ชั้นติดผนังเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งที่นอกจากสร้างความสวยงามให้กับบ้านแล้ว ยังเก็บสิ่งของต่าง ๆ ให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นด้วย ทางเลือกในการทำชั้นติดผนังที่นำมาฝากในวันนี้ มี 2 แบบด้วยกัน เพื่อเป็นประโยชน์ในการนำไปปรับใช้เพื่อบ้านที่สวยงาม
การตกแต่งบ้านด้วยชั้นติดผนังนั้นกำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน การเลือกนำมาติดตั้งควรคำนึงถึงประโยชน์การใช้สอยเป็นอันดับแรก เพราะชั้นติดผนังมีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน ได้แก่ ชั้นติดผนังเก็บเสื้อผ้า ชั้นติดผนังสำหรับวางหนังสือ และชั้นติดผนังสำหรับของเล่นหรือของตั้งโชว์ เป็นต้น ดังนั้น หากอยากหาชั้นติดผนังมาประดับสักชิ้นในบ้าน ลองเช็คความต้องการและการใช้สอยก่อนเบื้องต้นก่อน แล้ววางแผนการตัดสินใจลำดับอื่นต่อไป
ปัจจุบันชั้นติดผนังมีหลายวัสดุให้เลือกใช้ไม่ว่าจะเป็นไม้ เหล็ก อะลูมิเนียม หรือพลาสติก PVC เป็นต้น ฉะนั้นก็ต้องดูตามความเหมาะสมเป็นหลัก อย่างเช่น อยากได้ชั้นติดผนังเพื่อเอาไว้วางหนังสือ ก็ควรเลือกวัสดุที่มีความแข็งแรงและรับน้ำหนักได้ อาจจะเป็นไม้หรืออะลูมิเนียม เป็นต้น
ในส่วนของราคาจะแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ ๆ คือ ชั้นติดผนังสำเร็จรูปและชั้นติดผนังแบบ DIY ในส่วนแรกนั้นจะประกอบรูปทรงสำเร็จ ราคาขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ การออกแบบ และยี่ห้อสินค้า ซึ่งก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น ส่วนชั้นติดผนังแบบ DIY นั้น ผู้ใช้สามารถควบคุมงบประมาณได้ด้วยตนเอง ด้วยการหาวัสดุต่าง ๆ ที่ต้องการ นำมาออกแบบขึ้นโครง สร้างสรรค์เป็นชั้นติดผนังที่ไม่เหมือนใคร
อุปกรณ์หลัก ๆ ที่ต้องมีในการสร้างชั้นติดผนังด้วยตนเองนั้นได้แก่ สว่าน เชือก ไม้ พู่กันหรือแปรงทาสี สีสำหรับทา ปากกาจับงาน น็อตและวัสดุที่ต้องการนำมาทำชั้น
สำหรับผู้ที่อยากลองสร้างชั้นติดผนังด้วยตนเองนั้น วันนี้มีวิธีการสร้างตู้วางหนังสือมาแนะนำ ด้วยขั้นตอนที่ทำไม่ยากจนเกินไป
1. เริ่มต้นจากการวัดขนาดความสูง x กว้าง x ลึกของพื้นที่เสียก่อน ขนาดมาตรฐานของชั้นติดผนังวางหนังสือไม่ควรกว้างเกิน 30 นิ้ว แต่หากว่าต้องการความกว้างมากกว่านี้ ควรมีไม้ค้ำตรงกลางเพื่อรองรับน้ำหนัก
2. นำขนาดที่วัดเรียบร้อยแล้วมาคำนวณกับวัสดุแผ่นไม้ ให้ลบออก ¾ นิ้วจากความลึกของพื้นที่ และลบออก ½ นิ้วจากความกว้างของพื้นที่ แผ่นไม้ของแต่ละชั้นควรห่างกันประมาณ 14 นิ้ว เพื่อให้ดูไม่อึดอัดจนเกินไป
3. นำเลื่อยแบบวงเดือนมาตัดไม้ตามขนาดที่ต้องการ แต่หากซื้อแผ่นไม้สำเร็จรูปที่มีขนาดพอดีอยู่แล้วก็ไม่ต้องตัด
