูลค่า หรือนำไปจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้อีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 ต้นไม้ทนแล้ง ที่ทาง Baania ได้รวบรวมข้อมูลมาฝากทุกท่าน ตั้งแต่การทำความรู้จักกับต้นไม้ทนแล้ง หลักการเลือก การดูแล ไปจนถึง 10 ต้นไม้ทนแล้งยอดฮิตที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ ณ ขณะนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ หรือมือเก่า ก็สามารถปลูกไม้ทนแล้งได้ หวังว่าบทความนี้ จะถูกใจผู้อ่านทุกท่านและสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่บ้านของท่านได้อย่างเหมาะสม