4. ให้ติดแผ่นไม้ในส่วนด้านบนและล่างเข้ากับแผ่นไม้ด้านหลังชั้นติดผนัง ยึดด้วยกาวติดไม้กับตะปูเกลียวเข้าด้วยกัน จากนั้นใช้เครื่องแส
5. ติดแผ่นไม้ด้านบนและด้านล่างเข้ากับแผ่นไม้ของด้านหลังตู้วางหนังสือ โดยใช้กาวติดไม้และตะปูเกลียวยึดทั้ง 3 ชิ้นเข้าไว้ด้วยกัน
6. ใช้สว่านไฟฟ้ายิงสกรูจากแผ่นไม้ด้านหลังทะลุไปยังชั้นกำแพงบ้าน โดยให้ตำแหน่งสกรูตรงกับมุมหรือใกล้เคียงมุมของชั้นผนังมากที่สุด
7. จากนั้นหาจุดกึ่งกลางของชั้นติดผนังวางหนังสือจากกว้างไปสูง แล้วนำไม้รองขนาดประมาณ 1x1 นิ้วติดกาวกับสกรู เพื่อลดแรงไม่ให้ไม้ค้ำรับน้ำหนักเยอะเกินไป เมื่อเรียบร้อยแล้วให้นำไม้ค้ำติดซ้ำลงไปที่เดิม
8. ปิดด้านหน้าของตู้ด้วยการตกแต่งจะทาสีหรือเป็นแนวตัดแปะก็แล้วแต่ชอบ แต่ต้องตกแต่งให้พอดีกับขนาดของหน้าไม้ จากนั้นแปะทับลงไปด้วยกาวและตอกตะปูทับเพื่อความแข็งแรง เท่านี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
สำหรับบ้านที่ไม่สามารถใช้ชั้นติดผนังแบบเจาะฝังได้ หากอยากใช้งานควรเลือกแบบไม่เจาะ ซึ่งสามารถนำมาใช้งานได้เหมือนกัน ให้เลือกความลึกที่น้อยหน่อยจะได้เป็นการประหยัดพื้นที่ หรือจะเลือกเป็นชั้นเล็ก ๆ นำมาวางของตั้งโชว์แขวนผนังด้วยตะขอ ก็ช่วยให้บ้านดูสวยงามและเป็นการเพิ่มพื้นที่การเก็บของได้ด้วย
เป็นชั้นติดผนังที่ติดเข้ากับพื้นที่แบบตายตัว ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ โดยมากจะสั่งทำตามแบบที่ผู้ใช้งานต้องการ ดังนั้นจะมีขนาดและรูปแบบที่ลงตัวกับบ้าน เน้นประโยชน์ใช้สอยของพื้นที่ สามารถดัดแปลงให้เข้ากับพื้นที่ต่าง ๆ ในบ้านได้ไม่จำกัด
1. ในส่วนของตัวสกรูยึดติดระหว่างผนังกับชั้นต้องรับน้ำหนักได้ดี ไม่เช่นนั้นหากใช้งานไปนาน ๆ อาจจะทำให้ตัวชั้นตกลงมา ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินได้
2. ขนาดของชั้นติดผนังกับสิ่งของที่นำมาวางจะต้องมีความสัมพันธ์กันด้วย ทั้งในแง่ของความสวยงามและแง่ของการรับน้ำหนัก
3. ตำแหน่งของชั้นติดผนังก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ควรคำนึงถึง ไม่ควรติดตั้งสูงหรือต่ำจนเกินไปนัก ควรติดตั้งไว้ในจุดที่หยิบจับใช้งานง่าย
4. อย่าคำนึงถึงความสวยงามเพียงอย่างเดียว ควรนึกถึงประโยชน์ใช้สอยด้วย ดังนั้นนอกจากดีไซน์ที่สวยงาม ต้องใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของชั้นติดผนังให้ได้มากที่สุดด้วย
สำหรับชั้นติดผนัง เป็นอีกตัวเลือกสำหรับนำมาแต่งบ้านและใช้เก็บของ ถือว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีประโยชน์มากทีเดียว หวังว่าของถูกใจไม่มากก็น้อยนะครับ